ตอนที่7 มือเดียวไหว

2116 Words
ตอนที่7 มือเดียวไหว “เกิดอะไรขึ้น” เสียงของโดเมนไม่ช่วยทำลายบรรยากาศตึงเครียดเลยสักนิด เด็กสาวยังยืนก้มหน้าสะอื้นไห้ไม่ยอมหยุด “แล้วทำไมสภาพมึงถึงเป็นแบบนี้” โดเมนถามขึ้นอีกครั้งเมื่อยังไม่ได้รับคำตอบใด ๆ “เลือดไหลย้อนกลับเข้าสายน้ำเกลือกูเลยดึงออก สภาพก็อย่างที่มึงเห็น” “แล้วณิชาร้องไห้ทำไม มึงทำอะไรเธอ” โดเมนไม่ได้สนใจคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียง แต่ให้ความสนใจเด็กสาวที่สะอื้นไห้อยู่ข้างเตียงมากกว่า “กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย” ซันเดย์ตอบกลับไปเสียงเรียบสีหน้าเอือมระอา “ณิชาร้องไห้ทำไมครับ” “ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจจะนอนทับแขนคุณซันเดย์เลยนะคะ” “พี่รู้ครับ แต่คราวหลังณิชาต้องระวังมากกว่านี้ ถ้าเกิดว่าไอ้ซันเสียเลือดในปริมาณมากอาจเป็นอันตรายได้ ไปล้างหน้าไปร้องไห้ตาแดงหมดแล้ว” โดเมนค่อย ๆ อธิบายให้เด็กสาวฟังอย่างใจเย็น ไม่ได้เอ่ยโทษหรือตำหนิอะไรเพราะรู้ว่าเด็กสาวไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นณิชาเดินเข้าห้องน้ำอย่างว่าง่าย “ทีกูบอกไม่เห็นจะฟัง มึงบอกแค่คำเดียวรีบทำตามอย่างไว สรุปเป็นคนของใครวะ” ซันเดย์สบถออกมาไม่พอใจนัก “แล้วนี่มึงเจ็บแขนเหรอ ยังไม่ดีขึ้นหรือไง” โดเมนสังเกตเห็นว่าซันเดย์เอามือจับที่แขนหลายครั้งจึงเอ่ยถามขึ้น “อือ..พอดีเด็กนั่นเขย่าแขนกูแรงไปหน่อย” “ถ้างั้นอาจจะต้องเอกซเรย์ดูอีกรอบว่ากระดูกที่ร้าวได้รับผลกระทบอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวให้พยาบาลมาใส่สายน้ำเกลือให้ใหม่แล้วจะเข็นพาไปห้องเอกซเรย์ กูขอตัวไปอาบน้ำก่อน” โดเมนที่ตอนนี้อยู่ในชุดนอนขอตัวกลับห้องหลังจากที่ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงกริ่งเรียกหลังจากได้นอนไปยังไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ “อือ..ขอโทษที่ปลุกมึงตื่นแต่เช้า” “ไม่เป็นไร มึงก็อย่าดุเธอมากนัก เด็กมันไม่ได้ตั้งใจแค่นี้ก็กลัวจนตัวสั่นแล้ว” “กูยังไม่ได้ดุอะไรเลย” “ก็ดี” “ลุกไหวไหมคะ” ณิชาที่เดินกลับออกมาจากห้องน้ำพอดีเห็นซันเดย์กำลังพยุงตัวลุกขึ้นจึงปรี่รีบเข้าไปช่วยประคองชายหนุ่ม “ฉันจะเข้าห้องน้ำ” “ให้หนูเข้าไปช่วยไหมคะ” ณิชาอาสาเข้าไปช่วยเพราะความเป็นห่วงที่เธอเป็นต้นเหตุให้เขาได้รับบาดเจ็บเพิ่มจากครั้งก่อน โดยไม่ได้ไตร่ตรองคำพูดให้ดีก่อน “แก่แดด” ใบหน้าคมหันไปตำหนิเด็กสาว “อ้าว” “ยังจะมาอ้าวอีก ที่นี่โรงพยาบาลยังจะมาหื่นไม่เลือกอีก” “หนูเปล่านะคะ” “เปล่าอะไร แล้วไอ้ที่จะตามฉันเข้าไปไม่ได้ตั้งใจที่จะทำจริง ๆ ว่างั้น” “หนูแค่จะเข้าไปช่วยคุณเฉย ๆ ค่ะ” เด็กสาวยังยืนยันความตั้งใจของตัวเธอเสียงแข็ง “เข้าไปช่วยฉันจับไอ้นั่นหรือไง มืออีกข้างฉันยังใช้งานได้ถึงตรงนั้นฉันจะใหญ่แต่ก็พอใช้มือเดียวจับไหว รออยู่ตรงนี้ยัยเด็กหื่น” นิ้วเรียวยาวจิ้มเข้าที่หน้าผากมน ซันเดย์ได้แต่ส่ายหัวให้กับความซื่อจนเกินเหตุในบางเรื่องของเด็กในการปกครอง หลังจากนั้นพยาบาลก็เข้ามาใส่สายน้ำเกลือให้ชายหนุ่มใหม่และตามมาด้วยแม่บ้านเข็นอาหารเช้าเข้ามาเสิร์ฟสองที่ มีอาหารอ่อนสำหรับคนป่วยอย่างซันเดย์และอาหารเช้าประเภทเบรคฟัส ขนมปัง ไส้กรอกและไข่ข้นสำหรับณิชา หลังจากทานอาหารเสร็จณิชาก็อาสาอยู่เป็นเพื่อนชายหนุ่มต่อเพราะเช้านี้เตมินยังมีงานด่วนที่ต้องไปจัดการต่อจึงไม่สามารถมาเฝ้าซันเดย์ได้ ณิชาจึงรับอาสาหน้าที่นี้แทน “ไปเรียนยังไม่ถึงอาทิตย์ก็ขาดเรียนแล้ว อย่างนี้จะเรียนจบไหม” ซันเดย์พูดขึ้นลอย ๆ แต่เป้าหมายชัดเจนคือเด็กสาวที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟา “หนูไม่ได้ขาดเรียนโดยไม่มีเหตุผลสักหน่อยค่ะ เพราะเหตุผลจำเป็นเลยต้องขาด” เสียงเล็กเถียงกลับขณะที่สายตายังจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ “เหตุผลจำเป็นอะไร ขี้เกียจมากกว่าล่ะสิไม่ว่า” “ก็ต้องเฝ้าคุณอยู่นี่ไงคะ คุณเงียบ ๆ ได้ไหมคะเสียงดังรบกวนหนู” เด็กสาวดุกลับเบา ๆ ทำให้คนโดนดุถึงกลับอยากรู้ว่าเธอกำลังตั้งใจดูอะไรอยู่ถึงกลับกล้าดุเขากลับแบบนี้ “เธอกล้าสั่งฉันให้หุบปากเลยเหรอณิชา” “คุณอย่าเสียงดังสิคะ หนูบอกว่าหนูไม่ได้ยินคุณไม่เข้าใจหรือไงคะ” คราวนี้ณิชาเสียงดังขึ้นกว่าเดิมจนซันเดย์ถึงกลับลุกขึ้นนั่งจ้องหน้ามองเด็กสาว “เธอกำลังทำอะไร ถึงต้องจริงจังขนาดนั้น เลิกเล่นโทรศัพท์แล้วเงยหน้ามาคุยกันให้รู้เรื่อง” ซันเดย์สั่งออกไปเสียงดังจ้องหน้าเด็กสาวเขม็ง “หนูกำลังเรียนออนไลน์อยู่ อย่าพึ่งคุยตอนนี้ได้ไหมคะ เอาไว้ให้หนูเรียนเสร็จคลาสนี้ก่อน วิชานี้ยากมากหนูต้องตั้งใจเรียน” ซันเดย์ได้ยินดังนั้นถึงกับรีบดึงหน้ากลับ และแกล้งหยิบไอแพดขึ้นมาทำงานแก้เขิน “แล้วไม่บอกตั้งแต่แรกว่ากำลังเรียนอยู่” “หนูก็บอกคุณแล้วว่าอย่าเสียงดังรบกวนหนู หูฟังหนูมันไม่ค่อยดีไม่ค่อยได้ยิน” ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้นในช่วงบ่ายแก่ ๆ ซันเดย์กำลังนั่งทำงานอยู่บนเตียง ส่วนณิชานั้นเผลอนอนหลับไปบนโซฟาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อนหลังจากทานอาหารว่างตอนบ่ายเสร็จ “นี่ลูกไม่คิดจะบอกพ่อกับแม่เลยหรือไงว่าลูกแขนหักจนเข้าโรงพยาบาล” เสียงสไมล์ดุลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ชอบทำนิสัยไม่ต่างจากบิดา “ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรครับ อีกอย่างแขนผมไม่ได้หักครับ แค่กระดูกร้าวเข้าเฝือกอาทิตย์สองอาทิตย์ก็หายแล้ว” ซันเดย์ตอบกลับผู้เป็นแม่ราวกับว่าอาการบาดเจ็บของเขาเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเหมือนยุงกัด “ลูกต้องพิการแขนขาดขาขาดก่อนหรือไงถึงจะเป็นเรื่องใหญ่ ลูกเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อกับแม่ลูกก็รู้” สไมล์ยังตัดพ้อกับลูกชายไม่หยุด “ครับผมรู้ ถ้าพ่อไม่ได้ไปทำผู้หญิงอื่นท้องผมก็คือลูกชายคนเดียวของ ธนาจักรทิพย์” “ฉันไม่ได้สำส่อนเหมือนแก” เวย์พูดสวนลูกชายออกไปทันควัน “แล้วเด็กที่นอนหลับอยู่นี่ใคร” สไมล์แหงะไปเห็นเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มนอนหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟา จึงหันไปถามลูกชายที่ทำหน้าระรื่นไม่แสดงอาการตกใจอะไรออกมา “คนของผมครับ” คำตอบสั้น ๆ ไร้คำอธิบายอย่างเช่นเคย “คนของลูก หมายถึงอะไร” “คนของผมครับ แม่ไม่ต้องยุ่ง” “เดี๋ยวนี้ลูกมีผู้หญิงเป็นของตัวเองแล้วเหรอ เห็นใช้ของสาธารณะอยู่ตั้งนาน” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามด้วยถ้อยคำประชด “แม่ก็พูดเกินไป กลับไปได้แล้วครับผมจะพักผ่อน” ซันเดย์เอ่ยปากไล่ผู้ให้กำเนิดแบบไม่เกรงใจ พร้อมกับตั้งท่าจะเอนหลังลงนอนตามที่บอก “เด็กคนนี้หน้าตาน่ารัก ถึงจะดูเด็กไปหน่อย แต่รวม ๆ แม่ชอบนะ” สไมล์พูดขึ้นสีหน้ายิ้มแย้มหลังจากที่พินิจพิเคราะห์หน้าตาเด็กสาวที่นอนหลับอยู่ “คุณสไมล์ครับถ้าอยากมีลูกสาวมากผมแนะนำไปรับเด็กที่สถานสงเคราะห์มาเลี้ยงครับ อย่ามายุ่งกับคนของผม” เสียงเรียบนิ่งบอกกับคนเป็นแม่สีหน้าเอือมระอากับอาการชอบเด็กผู้หญิงของมารดา “ชั่วคราวหรือรายปี” เวย์โพล่งคำถามขึ้นหลังจากที่ยืนฟังสองแม่ลูกต่อปากต่อคำกันอยู่นาน “พ่อหมายถึงอะไรครับ” “แกทำสัญญากับเด็กคนนี้แค่ชั่วคราวหรือนานกี่ปี” คำถามที่สองพ่อลูกรู้ทันกันตลอด เด็กน้อยที่พ่อเป็นคนเลี้ยงมาเองกับมือถึงวันนี้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่คนเป็นพ่อย่อมรู้จักนิสัยลูกตัวเองดี “เรื่องส่วนตัวของผมครับ” “อือ..คุณคะ คุยเสียงดังอีกแล้วนะคะ” ณิชางัวเงียตื่นขึ้นมาเมื่อมีเสียงดังรบกวนการนอนหลับของเธอ ฝ่ามือเล็กยกขึ้นใช้หลังมือขยี้ตาเพื่อปรับโฟกัสภาพตรงหน้า “เอ่อ..สวัสดีค่ะ” เด็กสาวรีบลนลานลุกขึ้นและยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างมีมารยาท “สวัสดีจ้ะ หนูชื่ออะไรคะ” สไมล์เอ่ยถามน้ำเสียงอบอุ่น “ชื่อณิชาค่ะ” “แม่ชื่อสไมล์นะคะ ส่วนนี่คุณพ่อชื่อเวย์ แม่กับพ่อเป็นผู้ให้กำเนิดคนที่นอนอยู่บนเตียงน่ะลูก” สไมล์แนะนำตัวเองและสามีให้เด็กสาวรู้จัก ณิชาได้แต่นั่งยิ้มมองหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองทำตัวไม่ถูก “ผมง่วงแล้วเมื่อไหร่พ่อกับแม่จะกลับไปสักทีครับ คนป่วยต้องพักผ่อนมาก ๆ นะครับ” ซันเดย์เอ่ยปากไล่เป็นครั้งที่สอง เด็กสาวได้ยินถึงกับไม่พอใจที่ชายหนุ่มไล่พ่อแม่แบบนั้น “คุณคะ พวกท่านอุตส่าห์เป็นห่วงถึงมาเยี่ยม คุณไล่พวกท่านกลับแบบนี้มันไม่ดีนะคะ” เสียงเล็กหันไปดุชายหนุ่มเสียงแข็งสีหน้าจริงจัง “เธอยังเด็กจะไปรู้อะไร ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้า ดูสภาพสิดูได้ที่ไหน” ซันเดย์ไม่ฟังคำเด็กสาวแถมยังดุกลับเสียงแข็ง “เด็กมันยังรู้ความกว่าแกเลยซันเดย์ คุณกลับกันเถอะ ลูกที่อาศัยท้องคุณมาเกิดมันไล่พวกเราแล้ว” เวย์พูดกับลูกชายน้ำเสียงปลงตก เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ซันเดย์ยังเด็ก จนโตมาอายุจะสามสิบก็ยังไม่มีฝ่ายใดยอมอ่อนข้อให้กัน “ขากลับอย่าลืมแวะรับเด็กสักคนกลับไปเลี้ยงด้วยนะครับ จะได้ไม่ต้องว่างมายุ่งเรื่องของผมอีก” ซันเดย์ยังไม่วายตะโกนตามหลังผู้ให้กำเนิดออกไป จนเด็กสาวที่ได้ยินถึงกับตีเข้าที่แขนข้างที่ไม่เข้าเฝือกจนเกิดเสียงดัง เพี้ย! “โอ๊ย! ณิชาเธอตีฉันทำไม นับวันยิ่งเอาใหญ่ขึ้นนะสงสัยฉันใจดีกับเธอไป” “คุณพูดจาไม่น่ารักเลยนี่คะ โดนแค่นี้น้อยไปด้วยซ้ำ โตจนป่านนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอคะว่าอะไรควรพูดกับพ่อแม่ อะไรไม่ควรพูด” “สรุปฉันหรือเธอที่เป็นผู้ปกครอง” “มันไม่เกี่ยวว่าใครจะเป็นผู้ปกครองใคร มันคนละเรื่องกันค่ะ คุณอย่ามาใช้อำนาจในทางมิชอบนะคะ” เด็กสาวว่ากลับเสียงแข็งสีหน้าจริงจัง “ก่อนที่ไอ้เตมินมันจะเลือกเธอ มันรู้หรือเปล่าว่าเธอเป็นคนยังไง” “รู้ครับ ณิชาเป็นเด็กที่มีความคิดโตเป็นผู้ใหญ่มาก รู้ว่าอะไรควรและอะไรที่ไม่ควร และวันนี้ณิชาก็แสดงให้ผมได้เห็นแล้วว่าผมมองเธอไม่ผิด” จังหวะเตมินเปิดประตูเข้ามาพอดี จึงตอบกลับคนเป็นนายออกไปทันควัน “รู้จักกันไม่กี่วันก็ชื่นชมกันขนาดนี้ มาก็ดีแล้วใครเป็นคนเสนอหน้าไปบอกพ่อกับแม่ฉัน ว่าฉันนอนอยู่ที่โรงพยาบาล” “ท่านโทรมาถามผมว่าคุณอยู่โรงพยาบาลจริงไหม ผมตอบว่าจริงแค่นั้นครับ ส่วนเรื่องที่ว่าใครเป็นคนบอกผมไม่ทราบครับ” “แล้วทำไมแกไม่ตอบว่าฉันไปที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ ที่ไม่ต้องบอกว่าฉันอยู่โรงพยาบาล” “พ่อแม่ทุกคนย่อมเป็นห่วงลูกของตัวเองทั้งนั้น ถึงจะบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากก็ขอให้มาเห็นกับตา นายควรจะเข้าใจเหตุผลข้อนี้นะครับ อาหารเย็นให้ผมตั้งโต๊ะเลยไหมครับ นายหิวหรือยัง” “ตบหัวแล้วจะลูบหลังเหรอ ไอ้ห่า” “สรุปนายยังไม่หิวใช่ไหมครับ งั้นผมขออนุญาตทานกับณิชาก่อนนะครับ นายหิวเมื่อไหร่ก็บอกผมนะครับผมจะได้ตั้งโต๊ะให้” “สรุปฉันหรือณิชาที่เป็นคนจ่ายเงินเดือนแก” “นายต้องการคำตอบจากผมไหมครับ หรือแค่ไม่มีอะไรจะพูดจึงถามผมเฉย ๆ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD