คิ้วเข้มบนใบหน้านิ่งขมวดมุ่น เมื่อได้ยินประโยคอุทานในใจของนาง บางคำพูดของนางทำไมเขาไม่เคยได้เรียนรู้มานะ มันมีคำพูดที่อยู่นอกตำราด้วยเหรอ
บร๊ะเจ้า แฟนแทสติก อะเมซิ่งโคตร ๆ.. ที่โลกของนางคงหมายถึงแปลกประหลาด มหัศจรรย์ น่าทึ่งกระมัง
“ลูบหัวมันหน่อยสิ ทักทายกับมันแล้วค่อยขึ้นขี่หลังมัน”
“จะขี่หลังมัน!” ถามเสียงสูงและส่ายหน้ายิก “ไม่เอา ๆ ฉันไม่ขึ้นหรอก”
“ถ้าไม่ขึ้นแล้วจะกลับบ้านกันยังไง ข้าใช้พลังเวทย์ไม่ได้แล้วนะ หรือเจ้าจะยอมให้ข้าเสพสมอีกครั้งล่ะ”
เหม่ยลี่ร้อนวาบไปทั้งหน้ากับคำพูดหน้าตายของเขา
“ขึ้นก็ได้!” สะบัดเสียงใส่ไม่กล้าสบตาด้วย “ฉันขอเข้าไปเอาเป้ก่อนนะ”
“ไม่ต้อง ให้เสี่ยวไหไปเอาเร็วกว่า”
“เสี่ยวไห” หญิงสาวมองไปรอบ ๆ สงสัยว่านอกจากเสือดำสามตาตัวนี้แล้ว ยังมีคนอื่นอยู่ด้วยอีกเหรอ แต่พอเห็นเสือดำเยื้องย่างอย่างงามสง่าเข้าไปในถ้ำก็เข้าใจทันที “เจ้าสามตาตัวเท่าช้างนั่นชื่อเสี่ยวไห”
“ไม่ชอบหรือ”
“เพราะมาก ๆ เหมาะสมกับมันดี” ตัวอย่างกับช้างแต่ชื่ออย่างกับหมาพันธุ์ชิสุ น่าเอ็นดูเหลือเกิน
“ข้าดีใจที่เจ้าชอบ” ยิ้มนิด ๆ กับคำพูดที่ย้อนแย้งกับความคิดของนาง
“ว่าแต่มันจะรู้เรื่องเหรอ แล้วจะถือกระเป๋ามายังไงล่ะ”
“นี่ไม่ใช่โลกมนุษย์ของเจ้านะกูเหนี่ยง เจ้าควรเปลี่ยนความคิดเสียใหม่”
“ขอโทษที่คิดไม่ทันเจ้าค่ะ” เหน็บแนมด้วยความหมั่นไส้ ถึงตรงนี้ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองมาที่นี่เพื่อแต่งงาน
ตายห่า!
คิ้วเข้มกระตุกเข้าหากัน สีหน้านิ่งผิดเพี้ยนไปเล็กน้อย นางพูดอะไรแปลก ๆ อีกแล้ว ตายห่าคืออะไรอีกเล่า ทำไมนางถึงพูดภาษาแปลกประหลาดได้เก่งนัก
“ตกใจอะไร.. ถามเพราะข้าเห็นเจ้าทำหน้าแปลก ๆ” อธิบายเพิ่มเมื่อถูกมองด้วยสายตาสงสัย
“ฉันเพิ่งนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้”
“เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลัง ตอนนี้เราควรรีบเดินทางก่อนที่ฟ้าจะปิด” เขาหมายถึงมืดมากจนเดินทางไม่ได้นั่นเอง “ข้าต้องรีบพาเด็กคนนี้ไปปรับสมดุลธาตุอีกหน่อย ตอนนี้เขาแค่ฟื้นแต่ยังไม่เรียกว่าปกติหรอกนะ”
“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ” บ่นใส่เขาแล้วรีบชี้ไปที่เจ้าเสี่ยวไหที่ยืนรออย่างสงบ “คุณนำไปสิ”
“แค่นี้ก็ไม่กล้าเหรอ เห็นต่อสู้ออกจะเก่ง”
ดวงตาโตเหลือกเกือบเท่าไข่ห่าน เมื่อได้ยินเสียงพูดลอย ๆ ที่ผ่านหน้าไป
“ฉันสอยคุณให้สลบได้ แต่คงทำกับเสี่ยวไหของคุณไม่ได้” พูดห้วน ๆ สวนกลับอย่างเดือดดาล รีบกระแทกเท้าเดินตามไป “กับคนฉันไม่กลัวหรอก แต่กับสัตว์ประหลาดอย่างนั้นใครจะไปกล้า”
“มันก็เหมือนสุนัขที่โลกของเจ้านั่นแหละ”
“ฉันไม่ชอบสุนัข” พูดจบก็ชนโครมกับร่างใหญ่จนกระดอนถอยหลังไปเล็กน้อย “จะหยุดทำไมไม่บอกล่ะ!” โวยใส่เขา
“แล้วทำไมเดินไม่มองทางเล่า” ยียวนใส่นางแล้วดึงร่างบางไปข้างหน้า อุ้มนางด้วยมือข้างเดียวให้ขึ้นไปนั่งบนหลังเสี่ยวไห “ไม่ต้องกลัว” ปลอบนางที่จับมือเขาไว้แน่น แล้วขึ้นไปบนหลังของเสี่ยวไหบ้าง เมื่อนั่งได้ที่แล้วก็ลูบข้างตัวมันเบา ๆ ส่งสัญญาณให้ออกเดินทาง
“ว้าย!” เหม่ยลี่ร้องเสียงหลง เมื่อเจ้าเสี่ยวไหทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากว้าง
เสียงสั่น ๆ ของนางทำให้เสินอี้เอื้อมมือไปโอบเอวนางไว้ เพื่อทำให้นางคลายกังวลลง
“เจ้าว่ามันไม่เหมาะกับชื่อเสี่ยวไห แล้วถ้ามันเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้า เจ้าจะให้มันชื่ออะไร” เพราะนางยังเกร็งไม่เลิกจึงชวนคุยเพื่อให้ผ่อนคลาย
“เกาลูน โฮเด้ง ราเม็ง รามยอน บะหมี่ กะหล่ำ ถั่วงอก ประมาณนี้แหละ”
“ชื่ออะไรของเจ้า แปลกประหลาดนัก”
“ชื่อสุนัขที่บ้านฉันไง” เธอหมายถึงโลกมนุษย์ที่จากมา แสยะยิ้มขันเมื่อเหลียวหลังไปมองเห็นหน้าเอ๋อ ๆ ของเขา “ให้ฉันตั้งชื่อให้คุณบ้างไหมล่ะ”
“เอาสิ”
“อือ.. อิชชินเป็นไง”
“อิชชิน แปลกพิลึก เรียกข้าเสินอี้ดีกว่า”
“ท่านชื่อเสินอี้เหรอ”
“ใช่ เสินที่หมายถึงเทพเซียน อี้ที่หมายถึงยิ่งใหญ่” ชาวมายาส่วนใหญ่มีชื่อเรียกเหมือนมนุษย์ ยกเว้นผู้ที่สืบเชื้อสายจากบุตรของมหาเทพและธิดาจอมปีศาจโดยตรง จะมีนามขึ้นต้นบ่งบอกฐานะว่าเสิน จะได้รับการยกย่องสูงส่งกว่าชาวมายาคนอื่น ๆ
“แค่ชื่อก็บ่งบอกฐานะได้อย่างดี ถ้าเป็นที่บ้านฉันคุณคงเป็นพวกเชื้อพระวงศ์ เป็นหม่อมราชวงศ์ หม่อมหลวง”
“คนที่นี่เชื้อสายเทพจากแดนสวรรค์ทั้งนั้น เทียบกับหม่อมทั้งหลายของที่บ้านเจ้าได้ไหม”
“น่าจะกระมัง” ตอบพร้อมกับรอยยิ้มกลั้วเสียงหัวเราะ ลืมความหวาดเสียวไปสนิท
“แล้วอิชชินที่เจ้าพูดถึง มีความหมายหรือไม่”
“มีสิ แปลว่ากุหลาบ คุณหน้าตาหล่อแต่ดูลึกลับ เหมือนกุหลาบที่มีหนามป้องกันความสวย ฉันเลยตั้งชื่อว่าอิชชิน ชอบไหม ถ้าชอบฉันจะเรียก”
“เรียกข้าว่าเสินอี้เถอะ อิชชินไม่เหมาะกับบุรุษร่างยักษ์เช่นข้าหรอก”
เธอหัวเราะด้วยความชอบใจ “แล้วคุณอายุเท่าไหร่”
“ยี่สิบสามแล้ว”
“ฉันเพิ่งสิบเก้าเอง ฉันเรียกคุณว่าพี่อี้ได้ไหม”
เขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ มันฟังเหมือนบุรุษด้วยกันหรือพี่น้องเรียกกัน แต่นางไม่ใช่ เขาอยากให้นางเรียกแค่ชื่อมากกว่า จะได้บ่งบอกถึงสถานะของนางได้ชัดเจน ให้คนอื่นได้รู้ว่านางเป็นของเขา
“ข้าไม่มีน้องสาวและไม่อยากมีด้วย”
“ฮึ! ไม่เรียกก็ได้ ฉันชื่อเหม่ยลี่นะ หรือจะเรียกว่าสิริพิมพ์ก็ได้”