แผนกจิตเวช โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
จิตแพทย์หนุ่มนามว่า’วายุ’ เขาสวมชุดกาวน์สีขาวตัดผมทรงอันเดอร์คัดปาดเรียบ สวมแว่นตากรอบหนากำลังนั่งฟังคนไข้สาวสวยเล่าปัญหาชีวิตด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ในขณะที่มือขวาก็รีบจดรายละเอียดยิกๆ เนื่องจากว่าเรื่องราวของเธอมันมากมายเหลือเกิน
“เนี่ย ดูสิคะหมอ ฉันออกจะยังสาวยังสวยแท้ๆ ผัวของฉันยังดันออกไปหาเมียน้อยที่แก่กว่าฉันตั้งหลายปีได้ ไม่รู้ว่ามันหลงนางนั่นเข้าไปได้ยังไง จริงไหมคะคุณหมอ” คนไข้สาวรีบเขยิบตัวเข้ามาใกล้จิตแพทย์หนุ่มแล้วส่งสายตาปิ๊งๆ ให้อย่างยั่วยวน
วายุเหลือบสายตามองเธอแล้วรีบขยับตัวออกห่างคนไข้สาวเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เธอเข้าใกล้เขามากจนเกินไป
“ครับ”
ชายหนุ่มยังคงจดรายละเอียดเกี่ยวกับคนไข้บนใบประวัติยิกๆ ในขณะที่คนไข้สาวก็พยายามก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อให้เห็นร่องอกอันอวบมหึมาของเธอ และพยายายามขยับร่างเข้ามาจนชิดใกล้วายุแล้วส่งเสียงหวาน
“หมอคะ ฉันสวยใช่ไหมคะ” คนไข้สาวย้ายร่างขึ้นมานั่งบนโต๊ะทำงานของเขาพร้อมส่งสายตายั่วยวน
วายุเห็นดังนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้นพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะตะโกนเรียกนางพยาบาลที่อยู่หน้าห้องเสียงดัง
“คุณศรี เชิญคิวต่อไปเข้ามาครับ!”
ในเวลาพักกลางวัน วายุถอดชุดกาวน์ของโรงพยาบาลออกพลางถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า เนื่องจากเคสที่เจอในวันนี้มีแต่ผู้ป่วยหญิงที่หวังจะยั่วยวนเขาอยู่ท่าเดียว โชคดีที่พยาบาลสมศรีคอยช่วยเหลือเขาได้ทันเวลา จึงทำให้เขารอดจากพวกเธอได้อย่างหวุดหวิดทุกครั้ง
ร่างสูงของคุณหมอหนุ่มรีบเดินออกจากห้องผู้ป่วยแผนกจิตเวชแล้วรีบตรงไปยังร้านกาแฟของโรงพยาบาล ระหว่างทางที่ไปยังร้านกาแฟ ทันตแพทย์หนุ่มเพื่อนรักของเขาที่กำลังแอบอยู่พลันกระโดดออกมาจากหัวมุมของตึกพร้อมกับทำท่าราวกับกำลังหลอกผีอย่างสนุกสนาน
“แฮ่! มาแล้วหรอคุณหมอโรคจิต” เล่นเอาวายุที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ถึงกับสะดุ้งไปเล็กน้อย
“ไอ้โชค! เล่นอะไรของแกวะ นี่มันโรงพยาบาลนะเว้ย! เก็บอาการหน่อย เดี๋ยวโดนพยาบาลแก่ๆ เอาไปนินทาแล้วแกจะหนาว และอีกอย่างฉันไม่ใช่หมอโรคจิต ฉันเป็นจิตแพทย์โว้ย จิต-แพทย์ เข้าใจไหม?” วายุบ่นเพื่อนสนิทรัวเป็นชุด โชคชัยกลอกตาไปมาราวกับเบื่อหน่ายแล้วรีบตัดบทเพื่อนสนิทอย่างรู้สึกรำคาญ
“เออ ฉันรู้แล้ว บ่นอยู่นั่นแหละ รีบไปกันเหอะ เดี๋ยวจะหมดเวลาพักซะก่อน ” ทันทีที่พูดจบโชคชัยก็รีบคว้าข้อมือคุณหมอหนุ่มออกไปทันที
“ฮะ…เฮ้ย!” วายุมองความเร่งรีบของเพื่อนสนิทตาปริบๆ
ให้ตายสิ! หมอนี่ทำตัวอย่างกับเด็กๆ
เมื่อทั้งสองมาถึงร้านกาแฟของโรงพยาบาล โชคชัยก็รีบเปิดประตูพร้อมกับส่งยิ้มหวานทักทายบาริสต้าที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อย่างอารมณ์ดี ฝั่งบาริสต้าสาวที่เห็นทันตแพทย์หนุ่มหน้าใสเจ้าประจำเธอก็ส่งยิ้มให้อย่างเอียงอาย
วายุเห็นท่าทางของทั้งสองก็อดแซวเพื่อนสนิทไม่ได้“แหมๆ หว่านเสน่ห์ไปซะทุกที่เลยนะแก หล่อเลือกได้จริงๆ”
“เอ้า! เขาเรียกว่ามีอัธยาศัยดีโว้ย คนหน้าตายอย่างแกจะไปรู้อะไร” โชคชัยกระซิบตอบเพื่อนเสียงเข้มแล้วรีบหันไปยิ้มหวานให้บาริสต้าสาวที่ยืนรอรับเมนูอยู่ด้านหน้า
“ของผมเอาคาปูชิโน่ร้อนหวานน้อยแก้วนึงนะ ส่วนของเพื่อนผมเอาอเมริกาโน่เย็นหวานๆ แก้วนึงครับคนสวย”
บาริสต้าสาวยิ้มให้อย่างเขินๆ ก่อนจะรีบกดคิดเงินให้ทั้งสอง “หนึ่งร้อยห้าสิบบาทค่ะคุณหมอ”
โชคชัยรีบหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา พร้อมกับหยิบธนบัตรใบสีเทาออกมาจ่าย ทว่าวายุเห็นดังนั้นก็รีบห้ามไว้
“ฉันเลี้ยงเอง” วายุตัดบทเสียงเรียบ ก่อนจะส่งธนบัตรสีเทาให้บาริสต้าสาวสวยด้วยสีหน้านิ่งๆ โชคชัยมองเพื่อนสนิทแล้วจุปากเบาๆ อย่างชื่นชม
“โอ้โห! วันนี้มาแปลกแฮะ ขอบคุณนะคร้าบคุณหมอโรคจิต เอ้ย! คุณหมอจิตแพทย์” โชคชัยล้อเลียนเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงยียวน
“…” วายุมองลอดแว่นกรอบหนาด้วยสายตาดุๆ ก่อนจะรีบหันไปรับเงินทอนใส่กระเป๋าเงิน
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังยืนรอกาแฟอยู่นั้น สายตาของวายุพลันหันไปเห็นสาวสวยร่างโปร่งสวมชุดกาวน์สีขาว ผมยาวดัดเป็นลอนอ่อนๆ ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบาเปิดประตูเข้ามาในร้านกาแฟพร้อมกับส่งยิ้มให้กับแพทย์แผนกอื่นๆ ก่อนที่สายตาของเธอจะเหลือบไปเห็นวายุและโชคชัยที่ยืนรอกาแฟอยู่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ คุณหมอสาวรีบโบกมือให้เพื่อนๆ ของเธอแล้วรีบเดินตรงมาหาวายุและโชคชัยทันที
“งานวันนี้เป็นยังไงบ้างวายุ” ธัญญาเรศทักทายวายุด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ก็ดี แล้วเธอล่ะ”
“หนักมาก ต้นสัปดาห์ก็แบบนี้แหละ ผู้ป่วยเยอะกว่าปลายสัปดาห์ เอ่อ…ว่าแต่พวกนายทานอะไรกันรึยัง ฉันรู้จักร้านดีๆ หลังโรงพยาบาลด้วยนะ สนใจไปด้วยกันไหม?” ธัญญาเรศส่งยิ้มสดใสให้วายุที่ยังคงตีหน้าเรียบนิ่ง สายตาของเขาเหลือบมองเพื่อนชายราวกับต้องการความคิดเห็น ด้านโชคชัยกลอกตาไปมาแล้วช่วยเพื่อนโกหกอีกครั้ง
“เอ่อ…พวกเราทานกันแล้วล่ะ ขอโทษด้วยนะ ไว้คราวหน้าก็แล้วกันเนอะ” โชคชัยฉีกยิ้มให้กว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ทั้งๆ ที่ภายในใจแอบก่นด่าวายุที่ต้องให้เขารับหน้ากับเธอไปซะทุกครั้ง
“งั้นเหรอ ไม่เป็นไร แล้วตอนเย็นล่ะว่างไหม?” ธัญญาเรศยังคงรุกต่ออย่างไม่ยอมแพ้ วายุได้แต่มองเธออย่างเงียบๆ ส่วนโชคชัยได้แต่อ้าปากค้างที่ไม่คิดว่าเธอจะรุกหนักขนาดนี้