ตอนที่8 ติดใจ

1809 Words
ตอนที่8 ติดใจ เช้าวันต่อมาซันเดย์แจ้งความประสงค์กับโดเมนว่าเขาต้องการออกจากโรงพยาบาล แม้จะมีเสียงคัดค้านจากทุกคนรวมทั้งหมอเจ้าของไข้อย่างโดเมนเองก็ยังไม่อยากให้ออกไปตอนนี้ “นอนดูอาการอีกสักคืนก่อน ถ้าไม่มีไข้พรุ่งนี้ค่อยกลับ” เสียงของโดเมนที่พยายามเกลี้ยกล่อมเพื่อนรักอย่างใจเย็น “ไม่..ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว อยู่นี่ก็นอนเฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไร กลับไปพักที่บ้านก็ได้” ซันเดย์กลับออกมาจากห้องน้ำหลังจากเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า “คุณยังตัวรุม ๆ อยู่เลยนะคะ น่าจะเพราะแผลมันอักเสบหรือเปล่าที่เมื่อวานหนูเผลอเขย่าแขนคุณน่ะค่ะ” เสียงของเด็กสาวเดินตามหลังไปมาระหว่างที่ชายหนุ่มเดินไปหยิบจับโน่นนี่ ราวกับเป็นเงาตามตัว “เป็นผีหรือไงถึงมาเดินตามฉันอยู่ได้ ไปเก็บของก่อนที่ฉันจะปล่อยให้เธอกลับบ้านเอง อย่ามัวพูดมากน่ารำคาญอยู่แบบนี้” มือหนาที่กำลังเก็บเอกสารยัดใส่กระเป๋าหยุดชะงักแล้วหันหลังมาพูดกับเด็กสาว “ก็ได้ค่ะ” ณิชาจำต้องรีบเก็บของใช้ส่วนตัวของตัวเองตามคำสั่งของชายหนุ่ม “เฮ้อ! แม่งดื้อจริง ๆ” โดเมนถอนหายใจยาว ๆ เมื่อโดนเมินเฉยจากผู้ป่วย VIP จำต้องจรดปากกาเซนต์ชื่อลงในชาร์จคนไข้และกดสั่งยาในไอแพดที่พยาบาลส่งให้ “แดกยาที่กูสั่งให้หมดด้วย ถ้าไม่อยากตัดแขนทิ้ง เตมินมันติดงานมารับไม่ได้เดี๋ยวกูให้รถตู้โรงพยาบาลไปส่ง นั่งรอก่อนเสร็จแล้วจะมาเรียก” โดนเมนบอกออกไปเสียงดังก่อนจะสาวเท้าเดินออกจากห้องไปโดยไม่รอฟังคำตอบของอีกฝ่าย “ไอ้เตมินมันทำอะไรของมันอยู่ทำไมไม่รับสาย” เสียงบ่นพึมพำกับหน้าจอโทรศัพท์ที่พยายามต่อสายหาเลขาคนสนิทแต่ไม่สามารถติดต่อได้ “พี่หมอโดเมนบอกว่าพี่เตมินติดธุระอยู่ค่ะน่าจะไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เรากลับรถตู้ของโรงพยาบาลก็ได้นะคะพี่หมอโดเมนบอกจะให้รถตู้ไปส่ง” “ฉันไม่ได้ถามเธอ ไม่ต้องตอบ” “ขอโทษค่ะ ก็หนูเห็นคุณโทรหาพี่เตมินไม่รับสายก็เลยบอกน่ะค่ะ” คอนโด ซันเดย์ให้รถตู้มาส่งที่คอนโดที่เขาซื้อไว้สำหรับเด็กสาวอาศัยอยู่ระหว่างที่อยู่ในสัญญาเพราะใกล้กับโรงพยาบาล และอีกอย่างก็ไม่อยากให้รถตู้วิ่งไปส่งหลายที่จึงเลือกที่จะมาพักผ่อนที่นี่ก่อน รอตอนเย็นเตมินเคลียร์งานเสร็จค่อยให้มารับกลับบ้าน “คุณจะพักที่นี่เหรอคะ” “ที่นี่ก็เป็นคอนโดฉัน ฉันจะนอนอยู่ที่ไหนก็ได้” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนโซฟาไม่นานก็เผลอหลับไปด้วยฤทธิ์ยาที่ทานก่อนออกจากโรงพยาบาล ลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่ากำลังหลับสนิท “อ้าว หลับแล้วเหรอ” ณิชาเดินออกมาหลังจากเอาของเข้าไปเก็บด้านในห้องและจัดการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนอันใหม่หลังจากที่ไม่ได้อยู่บ้านสองวัน กลับออกมาก็เจอชายหนุ่มในสภาพหลับสนิทจึงไม่กล้าปลุก คนตัวเล็กกดปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารเที่ยงสำหรับเธอและชายหนุ่ม รอเวลาที่เขาตื่นคงถึงเวลาอาหารเที่ยงพอดี กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง! ไม่นานเสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะเดินไปเปิดประตู “เอ่อ..สวัสดีค่ะ เชิญด้านในก่อนค่ะ” เด็กสาวรีบยกมือไหว้บุคคลที่มาใหม่ สไมล์รับไหว้ด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาในห้องและหยุดตรงโซฟาห้องรับแขก สไมล์นั่งลงตรงโซฟาตัวที่ว่างข้าง ๆ ที่ซันเดย์นอนหลับอยู่ มือเล็กยื่นไปสัมผัสหน้าผากของชายหนุ่มเพื่อเช็กอุณหภูมิอย่างที่เคยทำประจำเมื่อตอนที่ซันเดย์ยังเด็ก “ไม่มีไข้แล้วใช่ไหม ถึงออกจากโรงพยาบาลมา” สไมล์หันไปถามเด็กสาวที่ยืนอยู่ห่าง ๆ “ไม่มีแล้วค่ะ คุณหมอให้ยาแก้ปวดกับแก้อักเสบมาทาน อีกสองอาทิตย์ค่อยไปเอกซเรย์ดูอีกครั้งค่ะ” เด็กสาวรายงานอาการตามที่หมอบอกให้สไมล์ฟังอย่างละเอียด “แม่ฝากดูซันเดย์ด้วยนะ เจ้าลูกคนนี้ดื้อตั้งแต่เด็ก โตจนป่านนี้ก็ยังดื้อไม่หาย ฝากหนูณิชาดูแลพี่เขาด้วยนะลูกมีอะไรให้โทรหาแม่ได้ทันทีไม่ต้องเกรงใจ นี่เบอร์โทรแม่จ้ะ” สไมล์ฝากฝังและยื่นนามบัตรใบเล็กให้เด็กสาว “แม่ทำกับข้าวมาให้ ฝากอุ่นให้พี่เขาด้วยนะลูก แม่ขอตัวกลับก่อน” “เอ่อ..คุณป้าไม่รอคุณซันเดย์ตื่นก่อนเหรอคะ” “ไม่เป็นไรจ้า เดี๋ยวเขาตื่นมาแล้วเจอแม่มาที่นี่จะไม่พอใจซะเปล่า ๆ ตรงนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขา เขาไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายน่ะ แม่ขอตัวก่อนนะ” “ค่ะ สวัสดีค่ะ เดี๋ยวหนูเดินไปส่งค่ะ” “ไม่เป็นไรจ้า หนูอยู่ดูแลพี่เขาเถอะลูก” มื้อเที่ยง “อาหารพวกนี้เธอทำเองทั้งหมดเลยเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นหลังจากตักยำปลาแซลมอนของโปรดเข้าปากคำแรก รสชาติที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีวันนี้ได้ทานหลังจากที่ห่างหายไปหลายปี “เปล่าค่ะ พี่เตมินเป็นคนเอาอาหารพวกนี้มาส่งตอนที่คุณหลับค่ะ ทำไมเหรอคะมันไม่อร่อยเหรอ” เด็กสาวจำเป็นต้องโกหกออกไปคำโตเพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มมีปัญหากับมารดาผู้ให้กำเนิด “เปล่า ก็อร่อยดี” “อร่อยก็ทานเยอะ ๆ นะคะ ทานซุปผักนี้ด้วยกระดูกจะได้สมานกันเร็ว ๆ” ถ้วยซุปผักที่เธอยืนเคี่ยวกว่าสองชั่วโมงถูกเลื่อนไปตรงหน้าชายหนุ่ม กลิ่นหอมของซุปที่เธอปรุงและเคี่ยวอย่างพิถีพิถันโชยเตะจมูกเรียกให้ตักชิมรสชาติ “ทำอาหารทำไมตั้งหลายอย่าง ทานแค่สองคน” “หนูทำแค่สองอย่าง ไม่รู้ว่าพี่เตมินจะซื้ออาหารเข้ามาให้” “ซุปนี้อร่อยดีนะ หมดหรือยัง” “ยังคะ คุณเติมเพิ่มไหมคะ” “ไม่ต้องฉันอิ่มแล้ว แค่จะบอกว่ามื้อเย็นไม่ต้องเตรียมอะไรเพิ่มขอขนมปังกระเทียมกินกับซุปแล้วก็สเต๊กปลาสักชิ้นก็พอ” ณิชากลายเป็นแม่ครัวจำเป็นขึ้นมาทันที เมื่อซันเดย์ได้ลองทานอาหารฝีมือเธอมาสองสามครั้งเริ่มติดใจรสชาติอาหารฝีมือเธอ “ได้ค่ะ” “ทานนมนี่ก่อน อีกสิบห้านาทีค่อยทานยาหลังอาหารค่ะ” ณิชาวางแก้วนมอุ่น ๆ ที่เธอพึ่งหยิบออกจากไมโครเวฟวางลงตรงหน้าชายหนุ่ม “เธอน่าจะเรียนพยาบาลมากกว่าเรียนการตลาดนะ” “เรียนการตลาดมีโอกาสต่อยอดด้านการทำงานมากกว่าค่ะ” เด็กสาวให้คำตอบอย่างที่เธอคิดเช่นนั้นมาตลอด “ก็จริงของเธอ โดยเฉพาะด้านการตลาดระหว่างประเทศ มีโอกาสได้เข้าทำงานบริษัทใหญ่ ๆ ในต่างประเทศ ถ้าเธอเก่งมากพอ” ซันเดย์สนับสนุนคำพูดของณิชาจากผู้มีประสบการณ์ด้านธุรกิจ ย่อมรู้ว่าตลาดกำลังต้องการแรงงานด้านไหน “ค่ะ หนูจะพยายามเป็นคนที่เก่งมากพอค่ะ ถ้าคุณอิ่มแล้วหนูขอตัวเก็บจานไปล้างนะคะ เพื่อนส่งงานมาให้หนูจะรีบไปทำให้เสร็จเพราะอาจารย์นัดส่งงานพรุ่งนี้เช้าค่ะ” “อือ..พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องหยุดเรียนแล้ว ฉันช่วยเหลือตัวเองได้” เช้าวันต่อมา ซันเดย์ขับรถมาส่งณิชาที่มหาวิทยาลัยก่อนจะเข้าบริษัทเพื่อไปเคลียร์งานที่ปล่อยให้เตมินเผชิญชะตากรรมอย่างหนักอยู่คนเดียวมาหลายวัน “จริง ๆ คุณไม่ต้องมาส่งหนูก็ได้นะคะ และคุณเองก็ไม่ควรขับรถเองด้วย ขับรถมือเดียวมันอันตราย” เสียงเล็กพูดขึ้นทำลายความเงียบหลังจากที่ทั้งสองนั่งเงียบตั้งแต่รถเคลื่อนตัวออกจากคอนโด “ฉันไม่พาเธอไปตายหรอกน่า ฉันประเมินตัวเองว่าสามารถขับได้ถึงขับออกมา” ชายหนุ่มตอบกลับไปทั้งที่สายตายังจ้องจราจรตรงหน้า รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาจอดบริเวณหน้าตึกเรียนคณะบริหารธุรกิจ นักศึกษาที่มีเรียนช่วงเช้าต่างพากันเดินอย่างเร่งรีบเพราะตอนนี้ใกล้ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว “ขอบคุณค่ะที่มาส่ง” ณิชายกมือขึ้นไหว้อย่างมีมารยาทก่อนจะกระชับกระเป๋าสะพายแล้วเปิดประตูลงรถไป ครืด ~ ครืด ~ ครืด ~ ยังไม่ทันที่ซันเดย์จะขับรถออกไปเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ด้านข้างสั่นเมื่อมีสายโทรเข้า {กิต} ชื่อคนโทรเข้ามาโชว์หราอยู่หน้าจอ ครืด ~ ครืด ~ ครืด ~ ซันเดย์ปล่อยให้ดังอยู่สักพักจึงกดรับสาย [โทรมาทำห่าอะไร] น้ำเสียงไม่ค่อยยินดีตอบกลับปลายสายไป [มึงอยู่ไหนไอ้ซัน] กิตถามสิ่งที่อยากรู้ออกมาทันที [ไม่ใช่เมียกูไม่ต้องอยากรู้ว่ากูอยู่ที่ไหน สรุปโทรมามีอะไรรีบพูดมากูจะรีบเข้าบริษัท] [มึงมาทำอะไรที่มหาลัยกู] [ธุระ] ก๊อก ก๊อก ก๊อก ขณะที่ซันเดย์กำลังคุยโทรศัพท์อยู่นั้นณิชาก็เคาะกระจกฝั่งคนขับ ครืด…. “คุณคะ หนูลืมของที่ท้ายรถ คุณช่วยเปิดท้ายรถให้หนูหน่อย” เสียงใสพูดขึ้นทันทีที่ชายหนุ่มลดกระจกลง [เสียงใคร นี่เหรอธุระของมึง เดี๋ยวนี้กินเด็กมหาลัยแล้วเหรอวะ] กิตที่ยืนมองเพื่อนจากชั้นบนของตึกเห็นภาพตรงหน้าชัดเจนว่าธุระที่เพื่อนว่านั้นคือการมาส่งเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม [ไม่ต้องเสือกเรื่องของกู เมียมึงที่หนีออกจากบ้านตามกลับมาได้หรือยัง] [ไอ้ซันเมียกูแค่ไปเที่ยวโว้ย ไม่ได้หนีออกจากบ้าน] [สงสัยไปเที่ยวรอบโลกสินะ ไปเป็นเดือนแล้วยังไม่กลับมา หรือไปเที่ยวดาวอังคารก็ไม่รู้เห็นบอกไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้] [ไม่ต้องมาพูดแดกกู เด็กมึงเรียนกับกูด้วยนะระวังกูจะแฉมึงกลับ แค่นี้แหละกูจะไปเตรียมสอน] “แม่งเป็นถึงเจ้าของมหาลัยยังต้องเสนอหน้ามาสอนนักศึกษาด้วยเหรอวะ” “คุณคะหนูหยิบของเสร็จแล้วค่ะ บ๋ายบายค่ะ แล้วเจอกันตอนเย็น”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD