บทที่ 1 น้องชายคนข้างบ้าน

1632 Words
บทที่ 1  น้องชายคนข้างบ้าน           ‘ระพีพรรณสาดแสงแรงกล้า          สกุณาเจื้อยแจ้วร้องขับขาน          ฟังแล้วช่างนำพาใจให้เบิกบาน          ผสมผสานกลมกล่อมคู่เคียงเรียงร้อยใจ’          “หึหึ” เสียงหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ เมื่ออ่านกลอนของน้องชายคนข้างบ้านจบ          ดวงตาคมของระพินทร์ฉายแววขบขันระคนเอ็นดู ทำไมนะ เขาถึงได้ชอบเจ้าเด็กคนนั้นมากขนาดนี้          ไม่ว่าจะทำอะไร ยังไง เขาก็เห็นดีเห็นงามไปหมด ไม่มีคัดค้านหรืออะไรแม้แต่น้อย          ระพินทร์มองตัวหนังสือยึกยือนั้นอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มกว้างทั้งปากและตา          โคลงสี่สุภาพของเจ้าเด็กนั่น มันทำให้ชายหนุ่มถึงกับส่ายหัว เอาเถอะ อย่างน้อยก็ยังเขียนจบ และยังเอามาให้เขาดูก่อนจะไปส่งครูพรุ่งนี้          ระพินทร์หยิบกระดาษแผ่นเล็กแล้วเดินลิ่ว ๆ ออกจากห้องนอน ลงบันไดแล้วไปทางหลังบ้าน ตรงนี้เป็นประตูเล็กเมื่อเปิดออกไปแล้วก็จะเจอหลังบ้านของเจ้าเด็กนั่น          เด็กที่ว่า ไม่ใช่ใคร แต่เป็นน้องชายของเพื่อนสนิท มีชื่อว่า โอบล้อม อายุ18 ปี จะจบม.6 แล้ว และนี่เป็นงานชิ้นสุดท้ายที่โอบล้อมจะต้องนำไปส่งครูก่อนจะปิดภาคเรียน หลังจากอาทิตย์ก่อน โรงเรียนจัดงานปัจฉิมนิเทศไปแล้ว          หลังจากนั้นนักเรียนต้องตามเก็บงานมาส่งครูให้ครบ เพื่อจะได้ออกเกรดให้ งานนี้โอบล้อมจึงต้องปั่นงานจนหัวหมุน เพราะความขี้เกียจส่งงานเป็นเหตุ          กลอนน่ารัก ๆ จึงมาอยู่ในมือของเขา ระพินทร์นึกถึงกลอนนั่นแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้          “หึหึ” เสียงทุ้มดังมาจากลำคอแกร่งอีกครั้ง หัวใจของชายหนุ่มรูปหล่อก็ยิ่งเต้นรัวเร็ว เมื่อนึกไปถึงใบหน้าจิ้มลิ้มของเจ้าเด็กนั่น... ว่าจะหน้างอแค่ไหนถ้าถูกเขาติเรื่องกลอน          งั้นไม่ติก็ได้ เพราะถึงยังไงก็ผ่านอยู่ดี ไปเห็นหน้าใสสะอาดนั่นก็พอ ขายาว ๆ ของระพินทร์ก้าวฉับ ๆ ตรงไปยังประตูเล็กอย่างรวดเร็ว เขาเป็นวิศวกรของบริษัทปิโตรเลียม ไปทำงานอยู่ในทะเล หนึ่งเดือนถึงจะได้กลับขึ้นฝั่ง และพักยาวเป็นสิบวัน จากนั้นก็กลับฐานตามเดิม           ระพินทร์ขึ้นฝั่งมาได้สามวันแล้ว แต่ละวันมักมีเรื่องให้หัวใจเขาเต้นแรงเสมอ อย่างเช่นวันนี้ คิดแล้วหัวใจของชายหนุ่มพลันเต้นรัวเร็ว เขานั้นรู้ตัวดี ว่าไม่ได้คิดกับน้องเพื่อนแค่น้องชาย แต่มันคิดมากกว่านั้น          แต่ก็นะ โอบล้อมยังเด็กมาก แค่ 18 ปีเอง ยังไม่เหมาะที่จะมีแฟน งั้นรอต่อไปก่อนแล้วกัน          เมื่อเปิดประตูเล็กเข้าไปในบ้านของเพื่อน ก็เจอเข้ากับโอบล้อมและโอบอ้อมพอดี ทั้งคู่กำลังนั่งดีดกีตาร์อยู่ระเบียงหน้าบ้าน ส่วนในบ้าน โอบรักคู่แฝดของโอบอ้อม คงทำอาหารอยู่อย่างแน่นอน          “อ้าว ไอ้พินทร์ มึงกินไรมายัง” โอบอ้อมเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นว่าเพื่อนรักเดินมาถึงแล้ว จึงเอ่ยทักขึ้นแล้วก็ก้มลงดูคอร์ดกีตาร์ตามเดิม          “ยัง กูเพิ่งอาบน้ำเสร็จ จะมาฝากท้องกับมึงนี่แหละ” ระพินทร์พูดกับเพื่อนรัก แต่สายตากลับมองดูหนุ่มหน้าใสด้วยแววตาระยิบระยับแพรวพราว คนเป็นเพื่อนเห็นแบบนั้นก็ส่ายหัว แล้วลุกขึ้น          “เออ งั้นมึงก็อยู่กับเจ้าล้อมมัน เดี๋ยวกูไปบอกไอ้รักให้ทำกับข้าวเผื่อมึงด้วย” ว่าแล้วก็เดินตัวปลิวเข้าไปในบ้าน ปล่อยปลาทูเอาไว้ให้สุนัขจรจัดผู้หิวโซได้เขมือบอย่างเต็มใจ          “…..ดูแล้วมันยากนักหรือไงล้อม ถึงจับคีย์ไม่ได้สักที” พี่ชายรูปหล่อข้างบ้านพูดขึ้น หลังจากจับจ้องมานานเกือบ 3 นาที คนที่อยากให้คุยก็ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากการจับคอร์ดกีตาร์ ทำให้วิศวกรหนุ่มทนไม่ได้ แล้วนั่งลงข้างกาย อันที่จริงมันคือการเบียดนั่นแหละ          แต่เจ้าน้องเพื่อนมันใสซื่อจนเกินไป จึงไม่รู้ว่าที่เขาทำอยู่นี่ มันหมายความถึงอะไร เพราะทุกครั้ง เขานั้นทั้งอ่อย ทั้งยั่ว แต่สิ่งที่ได้กลับมา ก็คือความไร้เดียงสา เห็นแล้วระพินทร์ก็แสนจะปวดตับ ได้แต่คิดในใจ ว่าน้องเพื่อน มันยังเด็ก ยังไม่มีแฟน ยังไม่ได้เรียนรู้เรื่องการมีความรักและความต้องการของทางกาย          วิศวกรหนุ่มรูปหล่อจึงได้แต่อดกลั้น ข่มใจ เพื่อให้เวลากับตัวเองคิดแผนเผด็จศึกน้องของเพื่อน          “มันยาก แต่ผมทำได้” ว่าแล้วโอบล้อมก็ยิ้มระรื่นไปให้เพื่อ นของพี่ ซึ่งเขาไม่รู้ตัวเลยว่า การที่ทำแบบนั้น จะทำให้หัวใจของหนุ่มหล่อกระตุกมากแค่ไหน          ‘ตายกูตาย ยิ้มแบบนี้พี่จะตายเอาได้นะล้อม พี่จะอดทนได้ยังไงนี่’ คนคิดไม่ดีกับน้องเพื่อน หัวใจว้าวุ่นหนัก ชายหนุ่มพยายามข่มใจอย่างยากลำบาก          “พี่อ่านกลอนของผมแล้วใช่ปะ แล้วเป็นไง” ถามขึ้นแล้วก็ดีดกีตาร์ไปเรื่อย ๆ เสียงยังคงแปร่งอยู่ เนื่องจากยังจับคีย์ไม่ได้          “กลอนของเราพี่อ่านแล้วนะ แม้จะอ่อนไปหน่อย แต่ก็น่ารัก พี่ชอบ” ว่าแล้วก็ยัดกระดาษแผ่นเล็กใส่ในมือเจ้าของ ซึ่งเงยหน้าขึ้นมาพอดี          “แหงะ ไรอะ ผมอุตส่าคิดมาอย่างดี” บ่นเบา ๆ          คนตัวโตส่ายหน้าแล้วก็ยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่า น้องชายของเพื่อนหน้างอเมื่อเขาวิจารณ์กลอนอันอ่อนหัดของตน ใบหน้าจิ้มลิ้มดูพริ้มเพรา น่ารักและน่าหอม ขนตาก็กระพือไปมาดูคล้ายปีกผีเสื้อ ดวงตาโอบล้อมก็พราวระยับดูน่ามองยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน จมูกโด่งน่ารัก ริมฝีปากนั้นดูอิ่มน้ำจนน่าจูบ          เพียงแค่คิดและสิ่งตามกลับมาก็คือ แก่นกายอันใหญ่โตนอนสงบนิ่งมานาน ได้เวลาตื่นขึ้นมาแล้ว มันขยายตัวใหญ่ขึ้น จนคับหว่างขาของเขา ทีนี้ ความปวดร้าวแล่นปราดเข้ามาสู่กลางท่อนลำอย่างรวดเร็ว          ‘อาส์ กูนี่ชักจะบ้าแล้ว แค่คิด ด้นกูมันก็ใหญ่ แล้วถ้ากูจับยัดเข้าไปในรูก้น แล้วกูจะเสียวแค่ไหนนะ’ คนหื่นคิดอย่างงุ่นง่าน          “พี่พินทร์เป็นไรครับ ทำไมเหงื่อออกขนาดนี้” คนไม่รู้ตัว ว่าถูกเพื่อนพี่จ้องเขมือบ ได้ขยับกายเข้าไปใกล้ จากที่นั่งเบียดกันอยู่แล้ว คราวนี้แทบจะเกยบนตัก          และแน่นอน ระพินทร์ยิ่งพลุ่งพล่านจนร่างกายร้อนผ่าวไปหมด          “ล้อม เราอย่ามานั่งบนตักพี่สิ” อันที่จริงยังไม่ถึงตัก เพราะเกยแค่ต้นขาเท่านั้น แต่ดุ้นของเขา มันผงกหัวรับการสัมผัสนั้นแล้วไง เขาถึงต้องปรามไว้ก่อน แต่คนซื่อก็ยังคงไม่รู้ตัว          “อะไรกันครับ ยังไม่ได้นั่งตักสักหน่อย พี่พินทร์ก็พูดเกินไป นี่แค่เกยต้นขาเอง ทีตอนเด็กผมขี่คอนั่งตัก ไม่เห็นจะเป็นไรเลย” คนน่ารักพูดขึ้น หัวใจของหนุ่มหล่อวัย 34 ปี ยิ่งสั่นมากขึ้น          ‘โอ๊ย นั่นมันตอนล้อมเด็ก ใครจะมีอารมณ์กับเด็กได้วะ’ คิดด้วยความงุ่นง่าน ความปวดร้าวที่ไม่ได้ปลดปล่อยมันก็มากยิ่งขึ้น          “ล้อม ลงไปก่อนนะ แล้วค่อยคุยกับพี่ หากล้อมไม่ฟังนะ พี่จะปล้ำ”    พูดเตือนสติคนเป็นน้องเพื่อน แต่โอบล้อมกลับหัวเราะออกมา แล้วก็ทำหน้าระรื่นเข้าใส่ เท่านั้นยังไม่พอ ยังยื่นใบหน้าจิ้มลิ้มเข้าใกล้อีก เหมือนกับยั่วคนตัวโตให้ทนต่อไปไม่ได้          “พี่พินทร์ พี่เป็นผู้ชาย พี่จะมาปล้ำผมได้ยังไง” พูดแล้วก็จ้องตาเพื่อนของพี่เขม็ง แล้วเป่าลมหายใจร้อน ๆ รินรดใบหน้าหล่อคมของระพินทร์ พลางขยับกายลงมานั่งบนเก้าอี้ตามเดิม          “ฟู่ววว์” ระพินทร์เป่าปากเบา ๆ ด้วยความโล่งอก โดยมีสายตาของโอบล้อมจ้องมอง แล้วก็ยิ้มที่มุมปากอย่างชอบใจ          “แล้วกลอนของผม มันอ่อนตรงไหน ผมอุตส่าคิดมาอย่างดีนะครับ” บอกพร้อมกับทำหน้างอน ๆ แก้มป่อง ๆ ดูน่ารักน่าหยิก คนเป็นผู้ใหญ่กว่ามองแล้วยิ่งหายใจลำบาก คนอะไร ยิ่งดูยิ่งหลง ยิ่งอยากจับฟัดและขย้ำกิน          “เอาน่ะ ยังไงก็ผ่าน เชื่อพี่ แล้วล้อมแกะโน้ตเพลงอะไร ทำไมป่านนี้ยังไม่ได้สักที” ถามขึ้น เขาจะได้คอยช่วยแกะ          “เพลงนี้ครับ ผมแกะจะจบแล้ว ต้องแสดงคอนเสิร์ตให้กับครูและนักเรียนทุกคนดู พูดแล้วก็ใจหาย ผมกำลังฮอตในหมู่สาว ๆ แล้วก็จะจบพอดี เฮ้อ” คนเก่งพูดแล้วก็ถอนหายใจอย่างเหงา ๆ          “เดี๋ยวเราเข้ามหาวิทยาลัย จะหายเหงาเอง เพื่อนเยอะ กิจกรรมก็เยอะ ไหนจะงานส่งอาจารย์อีก รับรองได้ ว่าล้อมจะไม่มีเวลาเหงา” งานของมหาวิทยาลัยค่อยข้างเยอะ รายจ่ายก็เยอะตามตัวเช่นกัน          “คงงั้น” จากนั้น ก็แกะโน้ตจับคอร์ดกีตาร์ต่อไป โดยมีสายตาของนักวิศวกรหนุ่มจับจ้องมองคนน่ารักตลอดเวลา          ‘โอ๊ย ล้อม ทำไมล้อมน่ารักแบบนี้นะ พี่จะทนได้ยังไง ถึงจะไม่จับเรากิน’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD