DEEP LOVE : 19

1336 Words
“ก็เจ้าสาวหาย มาตามหาเจ้าสาว” เขาว่าพลางเลื่อนแขนขึ้นกอดอก ใบหน้าคมเอี้ยวมองฉัน ตัวละครฝ่ายชาย ซึ่งเป็นตัวหลังของงานถูกจับใส่สูทผูกไทสุดเนี้ยบ จนดูแปลกตา ก็ไม่ได้บอกว่าไม่หล่อนะ…แต่นี่มันไม่ใช่เขาเลยสักนิด “เหอะ!” ฉันทำได้แค่เบ้ปาก เบือนหน้าหนี รู้สึกกระอักกระอ่วนไปกับทุกอย่างรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นสรรพนามที่เขาใช้ การแต่งตัวของเราสองคน เสียงเพลงหวานซึ้งที่เปิดคลออยู่ตลอดเวลาหรือแม้แต่ผู้คนมากมายด้านนอก ฉันกลายเป็นภรรยาในนามของเขาโดยสมบูรณ์ตั้งแต่พิธีจดทะเบียนสมรสเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงเป็น ‘นางสาวลลิลลดา เรืองขจร’ อยู่เหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนนามสกุลหรือใช้ ‘นาง’ แต่อย่างใด นั้นมันเป็นยุคสมัยก่อน ตอนนี้เรามีอิสระในการเลือกมากขึ้นแล้วและฉันก็ไม่ได้รู้สึกยินดีขนาดนั้น “ฉันยังจำได้นะ กติกาของเกม ที่เธอบอกว่า…จะบอกฉันวันนี้” เขาเริ่มทำลายความเงียบด้วยประเด็นใหม่ “อ้อ…” ฉันเกือบลืมไปแล้วนะ ถ้าเขาไม่พูดถึง จะว่าไป กติกาที่ฉันตั้งไว้ก่อนหน้านี้ มันจะมีผลเสียต่อตัวเองในอนาคตไหมนะ แต่การที่ฉันใจสั่นตอนเราจูบกัน มันก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะชอบเขา กับหน้ากากเหยี่ยวดำคนนั้นก็ด้วย ฉันก็ไม่ได้ชอบเขา แค่อยากรู้ว่าถ้ามีครั้งที่สอง ใจฉันจะยังสั่นอยู่ไหม…แค่นั้นเอง ป๊อก…ป๊อก “คิดอะไร?” เขาเคาะนิ้วบนโต๊ะเรียกสติฉันที่นิ่งเงียบไปชั่วขณะ นั่นสิ…ฉันกำลังคิดถึงเรื่องอะไรอยู่ กังวลกับเกมที่ตัวเองเป็นคนตั้งขึ้นมางั้นหรอ บ้าไปแล้วรึไง หัวใจฉันมันมีไว้สูบฉีดเลือดเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายเท่านั้นแหละ ไม่ได้มีไว้เพื่อรักใครสักหน่อย เอาใหม่นะ…ฉันต้องตั้งสติ “งั้นฉันขอถามคุณข้อหนึ่ง” ฉันเอ่ยถามพร้อมกับลุกขึ้นยืน ใช้สายตาไล่พินิจใบหน้าเขาอย่างถี่ถ้วนและคิดทบทวนอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ว่าฉันจะไม่มีทางหวั่นไหวกับผู้ชายคนนี้อย่างแน่นอน “ว่า…” “คุณคิดว่าเรื่องระหว่างเราจะจบลงเมื่อไหร่” หลังจากที่ฉันพูดจบ คนถูกถามก็นิ่งไป ฉันอ่านไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ในตาเขาดูว่างเปล่าเหมือนไม่มีจุดหมายปลายทาง “ไม่รู้สิ คงเป็นตอนที่ทุกฝ่ายได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วมั่ง” เป็นคำตอบที่ไม่มีจุดหมายปลายจริงๆ ด้วย ในเมื่อมีคำว่า ‘มั่ง’ เกิดขึ้นในประโยค แปลว่าไม่มีความชัดเจนอยู่ในนั้น “แล้วฉันจะได้อะไรจากเรื่องนี้” ฉันเอ่ยถามท่าทางจริงจัง เขาบอกว่าทุกฝ่ายจะได้ผลประโยชน์…แต่ดูเหมือนฉันจะเสียเปรียบที่สุดเลยนะ เขาหลุบมองต่ำก่อนจะแอบขำพลางโคลงศีรษะไปมาเบาๆ “คุณน่ะ เป็นคนที่จะได้มากกว่าคนอื่นเลยด้วยซ้ำ” เขาเงยหน้ามองฉันและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ยังมีหัวเราะปะปนอยู่นิดหน่อย เขาทำราวกับฉันเป็นเด็กน้อยซื่อบื้อที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย นั่นยิ่งทำให้เครื่องหมายคำถามฉันผุดขึ้นเต็มหัวไปหมด “ได้อะไร” ฉันขมวดคิ้วเป็นปม...ด้วยความสงสัย ฉันเองก็…ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ นั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงของเขากับอาม่า หรือแม้แต่ข้อตกลงระหว่างธุรกิจของครอบครัว “ถึงเวลาก็จะรู้เองแหละ” เขายักไหล่ขึ้นเล็กน้อยและหันไปเสยผมตัวเองผ่านกระจกอย่างสบายใจ กะแล้วเชียว…ถ้าไม่คิดจะบอกจะเกริ่นมาทำบ้าอะไร แต่ก็ช่างเหอะ ไม่อยากรู้ก็ได้ “ถ้างั้น จนกว่าจะถึงตอนนั้น ห้ามใครรู้สึกกับเรื่องนี้” ฉันเริ่มอธิบายกติกาของเกมที่ฉันเป็นคนตั้งขึ้นมา เขาหยุดชะงัก ลดมือลง เหยียดตัวตั้งตรงหันกลับมามองหน้าฉัน รอยยิ้มก่อนหน้านั้นหายไปซะแล้ว “ยังไง” เขาเลิกคิ้วถาม “ฉันรู้ว่าคุณเข้าใจ” ฉันยิ้มอย่างรู้ทัน ไม่มีทางที่แบดบอยอย่างนายมธุษินทร์ จะไม่รู้ความหมายของประโยคที่ฉันพูดออกไป เขาแค่แกล้งไม่รู้… “นี่มันคือเกมของเธอหรอ” “ใช่ ใครรู้สึกก่อน แพ้ แล้วคนแพ้ก็ต้องทำตามความต้องการของผู้ชนะอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าคุณแพ้ คุณคงรู้อยู่แล้วว่าฉันต้องการอะไร” “เกมบ้าอะไรวะ เอาแต่ใจเกินไปปะ” เขาเริ่มมีอาการหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย มาถึงตรงนี้ฉันมั่นใจขึ้นสักสี่สิบถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่าจะเป็นผู้ชนะและได้ใบหย่าจากเกมนี้ “คุณไม่กล้า?” “ฉันเป็นผู้ชายนะ ไม่ใช่พระอิฐพระปูนเปล่าวะ” “แล้วยังไง ตอนคุณเอากับผู้หญิงคนอื่น คุณก็ไม่ได้รู้สึกกับพวกเธอไม่ใช่ไง๊..?” “มันเกี่ยวกันตรงไหน” “เกี่ยวสิ อนาคตข้างหน้า ไม่มีใครรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น...ระหว่างเรา เรื่อง SEX มันอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้” ฉันพูดไปตามหลักความเป็นจริงของมนุษย์ “แต่ที่สำคัญ อย่า…เอา…ใจ…ลงไปเล่น” ฉันใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าอกข้างซ้ายของเขาเพื่อเน้นย้ำในสิ่งที่ตัวเองพูด ก่อนจะชักมือกลับ...ในตอนที่พูดจบ ขนาดป๊ากับแม่ท่านก็ไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก ยังมีฉันเกิดขึ้นมาได้เลย มันคงมีปัจจัยหลายๆ อย่างในระหว่างการใช้ชีวิตคู่ที่ฉันยังไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นการสร้างเกราะป้องกันคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่แค่เขาแต่เป็นฉันเองด้วย เพราะมันไม่ควรมีใครต้องมาเจ็บกับเรื่องนี้…หรือถ้ามี ก็ต้องไม่ใช่ฉัน “อืม…เห็นภาพชัดดีนะ งั้นแปลว่า…” เขายกมือขึ้นลูบปลายค้างตัวเองสายตาหลุบมองต่ำเหมือนกำลังประมวลความคิด ก่อนจะเขยิบเท้าเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น “ฉันจะทำอะไรกับเธอก็ได้?” และพูดต่อในตอนที่ช้อนสายตาขึ้นมาหยุดที่ริมฝีปากฉัน “ก็ถ้าคุณคิดว่า มันจะไม่ทำให้คุณหวั่นไหว ฉันก็ไม่ติดนะ” ฉันเองก็ไม่ใช่คนจะยอมแพ้อะไรง่ายๆ ด้วยสิ ดูท่าเขาจะยังไม่รู้จักมารยาหญิงดีพอสินะ “นี่เธอคิดว่า เธอกำลังเล่นอยู่กับใคร” “แล้วคุณละ…กำลังเล่นอยู่กับใคร” เรากำลังฟาดฟันกันด้วยคำพูดและสายตาแบบไม่มีใครยอมใคร ถ้าตอนนี้พวกเราอยู่ในอนิเมะสักเรื่องคงมีการปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาพุ่งชนระหว่างการจ้องตาครั้งนี้ “ดีล” เขาพูดพร้อมกับยื่นมือซ้ายออกมา ฉันหลุบมองก่อนจะยืนมือไปจับมือเขา พันธสัญญาระหว่างเราได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เขาบีบมือฉันแน่นก่อนจะออกแรงดึงเข้าหาตัว ส่งผลให้ฉันที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถลาเขาซบแผงอกแกร่งของเขา “ฉันจะทำให้ชีวิตหลังจากนี้ของเราสนุกสุดๆ ไปเลย” เขากระซิบข้างหูฉันเสียงแผ่วเบาที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจ ทุกคนล้วนอยากเอาตัวรอดจากเกมกันทั้งนั้น ฉันหันไปจ้องเขาอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน เป็นอีกครั้งที่เราสบตาโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรต่อ แต่น่าแปลกที่เราทั้งคู่เหมือนสามารถรับรู้ได้ว่าฝ่ายตรงข้ามต้องการจะสื่อถึงอะไร นี่ไม่ใช่การสบตากันแบบหวานซึ้งของหญิงชายทั่วไปหรอกนะ แต่นี่...เป็นการประกาศเริ่มสงครามต่างหาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD