ฉันถูกพามาคอนโดที่เคยมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่มีการพูดคุยระหว่างเราหลังจากจบประโยคนั้น และพอส่งฉันถึงที่เขาก็รีบร้อนออกไป ฉันเองก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นักว่าเขาจะไปไหน
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็เดินเช็ดผมตัวเองสำรวจรอบคอนโด ครั้งก่อนฉันรีบร้อนออกไปจนไม่ทันได้ดูว่าข้างนอกห้องนอนเป็นยังไงบ้าง
มันเพอร์เฟคมากแทบจะทุกตารางนิ้ว ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงมุมพอดีเลยทำให้เห็นวิวเมืองผ่านผนังกระจกได้ทั้งสองด้าน ห้องครัวที่แทบจะมีครบทุกอย่าง ประมาณว่าเปิดร้านอาหารย่อมๆ ได้เลยแหละ สำคัญคือมีตู้โชว์ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำสีเหลืองอำพันหลากหลายยี่ห้อ ล้ำค่าสุดๆ
แต่ก็แอบแปลกใจอยู่นะ คอนโดใหญ่ขนาดนี้มีห้องนอนห้องเดียวได้ยังไง ถึงห้องนอนมันจะใหญ่มากก็เถอะ
ฉันเดินกลับเข้ามาสำรวจตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่ถูกบิ้วอินไปกับผนังฝั่งห้องน้ำทั้งหมด ค่อยๆ เปิดออกดูทีละตู้ ข้าวของเกินครึ่งของฉันถูกย้ายมาจัดไว้ในนี่อย่างเป็นระเบียบ น่าจะเป็นตอนที่เรายุ่งอยู่กับงานช่วงกลางวัน เด็กที่บ้านบางส่วนคงถูกแบ่งมาจัดการเรื่องนี้
ส่วนตู้สุดท้ายเป็นของ…เอ๊ะ! ทำไมมีของเขาอยู่ในนี้ด้วยล่ะ ที่นี่มีห้องนอนห้องเดียว ไม่ใช่สำหรับฉันคนเดียวรึไง บ้าจริง…ดูเหมือนต้องเตรียมรับมือกับเรื่องนี้ด้วยสินะ
ฉันพาตัวเองมานั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ทาครีมบำรุงผิวหน้า ผิวกาย ไปเรื่อย
‘ถ้าไม่อยากเสียใจทีหลัง อย่าทำแบบนี้เพื่อจะประชดแม่ของเธออีก’
อยู่ๆ ฉันก็คิดถึงคำพูดเขาขึ้นมา
คิดซ้ำไปซ้ำมาและปัดมันทิ้งไม่ได้ เพราะฉันยังไม่แน่ใจในความหมายของมันเท่าไหร่นักและคิดว่ามันต้องมีอะไรที่ลึกซึ้งมากกว่าเรื่องผิดถูก หรืออะไรควรทำไม่ควรทำ ความจริงก็รู้นะ…ถ้าพูดถึงเรื่องควรหรือไม่ควร แต่แค่มันอดไม่ได้…บางทีฉันก็ทำไปเพราะอยากรู้ในหัวแม่มีเรื่องของฉันอยู่บ้างไหมเท่านั้นเอง
เฮ้อออ…ฉันพ่นลมหายใจออกผ่านปลายจมูกอย่างห้ามไม่ได้
ครืดดดด ครืดดดด
ฉันสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะลุกเดินไปหยิบมือถือตรงหัวเตียงขึ้นมาดูและเลื่อนสไลด์รับสายเพื่อนสนิท
“เป็นไง” ฉันเอ่ยถามในตอนที่เอนตัวนอนลงบนเตียง รู้อยู่แล้วว่ามันจะโทรมาเรื่องอะไร
[ก็…ตึงนิดหน่อย] มันตอบ
“อาม่าล่ะ” ความจริงก็อยากถามถึงอีกคนด้วยนะ แต่ช่างเหอะ…
[กลับไปแล้ว ตั้งแต่มึงลงจากเวทีไปนั่นแหละ]
“อ๋อ ก็ดี”
[มึงรู้ใช่ม่ะ ว่ากำลังทำอะไรอยู่]
“รู้…”
[ความจริงแขกในงานเขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละ ว่าคู่มึงถูกคลุมถุงชน แต่เขาก็คงไม่คิดว่ามึงจะแหกกลางงานแบบนี้ พรุ่งนี้ก็คงขึ้นฟีดสักพัก แต่คงไม่นานหรอกมึง เดี๋ยวก็เงียบไปเอง]
นี่เป็นการปลอบใจในแบบฉบับของเพื่อนรักและมันทำให้ฉันยิ้มออก
“อืม” ฉันครางรับ
[ให้กูไปอยู่เป็นเพื่อนไหม] และมันก็ยังเป็นคนเดียวที่รู้ว่าตอนนี้ฉันรู้สึกแย่แค่ไหน…
ฉันรู้สึกแย่ทุกครั้งที่ทำแบบนี้ ที่ทำอะไรประชดแม่ตัวเอง แต่ผลที่ได้กลับมาคือท่านไม่แม้แต่จะมีท่าทีโกรธ โมโห หรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้น นี่แหละ…ทุกอย่างมันย้อนกลับเข้าหาฉันและมันสร้างความเจ็บปวดมากกว่าเป็นพันเท่า
“ไม่ต้อง มึงกลับไปนอนเหอะ” ฉันตอบกลับปลายสายเสียงแผ่วด้วยความเหนื่อยล้า มันเองก็คงไม่ต่างกับฉันเท่าไหร่เพราะมันอยู่กับฉันตลอดทั้งงานตั้งแต่เช้า
[งั้น…พรุ่งนี้กูไปหานะหรือไม่ก็ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน]
“อือๆ กลับดีๆ นะมึง”
ฉันกดวางสายและเอาแขนข้างที่กำมือถือไว้ในมือก่ายหน้าผาก ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันมีอะไรที่ต้องคิดเยอะแยะไปหมดและยังหาคำตอบไม่ได้สักเรื่อง
เรื่องอาม่า
เรื่องแม่
เรื่องธุรกิจของป๊า
เรื่องนายมธุษินทร์
ตอนนี้มีเพิ่มอีกเรื่อง…ผู้ชายที่เป็นสามีใหม่ของแม่
ปกติฉันจะไม่ค่อยได้เห็นหน้าเขาเท่าไหร่หรอกนะ แต่วันนี้ฉันเหลือบไปเห็นเขายืนอยู่ตรงประตูทางออกในงานแต่งของฉัน
มันแปลกตรงที่เขาจ้องมองนายมธุษินทร์ด้วยแววตาที่คนปกติเขาไม่มองกัน มองเหมือนคนที่เกลียดแค้นกันมาเป็นชาติ แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะรู้จักกัน สามีใหม่ของแม่เขายังกำแก้วเหล้าในมือแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นตามแขน ราวกับเขาอยากให้นายมธุษินทร์เป็นแก้วใบนั้นอย่างงั้นแหละ หมอนั่นไปทำอะไรให้เขานะ…เรื่องธุรกิจของป๊า หรือ…มันจะเกี่ยวกับการแต่งงานครั้งนี้ด้วย…
โอ๊ยยย…หัวจะปวด ตั้งแต่กลับมามีเรื่องให้คิดไม่เว้นแต่ละวัน
ฉันหงายหน้าจอมือถือดู ตอนนี้ยังไม่ห้าทุ่ม อาม่าจะนอนไปรึยังนะ ฉันควรโทรไปง้อท่านสักหน่อยดีกว่า
ติ๊ดดดดด…ตี๊ดดดด
[สวัสดีค่ะ…]
“อาม่านอนรึยัง” ฉันยิงคำถามแบบไม่อ้อมค้อมและไม่ต้องการรู้ว่าใครเป็นคนรับสาย
[คุณหนูหรอคะ] ดีที่เด็กในบ้านยังจำเสียงฉันได้ทุกคน
“อืม”
[คุณท่านอยู่ในห้องทำงานกับสามีคุณหนูค่ะ]
“ห๊ะ…” ใบหน้าเหยเกปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้ยินสรรพนามแบบนั้น ‘สามี’ รู้สึกขนลุกแปลกๆ ฮึ่ย!
แต่จะว่าไป…หมอนั่นกลับไปที่บ้านฉันทำไมกันนะ…นึกว่าไปบ้านเขาซะอีก
[แล้วก็ คุณ…]
“แม่ฉัน?” ฉันพูดดักอย่างรู้ทัน ถ้าเด็กที่บ้านอ้ำอึ้งไม่กล้าเอ่ยชื่อแบบนี้ มีคนเดียวเท่านั้น
[ค่ะ]
“นานรึยัง”
[สักพักแล้วค่ะ]
“อืม ไม่ต้องบอกใครนะว่าฉันโทรมา”
ฉันไม่ลืมกำชับสิ่งสำคัญก่อนจะกดวางสาย
แล้วทำยังไงฉันจะนอนหลับละทีนี้ แขนหน้าจะก่ายไม่พอ ยกขาขึ้นมาก่ายด้วยเลยได้ไหม เขากำลังเล่นอะไรกัน หมอนั่นคงไม่ได้ไปเพราะเรื่องที่ฉันสร้างอย่างแน่นอน มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น แล้วแม่ฉันกับอาม่า มีอะไรต้องคุยกัน ปกติแทบจะไม่เห็นคุยกัน นี่ฉันต้องแก้โจทย์ข้อไหนก่อน…