ตอนที่8 ติดใจ
เช้าวันต่อมาซันเดย์แจ้งความประสงค์กับโดเมนว่าเขาต้องการออกจากโรงพยาบาล แม้จะมีเสียงคัดค้านจากทุกคนรวมทั้งหมอเจ้าของไข้อย่างโดเมนเองก็ยังไม่อยากให้ออกไปตอนนี้
“นอนดูอาการอีกสักคืนก่อน ถ้าไม่มีไข้พรุ่งนี้ค่อยกลับ” เสียงของโดเมนที่พยายามเกลี้ยกล่อมเพื่อนรักอย่างใจเย็น
“ไม่..ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว อยู่นี่ก็นอนเฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไร กลับไปพักที่บ้านก็ได้” ซันเดย์กลับออกมาจากห้องน้ำหลังจากเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
“คุณยังตัวรุม ๆ อยู่เลยนะคะ น่าจะเพราะแผลมันอักเสบหรือเปล่าที่เมื่อวานหนูเผลอเขย่าแขนคุณน่ะค่ะ” เสียงของเด็กสาวเดินตามหลังไปมาระหว่างที่ชายหนุ่มเดินไปหยิบจับโน่นนี่ ราวกับเป็นเงาตามตัว
“เป็นผีหรือไงถึงมาเดินตามฉันอยู่ได้ ไปเก็บของก่อนที่ฉันจะปล่อยให้เธอกลับบ้านเอง อย่ามัวพูดมากน่ารำคาญอยู่แบบนี้” มือหนาที่กำลังเก็บเอกสารยัดใส่กระเป๋าหยุดชะงักแล้วหันหลังมาพูดกับเด็กสาว
“ก็ได้ค่ะ” ณิชาจำต้องรีบเก็บของใช้ส่วนตัวของตัวเองตามคำสั่งของชายหนุ่ม
“เฮ้อ! แม่งดื้อจริง ๆ” โดเมนถอนหายใจยาว ๆ เมื่อโดนเมินเฉยจากผู้ป่วย VIP จำต้องจรดปากกาเซนต์ชื่อลงในชาร์จคนไข้และกดสั่งยาในไอแพดที่พยาบาลส่งให้
“แดกยาที่กูสั่งให้หมดด้วย ถ้าไม่อยากตัดแขนทิ้ง เตมินมันติดงานมารับไม่ได้เดี๋ยวกูให้รถตู้โรงพยาบาลไปส่ง นั่งรอก่อนเสร็จแล้วจะมาเรียก” โดนเมนบอกออกไปเสียงดังก่อนจะสาวเท้าเดินออกจากห้องไปโดยไม่รอฟังคำตอบของอีกฝ่าย
“ไอ้เตมินมันทำอะไรของมันอยู่ทำไมไม่รับสาย” เสียงบ่นพึมพำกับหน้าจอโทรศัพท์ที่พยายามต่อสายหาเลขาคนสนิทแต่ไม่สามารถติดต่อได้
“พี่หมอโดเมนบอกว่าพี่เตมินติดธุระอยู่ค่ะน่าจะไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เรากลับรถตู้ของโรงพยาบาลก็ได้นะคะพี่หมอโดเมนบอกจะให้รถตู้ไปส่ง”
“ฉันไม่ได้ถามเธอ ไม่ต้องตอบ”
“ขอโทษค่ะ ก็หนูเห็นคุณโทรหาพี่เตมินไม่รับสายก็เลยบอกน่ะค่ะ”
คอนโด
ซันเดย์ให้รถตู้มาส่งที่คอนโดที่เขาซื้อไว้สำหรับเด็กสาวอาศัยอยู่ระหว่างที่อยู่ในสัญญาเพราะใกล้กับโรงพยาบาล และอีกอย่างก็ไม่อยากให้รถตู้วิ่งไปส่งหลายที่จึงเลือกที่จะมาพักผ่อนที่นี่ก่อน รอตอนเย็นเตมินเคลียร์งานเสร็จค่อยให้มารับกลับบ้าน
“คุณจะพักที่นี่เหรอคะ”
“ที่นี่ก็เป็นคอนโดฉัน ฉันจะนอนอยู่ที่ไหนก็ได้” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนโซฟาไม่นานก็เผลอหลับไปด้วยฤทธิ์ยาที่ทานก่อนออกจากโรงพยาบาล ลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่ากำลังหลับสนิท
“อ้าว หลับแล้วเหรอ” ณิชาเดินออกมาหลังจากเอาของเข้าไปเก็บด้านในห้องและจัดการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนอันใหม่หลังจากที่ไม่ได้อยู่บ้านสองวัน กลับออกมาก็เจอชายหนุ่มในสภาพหลับสนิทจึงไม่กล้าปลุก
คนตัวเล็กกดปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารเที่ยงสำหรับเธอและชายหนุ่ม รอเวลาที่เขาตื่นคงถึงเวลาอาหารเที่ยงพอดี
กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!
ไม่นานเสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะเดินไปเปิดประตู
“เอ่อ..สวัสดีค่ะ เชิญด้านในก่อนค่ะ” เด็กสาวรีบยกมือไหว้บุคคลที่มาใหม่ สไมล์รับไหว้ด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาในห้องและหยุดตรงโซฟาห้องรับแขก
สไมล์นั่งลงตรงโซฟาตัวที่ว่างข้าง ๆ ที่ซันเดย์นอนหลับอยู่ มือเล็กยื่นไปสัมผัสหน้าผากของชายหนุ่มเพื่อเช็กอุณหภูมิอย่างที่เคยทำประจำเมื่อตอนที่ซันเดย์ยังเด็ก
“ไม่มีไข้แล้วใช่ไหม ถึงออกจากโรงพยาบาลมา” สไมล์หันไปถามเด็กสาวที่ยืนอยู่ห่าง ๆ
“ไม่มีแล้วค่ะ คุณหมอให้ยาแก้ปวดกับแก้อักเสบมาทาน อีกสองอาทิตย์ค่อยไปเอกซเรย์ดูอีกครั้งค่ะ” เด็กสาวรายงานอาการตามที่หมอบอกให้สไมล์ฟังอย่างละเอียด
“แม่ฝากดูซันเดย์ด้วยนะ เจ้าลูกคนนี้ดื้อตั้งแต่เด็ก โตจนป่านนี้ก็ยังดื้อไม่หาย ฝากหนูณิชาดูแลพี่เขาด้วยนะลูกมีอะไรให้โทรหาแม่ได้ทันทีไม่ต้องเกรงใจ นี่เบอร์โทรแม่จ้ะ” สไมล์ฝากฝังและยื่นนามบัตรใบเล็กให้เด็กสาว
“แม่ทำกับข้าวมาให้ ฝากอุ่นให้พี่เขาด้วยนะลูก แม่ขอตัวกลับก่อน”
“เอ่อ..คุณป้าไม่รอคุณซันเดย์ตื่นก่อนเหรอคะ”
“ไม่เป็นไรจ้า เดี๋ยวเขาตื่นมาแล้วเจอแม่มาที่นี่จะไม่พอใจซะเปล่า ๆ ตรงนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขา เขาไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายน่ะ แม่ขอตัวก่อนนะ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ เดี๋ยวหนูเดินไปส่งค่ะ”
“ไม่เป็นไรจ้า หนูอยู่ดูแลพี่เขาเถอะลูก”
มื้อเที่ยง
“อาหารพวกนี้เธอทำเองทั้งหมดเลยเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นหลังจากตักยำปลาแซลมอนของโปรดเข้าปากคำแรก รสชาติที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีวันนี้ได้ทานหลังจากที่ห่างหายไปหลายปี
“เปล่าค่ะ พี่เตมินเป็นคนเอาอาหารพวกนี้มาส่งตอนที่คุณหลับค่ะ ทำไมเหรอคะมันไม่อร่อยเหรอ” เด็กสาวจำเป็นต้องโกหกออกไปคำโตเพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มมีปัญหากับมารดาผู้ให้กำเนิด
“เปล่า ก็อร่อยดี”
“อร่อยก็ทานเยอะ ๆ นะคะ ทานซุปผักนี้ด้วยกระดูกจะได้สมานกันเร็ว ๆ” ถ้วยซุปผักที่เธอยืนเคี่ยวกว่าสองชั่วโมงถูกเลื่อนไปตรงหน้าชายหนุ่ม กลิ่นหอมของซุปที่เธอปรุงและเคี่ยวอย่างพิถีพิถันโชยเตะจมูกเรียกให้ตักชิมรสชาติ
“ทำอาหารทำไมตั้งหลายอย่าง ทานแค่สองคน”
“หนูทำแค่สองอย่าง ไม่รู้ว่าพี่เตมินจะซื้ออาหารเข้ามาให้”
“ซุปนี้อร่อยดีนะ หมดหรือยัง”
“ยังคะ คุณเติมเพิ่มไหมคะ”
“ไม่ต้องฉันอิ่มแล้ว แค่จะบอกว่ามื้อเย็นไม่ต้องเตรียมอะไรเพิ่มขอขนมปังกระเทียมกินกับซุปแล้วก็สเต๊กปลาสักชิ้นก็พอ” ณิชากลายเป็นแม่ครัวจำเป็นขึ้นมาทันที เมื่อซันเดย์ได้ลองทานอาหารฝีมือเธอมาสองสามครั้งเริ่มติดใจรสชาติอาหารฝีมือเธอ
“ได้ค่ะ”
“ทานนมนี่ก่อน อีกสิบห้านาทีค่อยทานยาหลังอาหารค่ะ” ณิชาวางแก้วนมอุ่น ๆ ที่เธอพึ่งหยิบออกจากไมโครเวฟวางลงตรงหน้าชายหนุ่ม
“เธอน่าจะเรียนพยาบาลมากกว่าเรียนการตลาดนะ”
“เรียนการตลาดมีโอกาสต่อยอดด้านการทำงานมากกว่าค่ะ” เด็กสาวให้คำตอบอย่างที่เธอคิดเช่นนั้นมาตลอด
“ก็จริงของเธอ โดยเฉพาะด้านการตลาดระหว่างประเทศ มีโอกาสได้เข้าทำงานบริษัทใหญ่ ๆ ในต่างประเทศ ถ้าเธอเก่งมากพอ” ซันเดย์สนับสนุนคำพูดของณิชาจากผู้มีประสบการณ์ด้านธุรกิจ ย่อมรู้ว่าตลาดกำลังต้องการแรงงานด้านไหน
“ค่ะ หนูจะพยายามเป็นคนที่เก่งมากพอค่ะ ถ้าคุณอิ่มแล้วหนูขอตัวเก็บจานไปล้างนะคะ เพื่อนส่งงานมาให้หนูจะรีบไปทำให้เสร็จเพราะอาจารย์นัดส่งงานพรุ่งนี้เช้าค่ะ”
“อือ..พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องหยุดเรียนแล้ว ฉันช่วยเหลือตัวเองได้”
เช้าวันต่อมา
ซันเดย์ขับรถมาส่งณิชาที่มหาวิทยาลัยก่อนจะเข้าบริษัทเพื่อไปเคลียร์งานที่ปล่อยให้เตมินเผชิญชะตากรรมอย่างหนักอยู่คนเดียวมาหลายวัน
“จริง ๆ คุณไม่ต้องมาส่งหนูก็ได้นะคะ และคุณเองก็ไม่ควรขับรถเองด้วย ขับรถมือเดียวมันอันตราย” เสียงเล็กพูดขึ้นทำลายความเงียบหลังจากที่ทั้งสองนั่งเงียบตั้งแต่รถเคลื่อนตัวออกจากคอนโด
“ฉันไม่พาเธอไปตายหรอกน่า ฉันประเมินตัวเองว่าสามารถขับได้ถึงขับออกมา” ชายหนุ่มตอบกลับไปทั้งที่สายตายังจ้องจราจรตรงหน้า
รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาจอดบริเวณหน้าตึกเรียนคณะบริหารธุรกิจ นักศึกษาที่มีเรียนช่วงเช้าต่างพากันเดินอย่างเร่งรีบเพราะตอนนี้ใกล้ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว
“ขอบคุณค่ะที่มาส่ง” ณิชายกมือขึ้นไหว้อย่างมีมารยาทก่อนจะกระชับกระเป๋าสะพายแล้วเปิดประตูลงรถไป
ครืด ~ ครืด ~ ครืด ~
ยังไม่ทันที่ซันเดย์จะขับรถออกไปเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ด้านข้างสั่นเมื่อมีสายโทรเข้า
{กิต} ชื่อคนโทรเข้ามาโชว์หราอยู่หน้าจอ
ครืด ~ ครืด ~ ครืด ~
ซันเดย์ปล่อยให้ดังอยู่สักพักจึงกดรับสาย
[โทรมาทำห่าอะไร] น้ำเสียงไม่ค่อยยินดีตอบกลับปลายสายไป
[มึงอยู่ไหนไอ้ซัน] กิตถามสิ่งที่อยากรู้ออกมาทันที
[ไม่ใช่เมียกูไม่ต้องอยากรู้ว่ากูอยู่ที่ไหน สรุปโทรมามีอะไรรีบพูดมากูจะรีบเข้าบริษัท]
[มึงมาทำอะไรที่มหาลัยกู]
[ธุระ]
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ขณะที่ซันเดย์กำลังคุยโทรศัพท์อยู่นั้นณิชาก็เคาะกระจกฝั่งคนขับ
ครืด….
“คุณคะ หนูลืมของที่ท้ายรถ คุณช่วยเปิดท้ายรถให้หนูหน่อย” เสียงใสพูดขึ้นทันทีที่ชายหนุ่มลดกระจกลง
[เสียงใคร นี่เหรอธุระของมึง เดี๋ยวนี้กินเด็กมหาลัยแล้วเหรอวะ] กิตที่ยืนมองเพื่อนจากชั้นบนของตึกเห็นภาพตรงหน้าชัดเจนว่าธุระที่เพื่อนว่านั้นคือการมาส่งเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม
[ไม่ต้องเสือกเรื่องของกู เมียมึงที่หนีออกจากบ้านตามกลับมาได้หรือยัง]
[ไอ้ซันเมียกูแค่ไปเที่ยวโว้ย ไม่ได้หนีออกจากบ้าน]
[สงสัยไปเที่ยวรอบโลกสินะ ไปเป็นเดือนแล้วยังไม่กลับมา หรือไปเที่ยวดาวอังคารก็ไม่รู้เห็นบอกไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้]
[ไม่ต้องมาพูดแดกกู เด็กมึงเรียนกับกูด้วยนะระวังกูจะแฉมึงกลับ แค่นี้แหละกูจะไปเตรียมสอน]
“แม่งเป็นถึงเจ้าของมหาลัยยังต้องเสนอหน้ามาสอนนักศึกษาด้วยเหรอวะ”
“คุณคะหนูหยิบของเสร็จแล้วค่ะ บ๋ายบายค่ะ แล้วเจอกันตอนเย็น”