ชานเมืองมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน
“เหนียง”
“หือ”
“หนูถามเหนียงจริง ๆ เถอะนะ เหนียงไม่หวงเตียบ้างเหรอ เตียออกจะหล่อและหนุ่มกว่าอายุจริงขนาดนั้น ทำไมเหนียงถึงกล้าให้เตียไปอยู่เมืองไทยคนเดียว” หญิงสาววัยสิบเก้าที่กำลังอุ้มหลานชายวัยเกือบ ๆ สองขวบ ถามมารดาที่กำลังทำอาหารอยู่หน้าเตาไฟฟ้า
“อยู่คนเดียวที่ไหน เหนียงก็ส่งหนูไปอยู่เป็นเพื่อนด้วยแล้วไง”
“มันไม่เหมือนกันนะ หนูเป็นลูกแต่เหนียงเป็นเมีย ผัวเมียก็ต้องอยู่ด้วยกันสิ นี่อะไร แยกกันอยู่คนละขั้วโลก ปี ๆ หนึ่งเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง ถ้าเป็นหนูนะ หนูไม่ยอมหรอก จะเกาะแข้งเกาะขา ขี่คอตามติดเหมือนผีสิงวิญญาณหลอนเลย แล้วถ้ามีสาวมาเหล่ใส่นะ จะเจาะตาให้ทะลุเลย” นิ้วเรียวสองนิ้วทำเป็นตะขอประกอบคำพูดที่จริงจัง แต่สุดท้ายก็หัวเราะเสียงดังด้วยความขบขันสีหน้าของมารดา
“ต่อให้มีหญิงงามจนมัจฉาจมวารี ปักษีตกนภามายั่วเตีย เหนียงก็ไม่กลัวหรอก เพราะเหนียงเชื่อความรู้สึกของเหนียงพอ ๆ กับเชื่อใจเตียหนูนั่นแหละ”
“หนูไม่เข้าใจว่าเกี่ยวกับความรู้สึกตรงไหน ในเมื่ออยู่กันคนละที่ก็ต้องมีช่องโหว่อยู่แล้ว”
“ลูกมีเพื่อนสนิทบ้างไหม”
“มีสิเหนียง”
“แล้วลูกรู้นิสัยของเพื่อนดีแค่ไหน”
“ก็รู้นะ อือ..” หญิงสาวครุ่นคิดไปด้วยหยอกหลานไปด้วย “เพื่อนหนูคนหนึ่งไม่ชอบกินเปรี้ยวเลย แต่ชอบกินแกงส้ม ไม่ชอบใส่เสื้อสีดำแต่ชอบนุ่งกางเกงดำ ชอบผู้ชายเนิร์ด ๆ แต่ไม่ชอบผู้ชายปากหนัก แล้วก็ชอบดูหนังอินเดียมาก ๆ”
“ลูกกับเพื่อนรู้จักกันนานกี่ปีแล้ว”
“ก็ตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย ประมาณสี่ปีแล้วเหนียง”
“แค่สี่ปีลูกยังรู้เรื่องของเพื่อนขนาดนี้ แล้วเหนียงกับเตียอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายร้อยปี เหนียงจะไม่รู้สึกอะไรเลยได้อย่างไร เหนียงน่ะนะ แค่เห็นแววตาของเตียก็รู้แล้วว่าผิดปกติหรือเปล่า”
“จริงหรือเหนียง มันจะรู้สึกได้ขนาดนั้นเลยเหรอเหนียง หนูนึกว่ามีแต่ในละครซะอีก”
มารดาหัวเราะกับอาการตื่นเต้นระคนไม่อยากเชื่อถือของลูกสาว
“เรื่องนี้เอาไว้หนูมีคนที่รักมากเมื่อไหร่หนูก็จะรู้เอง ทุกเรื่องของเขามันจะฝังลึกลงในจิตใจของเรา โดยที่เราแทบจะไม่รู้ตัวเลยแหละ เมื่อเขาอยู่ในระยะสายตา สายตาของเราก็จะทำงานสัมพันธ์กับหัวใจ คอยมองเขาอยู่ตลอดเวลา”
“ฮา ๆ ๆ เหนียงโรแมนติกจังเลย”
มารดาค้อนคมใส่ลูกสาวที่รัก “อย่ามาตลก ที่เหนียงพูดนี่คือความจริงนะ จำคำเหนียงไว้ก็แล้วกัน”
“เจ้าค่ะ จะจำใส่หัวสมองเอาไว้ไม่ลืมเลย หนูเอาซันนี่ไปนอนก่อนนะเหนียง ตาจะปิดอยู่รอมร่อแล้ว”
“ไปเถอะ เดี๋ยวเหนียงยกขนมตามไป”
……………
ดึกสงัด บริเวณหุบเขาติดแม่น้ำหยางจื่อ
สถานที่ที่ห่างไกลจากสายตาผู้คน ยังมีนายบ่าวคู่หนึ่งกำลังสนทนากันด้วยท่าทางเคร่งเครียด พักใหญ่ ๆ จึงแยกย้ายจากกัน..
คล้อยหลังพวกเขาทั้งคู่ บุรุษลึกลับผู้หนึ่งที่ใช้พลังเวทพรางกายอยู่แถวนั้นค่อย ๆ ปรากฏเป็นรูปร่างขึ้น แล้วหายตัวไปในอากาศอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
……………..
หลายวันผ่านไป
“เหนียงเสร็จหรือยังครับ ซันนี่เสร็จแล้วนะครับ” เหม่ยลี่บีบเสียงเล็กเรียกมารดาแทนหลานชาย ที่ถูกสอนให้เรียกยายว่าเหนียง และเรียกเธอว่าต้าเจี่ย ให้เป็นพี่สาวกับน้องชายแทนน้ากับหลาน
“เสร็จแล้ว ๆ อาเตียล่ะเหม่ยลี่”
“เตียออกไปเช็ดรถรอแล้วเหนียง”
“งั้นรีบไปกันเถอะ เดี๋ยวซันนี่จะหิว”
“ซันนี่หิวแล้วครับ รีบไปกันเถอะครับอาเหนียง ไปครับซันนี่” หญิงสาวพูดแทนหลานชาย แล้วพากันเดินออกไปจากบ้าน
....................
ห้างสรรพสินค้า
“ฟูจวิน เป็นอะไรหรือเปล่า” หยวนหลินกระซิบถามสามี ที่มีท่าทางกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด
“ข้ารู้สึกเหมือนถูกแอบมองมาสักพักแล้วฟูเหริน” หยวนตงกระซิบตอบภรรยาเสียงเบา มองลูกสาวที่เข็นเปลหลานชายที่กำลังหลับเดินนำหน้า “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราต้องปกป้องเหม่ยลี่เอาไว้ก่อนนะฟูเหริน..ฟูเหริน”
“ข้ารู้แล้ว” หยวนหลินฝืนใจตอบ เพราะสำหรับนางแล้วทั้งสองคนคือคนที่นางรักมาก และอยากปกป้องเอาไว้ให้ได้ทั้งคู่ “ท่านอย่าคิดมากเกินไปนักเลย ข้าไม่เห็นจะรู้สึกอะไรแบบนั้นเลย”
“ฟูเหรินคงจะชินกับการเป็นมนุษย์โลกมากเกินไป”
“ฟูจวินระแวงมากเกินไปต่างหากล่ะ”
“เตียจ๋า เหนียงจ๋า”
“หือ” สองสามีภรรยาชาวสวรรค์ขานรับพร้อมเพรียงเมื่อถูกลูกสาวเรียก
“หนูต้องซื้อของใช้จำเป็นเตรียมไว้อีกหลายอย่าง เตียกับเหนียงพาซันนี่กลับไปก่อนก็ได้นะ”
“ไปซื้อด้วยกันนี่แหละ”
“เตียไม่ชอบคนเยอะ ๆ ไม่ใช่เหรอ กลับไปก่อนก็ได้ ไม่ต้องห่วงหนู หนูโหลดแอปเรียกรถไว้ในมือถือเรียบร้อยแล้ว”
“ไม่เอา ๆ เตียจะรอกลับพร้อมกัน” บิดาออกตัวแล้วเดินไปหาลูกสาว ดึงเอาเปลหลานชายมาเข็นไว้เอง “เตียไม่กล้าปล่อยให้หนูอยู่คนเดียวหรอก ไม่คุ้นเส้นทางเดี๋ยวก็หลง รีบไปซื้อของไป”
“จ้ะ งั้นหนูไปเอารถเข็นก่อนนะ” หญิงสาวเดินไปเอารถเข็นแล้วเริ่มเลือกซื้อของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นหลายรายการ เพื่อเตรียมพร้อมในการเดินทางข้ามมิติไปยังโลกที่ไม่รู้จัก
แม้ตอนนี้จะยังทำใจให้เชื่อไม่ได้ แต่ก็อยากเตรียมพร้อมและรอลุ้นในวันเดินทางที่ใกล้จะมาถึง ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นแค่เรื่องเล่า อำเอาฮาของบิดา หรือความจริงอันแสนจะอัศจรรย์