“แกสร้างเรื่องอีกแล้ว!! ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าให้อยู่เงียบ ๆ ไม่ทันไรก็สร้างปัญหา แกรู้ไหมข่าวที่ออกไปทำให้หุ้นบริษัทตกลงมาเท่าไหร่ต่อไปฉันจะวางใจให้แกบริหารบริษัทได้ยังไงห๊ะ!!” เจนจบตวาดลูกชายเสียงดังก้องไปทั่วห้องรับแขกของบ้าน
ความเหลืออดเหลือทนที่มีต่อบุตรชายกำลังทำให้เขารู้สึกปวดศีรษะคล้ายจะเป็นลม ครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เปรมกระทำเรื่องเช่นนี้ไม่เที่ยวผู้หญิงก็ต้องไปมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่น เจนจบรู้ว่าเขาอารมณ์ร้อนแต่ทำไมถึงได้ทำอะไรไม่มีสติ
“ก็มันมาหาเรื่องผมก่อน ก็แค่ค่าเหล้าไม่กี่บาทเรื่องทั้งหมดก็เป็นเพราะพ่อไม่ใช่เหรอครับ ถ้าไม่อายัดบัตรเครดิตผมคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก” เปรมโยนความผิดที่ตนเองก่อให้เป็นความผิดของบิดา
“แกว่ายังไงนะ!! ฉันผิดหรือไงที่ทำแบบนี้ เป็นเพราะแกใช้เงินในแต่ละวันเหมือนกับเงินเป็นใบไม้ เที่ยวผู้หญิงทุกวันแกไม่เสียดายเงินบ้างหรือไง” เจนจบสวนกลับถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของบุตรชาย
“ผมเป็นผู้ชายนะพ่อ ผู้ชายกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน ไม่เห็นแปลกทีพ่อยังมีเล็กมีน้อยได้เลย” เขาย้อนคำพูด ในตอนนี้เจนจบถึงกับโกรธควันออกหูตบหน้าของเปรมไปหนึ่งครั้งด้วยความเหลือทน “พ่อ!”
“ทำไม! ฉันเป็นพ่อแกสั่งสอนลูกที่ไม่รักดีแบบแกจะเป็นอะไร อย่าเอาฉันไปเปรียบเทียบกับแก่ที่ยังแบมือขอเงินจากพ่อมันคนละเรื่องกัน ต่อไปนี้ก็มาทำงานหาเงินเองจะได้รู้ว่าการทำงานหาเงินเองมันเป็นยังไง”
เปรมขบเม้มริมฝีปากใช้มือข้างซ้ายกุมเอาไว้ที่แก้มในตอนนี้มันทั้งชาและเจ็บ แต่ยังอดกลั้นน้ำตาของลูกผู้ชายเอาไว้ เป็นครั้งแรกที่เขาถูกพ่อกระทำเช่นนี้ทั้งน้อยใจทั้งอายที่ถูกคนรับใช้ในบ้านได้เห็นภาพที่ไม่น่ามอง มิหนำซ้ำยังมียัยเด็กหัวอ่อนที่เดินลงมาจากด้านบนเห็นเข้าอีกคน
“ได้!! ผมจะทำให้พ่อเห็นว่าผมก็ทำงานเก่งไม่ต่างจากพ่อหรือคนอื่น ๆ” เปรมกล่าวแล้วเดินกระแทกส้นเท้าออกไปจากบ้าน
“คุณพ่อทานข้าวหรือยังคะ” ไข่มุกเอ่ยถามก่อนที่เจนจบจะหันมาส่งยิ้ม เหมือนกลับเป็นคนละคนจากเมื่อครู่
“ทานแล้ว พ่อจะออกไปทำงานแล้ว แม่ออกไปทำงานแล้วใช่ไหม วันนี้หนูมุกไม่มีเรียนเหรอลูก” เขาถามหญิงสาวด้วยความแปลกใจ ทำไมไข่มุกถึงได้อยู่ที่บ้านในเวลาสายแบบนี้
“วันนี้มุกไม่มีเรียนนะคะ ว่าจะเข้าไปช่วยงานที่ร้านนะคะ”
“งั้นพ่อไปทำงานก่อน เอาไว้เจอกันตอนเย็นนะ” เจนจบกล่าวแล้วเดินออกไปขึ้นรถที่ติดเครื่องรออยู่ด้านนอก
ไข่มุกเดินตรงมาที่รถยนต์ของตนเองแล้วขับตรงไปยังร้านอาหารระดับห้าดาวที่แม่ของเธอเป็นเจ้าของ ปกติแล้วชีวิตของเธอก็ไม่มีอะไรมาก ใช้เวลาอยู่มหาลัยและที่ทำงานที่ร้านอาหารของแม่เพียงเท่านั้น
“ไหนบอกว่าวันนี้จะไปงานวันเกิดเพื่อน ไม่เห็นต้องเข้ามาช่วยงานที่ร้านเลยลูก” ทิชาที่กำลังดูวัตถุดิบของร้านเอ่ยถามเมื่อมองเห็นบุตรสาวที่เดินยิ้มเข้ามาในห้องครัว
“ไปตอนค่ำค่ะ ตอนกลางวันหนูว่าง ให้หนูช่วยนะคะ”
“วันนี้เด็กเสิร์ฟไม่มาทำงานสองคน ดูเหมือนว่าลูกแม่จะต้องทำหน้าที่นี้แล้ว” ทิชาหันมาส่งยิ้ม แน่นอนว่าไข่มุกยิ้มรับไม่ว่าจะงานไหนก็ไม่เคยเกี่ยง
“รับทราบค่ะ หนูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ” เธอยิ้มรับก่อนไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกไปทำหน้าที่เด็กเสิร์ฟอาหาร
“สวัสดีค่ะคุณเบรเดน หวังว่าคุณจะชอบร้านอาหารร้านนี้นะคะ เห็นบอกว่าพึ่งกลับมาเมืองไทยคุณชอบอาหารไทยมากฉันจองร้านนี้เอาไว้ให้เป็นพิเศษเลยค่ะ” หญิงสาวหน้าตาสะสวยยิ้มหวาน
“บรรยากาศไม่เลว” เบรเดนตอบกลับ วันนี้เขาแค่จะมาคุยเรื่องธุรกิจกับหญิงสาวตรงหน้าเพียงเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจองร้านอาหารไทยเอาไว้ให้เสร็จสับจะปฏิเสธก็คงเสียมารยาท
“อาหารร้านนี้อร่อยมากเลยค่ะ”
“ครับ” เขาตอบกลับแต่ไม่หยิบเมนูอาหารขึ้นมาสั่ง ทำให้หญิงสาวตรงหน้ายิ้มเจือด้วยความไม่แน่ใจว่าเขาต้องการให้เธอสั่งอาหารทั้งหมดให้เขาหรือว่าเขาไม่ต้องการทานอาหารมื้อนี้
“คุณเบรเดนอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ” ในขณะที่เธอสอบถามเบรเดนพนักงานก็เดินเข้ามารับออร์เดอร์
“คุณ!” ไข่มุกที่ทำหน้าที่เป็นเด็กเสิร์ฟ อุทานเสียงเบาแต่เขากลับได้ยินทำให้แขกอีกคนหันมองทั้งสองคนอย่างสงสัย “รับอะไรดีคะ” เธอยิ้มแล้วยกกระดาษที่อยู่ในมือขึ้นมาจดเมนูอาหารของลูกค้า
“มีอะไรแนะนำ” เบรเดนเอ่ยถาม แล้วจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย
“ร้านของเราอร่อยทุกอย่างเลยค่ะ ส่วนมากลูกค้ามาทานเมนูที่สั่งทุกโต๊ะจะเป็นหมูสร่ง แกงระแวงเนื้อ เนื้อเค็มต้มกะทิ ของหวานวันนี้มีขนมพระพายค่ะ นี่คือเมนูที่แนะนำค่ะ” คำพูดที่ไม่ติดขัดทำให้เบรเดนยิ้มมุมปาก