“ตอนแรกข้าก็ไม่คิดหรอกนะ แต่พอเห็นเขาคนนั้นอีกครั้งข้าก็เริ่มเอะใจ มนุษย์จะทำแบบนั้นได้หรือท่านพี่” นางนึกถึงบุรุษชุดฉีผาวที่ทำตัวลึกลับผู้นั้น ถ้าเขาเป็นแค่มนุษย์ผู้หนึ่งเขาไม่สามารถโผล่มาช่วยพวกตนได้ทันเป็นครั้งที่สองแน่ถ้าไม่ได้ขับรถตามกันมา
“ข้าก็คิดเช่นนั้น และคิดว่ามีทั้งศัตรูและมิตรปรากฏขึ้น แต่ใครคือมิตรใครคือศัตรูนี่สิที่ข้าคิดไม่ตก”
“เราไม่น่ามีทั้งสองอย่างไม่ใช่หรือฟูจวิน”
“ใช่ มิตรและศัตรูคือใครข้าข้องใจนัก ครั้นจะส่งข่าวถึงมหาเทพก็ไม่ได้ เพราะเราต้องเก็บพลังไว้ใช้ในวันเดินทาง” เหลือเวลาอีกแค่เจ็ดวันเท่านั้น ถ้าเขานำพลังที่มีอยู่เพียงน้อยนิดมาใช้ในวันนี้ จะต้องมีผลในวันที่เดินทางข้ามมิติอย่างแน่นอน
“ใจเย็น ๆ พวกเขาอาจจะเป็นแค่มนุษย์เท่านั้น เราอาจจะคิดมากกันไปเอง”
สามีมองหน้าภรรยา “ก็อาจจะเป็นไปได้.. แต่บุรุษชุดฉีผาวผู้นั้นดูไม่เหมือนมนุษย์” รำพันเบา ๆ เมื่อนึกถึงชายชุดดำที่แต่งตัวปกปิดมิดชิดผู้นั้น
“ท่านอาจจะกังวลมากไปเพราะใกล้ถึงวันเดินทางแล้วด้วยกระมัง ตอนนี้พวกเราก็ปลอดภัยดีแล้ว บ้านหลังนี้ก็ได้รับการปกป้องอย่างดีจากมหาเทพ จะไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นแน่”
“ถ้ามีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นที่นี่จริง ศัตรูของเราต้องไม่ได้อยู่ในระดับธรรมดาแน่” เขาผู้นั้นจะต้องมีพลังเวทย์ที่สูงส่ง แต่จะเป็นใครนั่นแหละคือปริศนา
“ข้าจะช่วยระวังอีกแรง ท่านอย่าคิดมากเลยนะ นอนพักเถอะ ยิ่งใกล้เดินทางเราต้องยิ่งรวบรวมพลังให้มาก เพราะเราต้องพาซันนี่ไปด้วย”
“เพราะเหตุนี้ข้าถึงไม่ส่งข่าวให้มหาเทพไงล่ะ เจ้านอนก่อนเถอะ ข้าขอนั่งจิบชาอีกสักถ้วยก่อนก็แล้วกัน”
หยวนหลินไม่เซ้าซี้สามี ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ก้าวขึ้นเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนตะแคง ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในวันนี้อยู่เงียบ ๆ เพียงลำพัง
...................
ห้องนอนอีกห้องหนึ่งภายในบ้าน หญิงสาวที่เป็นเจ้าของห้องไม่สามารถข่มตาให้หลับได้สักที เพราะภายในสมองมีแต่ภาพของบุรุษชุดผาวที่สวมแว่นตาดำแม้แต่ตอนฝนตกหนักวนไปวนมา
พอสลัดภาพเหตุการณ์แรกได้ก็นึกถึงเหตุการณ์ครั้งที่สองอีก เป็นแบบนี้ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในห้องนอน รวมเวลาแล้วก็เกือบจะสามชั่วโมง
……………
ภายในห้องพักที่มีความเป็นส่วนตัวสูงที่สุดของโรงแรมระดับห้าดาวใจกลางเมืองใหญ่ บุรุษรูปร่างกำยำที่เพิ่งกลับมาถึง วางมือลงบนอกด้านขวา พลังประหลาดที่กำลังหล่อเลี้ยงหัวใจของเขาตอนนี้ ทำให้อาการเจ็บปวดและความอ่อนแอทุเลาเบาบางลง เขารู้ได้ทันทีว่ามาจากความคิดคำนึงของหญิงสาวนางนั้น
แค่ได้รับความรู้สึกดี ๆ จากนาง ธาตุทั้งแปดในร่างกายก็ได้รับการเยียวยาถึงเพียงนี้ และสัมผัสได้ว่าตัวเองมีความอ่อนโยนขึ้นอย่างประหลาด.. ถ้าได้นางมาอยู่ใกล้ ๆ เขาก็จะแข็งแกร่งและมีเมตตาแบบชาวสวรรค์ ไม่ถูกพลังปีศาจกลืนกินจริง ๆ สินะ.. แต่ถ้าร่างกายแข็งแกร่งแล้วทำให้ร่างกายของนางอ่อนแอลง เขาก็ไม่ต้องการสักนิด เขาเคยคิดแบบนั้นมาตลอด
กระทั่งได้รู้ว่ามีใครบางคนต้องการทำร้ายเขา ด้วยการทำร้ายนางให้ถึงแก่ชีวิต ทำให้เขาต้องข้ามมิติมาพิสูจน์ความจริง
และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้เขาตัดสินใจแน่วแน่ ถ้านางต้องตายเพราะเขาเป็นต้นเหตุ เขาก็ขอยึดครองนางไว้เพื่อปกป้องซึ่งกันและกันยังดีกว่า
เขาเดินไปยืนที่หน้ากระจกบานใหญ่เกือบเท่าตัว ถอดแว่นและเสื้อผาวออก มองหน้าอกด้านขวาที่มีหัวใจของปีศาจ เนินอกมีภาพเสือดำสามตากำลังแยกเขี้ยวแหลมคมเหมือนถูกวาดเอาไว้ แต่แท้จริงแล้วมันเกิดขึ้นเองตอนที่เขาอายุยี่สิบปี และค่อย ๆ ชัดขึ้นจนดูเหมือนมีชีวิตเมื่อผ่านไปหนึ่งปี
ตาของเสือดำเป็นสีฟ้าคราม เรืองแสงด้วยความดุดันเหมือนกระหายกินเหยื่อ นั่นเพราะร่างกายของเขามีเลือดของเทพหล่อเลี้ยง และที่ภาพนี้เหมือนกำลังตื่นก็เพราะได้รับพลังอยู่นั่นเอง
ส่วนดวงตาสีฟ้าของเขาที่กลายเป็นสีเลือดในยามที่ร่างกายอ่อนแอ ตอนนี้ค่อย ๆ เปลี่ยนไป เริ่มมองเห็นสัดส่วนตาขาวตาฟ้าชัดเจนขึ้น เหมือนดวงตาของมนุษย์บ้างแล้ว แต่มันก็ยังน่ากลัวสำหรับโลกมนุษย์อยู่ดี..
ก๊อก ๆ
เขาสวมแว่นและใส่เสื้อปกปิดทุกอย่างบนร่างกายที่เกิดขึ้นในคืนที่อายุครบยี่สิบไว้อีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง
“ใคร!”
“.....”
ความเงียบที่ผิดปกติเกินไปทำให้เจ้าของห้องขมวดคิ้ว แต่ก็ตัดสินใจเปิดประตู
“นายท่าน”
“เข้ามา” กล่าวเชื้อเชิญเมื่อเห็นว่าเป็นคนสนิท
คนสนิทรีบก้าวเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู “นายท่านรู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้า”
“ถ้าเป็นศัตรูที่กล้าเคาะประตูอย่างห้าวหาญแบบนี้ คงไม่ยืนรออย่างใจเย็นแบบนี้” อธิบายให้คนสนิทฟัง “มีอะไรหรือเปล่า”
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นฝีมือของท่านผู้นั้นจริง ๆ และตอนนี้พวกเขากำลังจัดการขั้นเด็ดขาดกับทุกคนในบ้านหลังนั้น”
“ทำไมถึงเพิ่งมาบอกเล่า!” ใจของเขาชาวาบด้วยความตื่นตระหนก ตะคอกคนสนิทเสียงกร้าว
คนสนิทรีบห้ามผู้เป็นนายที่หุนหันจะสลายร่างหยาบให้กลายเป็นอากาศ
“นายท่านใจเย็น ๆ ก่อน”
คำพูดจริงจังแต่ยังดูสุขุมของคนสนิททำให้ชายหนุ่มวัยยี่สิบสามปีถอดแว่นตาออก มองเขาด้วยสายตาเป็นคำถาม
“พวกมันทำไม่สำเร็จหรือ”