DEEP LOVE : 23

1345 Words
ฉันเลื่อนกระจกรถฝั่งที่ตัวเองนั่งลงในตอนที่เพื่อนสนิทกำลังจะเอื้อมคว้าที่จับประตู มันตกใจนิดหน่อย ขมวดคิ้วเอียงคอมองฉันและผู้ชายที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยสลับไปมาชั่วขณะอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะชักมือกลับและเบี่ยงตัวไปเปิดประตูข้างหลังแทน “สวัสดีค่ะ” เสียงเล็กเอื้อนเอ่ยทักทายเจ้าของรถหลังจากที่มันดึงประตูรถปิด “สวัสดีครับ” นายมธุษินทร์โค้งรับแบบยิ้มๆ ก่อนจะหันกลับมาโฟกัสถนนด้านหน้าและเข้าเกียร์ออกรถ ดูมารยาทดีกันจังเลยแฮะ “สวัสดีค่ะ…เพื่อน” ฉันหันไปล้อเลียนเพื่อนสนิทตัวเอง “กูจะอ้วก” “อีนี่…” มันสบถเสียงแผ่วแต่เน้นหนักในตอนที่ฉันกำลังเอื้อมมือไปยีหัวมันด้วยความหมั่นไส้ “หึ..” ฉันชะงัก ตวัดตามองคนข้างๆ เขารีบยกแขนขึ้นใช้ศอกเท้าประตูรถฝั่งขวา เอามือบังปากตัวเองที่ยังหยุดขำไม่ได้ เนียนมากมั่ง…เหอะ “ใครอนุญาตให้หัวเราะไม่ทราบ” ฉันถามพร้อมกับดึงตัวกลับมาพิงเบาะ จ้องหน้าเขาเขม็ง “เอ้า! มันห้ามกันได้ด้วยไง๊? ประหลาด” เขาว่า “นี่!...” “ไม่เล่นนะ ขับรถอยู่” เขาร้องปรามในตอนที่มือฉันกำลังจะฟาดถึงตัวเขา ฉันหยุดการกระทำด้วยความจำใจ ฝากไว้ก่อนเหอะ…ดึงแขนขึ้นกอดอกตัวเองแน่นหน้าบูดบึ้ง หลังจากที่สงบศึกกับเจ้าของรถได้ไม่นาน เพื่อนสนิทที่อยู่ด้านหลังก็เริ่มสะกิดทันที “มึงๆ” เรียกสรรพนามที่ใช้เป็นประจำเสียงแผ่วเบา ฉันเอนเอียงไปหามันที่ตอนนี้เอาคางเกยอยู่บนพนักพิงเบาะ แน่นอนว่า…การเริ่มต้นประโยคด้วยคำนี้ ต่อมาคงเป็นเรื่องของผู้ชายที่นั่งข้างๆ ฉัน ไม่ผิดแน่ “ทำไมเขามาด้วยวะ” นั่นไง…ฉันนี่มันเก่งจริงๆ “ร้องตามไง กูรำคาญ ขี้เกียจทะเลาะด้วย” ฉันตอบในโทนเสียงปกติ จงใจให้คนที่ถูกเอ่ยถึงได้ยินด้วย และปรายตามองเขาเล็กน้อย ในขณะเดียวกันคนถูกกล่าวถึงก็หันมาถลึงตา แยกเขี้ยวใส่ฉันเช่นกัน แป๊ะ!! “มึงจะพูดดังทำห่าอะไร” จ๊ะจ๋าตีไหล่ฉันเบาๆ พร้อมกับกัดฟันพูดให้เสียงลอดออกมา ก่อนจะหันไปยิ้มแห้งให้ผู้ชายคนเดียวในรถ อย่างล่ก…อาการมันแสดงออกชัดเจนเลยว่าถูกจับได้ในตอนที่กำลังนินทาเขา แต่ใครสนใจละ…ก็พูดเรื่องจริงทั้งนั้น ครืดดด ครืดดดด การแจ้งเตือนสายโทรเข้าบนหน้าจอ LED จาก ‘คุณเลขา’ ทำให้พวกเราปิดปากเงียบ ฉันไม่ได้สอดรู้นะ สายตามันเหลือบไปมองเองโดยสัญชาตญาณ ก่อนจะแสร้งมองไปนอกกระจกรถในตอนที่เขากดรับสายจากพวงมาลัย “ครับ” [วันนี้คุณแม็กซ์ จะเข้าบริษัทไหมคะ] เสียงอย่างหวาน…แล้วนี่ต้องสนิทกันระดับไหน ถึงเรียกชื่อเล่นเจ้านายแบบนี้ได้ ฉันได้ยินทุกอย่างที่เขาสองคนคุยกันผ่านลำโพงในรถ “มีเรื่องด่วนหรอครับ” [ก็…นิดหน่อยค่ะ] ฉันเหลือบมองเขาเล็กน้อย สงสัยว่าไอ้เรื่องด่วนที่พูดถึง…มันจะใช่เรื่องงานรึเปล่านะ แล้วฉันจะคิดตามทำไมเนี่ย…งงอยู่นะ “โอเคครับ เดี๋ยวผมรีบเข้าไป” พูดจบเขาก็กดวางสาย “คงไม่ได้ไปด้วยล่ะ เดี๋ยวฉันไปส่งแล้วก็จะเลยเข้าบริษัทไปเคลียร์งานนิดหน่อย น่าจะกลับค่ำหน่อย” ประโยคนี้เขาหันมาบอกฉัน “ใครอยากรู้” จะมาบอกทำไม…ไม่มีใครอยากรู้สักหน่อย “เสียดายจังเลยนะคะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวจ๋าจะดูแลลลินอย่างดีและพากลับไปส่งถึงที่เลย ไม่ต้องห่วงนะคะ” จ๊ะจ๋ารีบยื่นหน้ามาตรงกลาง พูดดักขึ้นในตอนที่เราสองคนทำท่าจะตีกันอีกครั้ง ฉันตวัดตามองเพื่อนสนิทตัวเองอย่างขุ่นเคียง มันคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบรึยังไง ทำไมต้องมาฝากฝังอะไรขนาดนั้น “ฝากด้วยนะครับ” เขาเลื่อนสายตามองกระจกมองหลัง ตอบกลับจ๊ะจ๋าผ่านสิ่งนั้นและต่อด้วยการยกยิ้มมุมปากให้ฉัน “อย่าให้เธอไปกัดใครเข้านะครับ” “อ่าว พูดงี้เคยขับรถอยู่ดีๆ แล้วกระอักเลือดไหม” ฉันหันไปหาเขาท่าทางจริงจัง “ดุแท้…” เขาพูดขึ้นในตอนที่จอดรถหน้าห้างสรรพสินค้าพอดี เขาเลยเอื้อมมือมาบีบแก้มฉันด้วยความมันเขี้ยว “มีลูกเก็บไว้ให้ตัวนะ จะเอาไปเฝ้าบ้าน” “อ๊ะ!!...เจ็บนะ” ฉันปัดมือเขา เตรียมยกกำปั้นจะทุบคนขี้แกล้งและเขาต้องเจ็บหนักแน่ ถ้าไม่ติดว่าจ๊ะจ๋ามันเปิดประตูและห้ามฉันไว้ซะก่อน ฉันทำได้แค่ชี้หน้าคาดโทษเขาไว้เท่านั้น “เดี๋ยว” เขาคว้าแขนฉันในจังหวะที่จะก้าวลงจากรถและยืนบัตรมาให้หนึ่งใบ “เอานี่ไปด้วย” ฉันหยิบบัตรใบนั้นมาจากมือเขาทันทีแบบไม่รีรอ ลงจากรถ ปิดประตู คล้องแขนเพื่อนรักเดินเข้าห้างด้วยอารมณ์ดีสุดๆ ต่างจากก่อนหน้านั้นลิบลับ “ไป กูเลี้ยงเอง” ฉันชูบัตรในมือให้มันดู “หู้ว์…วงเงินเท่าไหร่วะ” “ไม่รู้ ต้องลองรูดดู” ฉันยักไหล่ให้เพื่อนรักตัวเองพร้อมกับมองบัตรแบล็กการ์ดในมือ ถ้าให้เดา…คิดว่าน่าจะไม่จำกัดวงเงิน “ไปไหนก่อนดี” มันถามพลางหันซ้ายหันขวาเพื่อหาจุดหมายปลายทางแรกของเรา “หาอะไรกินก่อนเหอะ กูหิวมาก” ฉันพูดและพามันเดินเข้าร้านปิ้งย่างชื่อดัง ฉันยกหน้าที่ในการสั่งอาหารให้จ๊ะจ๋าและหันมาสนใจข้อความแชทที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอมือถือ [มีความสุขกับการใช้ชีวิตคู่นะครับ พี่สาว] ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงด่ากราดไปแล้ว แต่นี่…เป็นข้อความจากเรย์ ฉันก็เลยไม่ได้อะไร ส่งแต่สติ๊กเกอร์หมีอมทุกข์กลับไปให้เขา “แล้วมึงจะเข้าไปหาอาม่าตอนไหน” ฉันเงยหน้าขึ้นจากมือถือ กลอกตาไปมาคิดหาคำตอบให้กับเพื่อสนิทตัวเอง “คงอีกสักสองสามวัน” ฉันตอบเพราะคิดว่าถ้าเข้าไปตอนนี้คงโดนตีตายแหง่ๆ รอให้เรื่องเงียบสักหน่อยก่อนน่าจะดีกว่า “แล้ว…เมื่อคืน มึงได้…ประเดิมห้องหอกันป่ะ” “อีจ๋า!” ฉันกดเสียงต่ำ เมื่อเพื่อนสนิทตัวเองเริ่มพูดไม่เข้าหู สรรหามาถามจริงๆ “เอ้าก็มึงบอกเอง ว่าเขาทำให้มึงใจสั่นได้ กูก็นึกว่า…” “หุบปาก!” ฉันออกคำสั่งเสียงเข้มในตอนที่มีพนักงานมาเสิร์ฟอาหารพอดี พอพนักงานเดินออกห่างจากโต๊ะฉันก็เริ่มพูดต่อทันที “กูไม่ได้บอกว่ากูชอบเขาสักหน่อย อีกอย่างนะ กูจะไม่ยอมให้มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก” “จริงหรอ ว่าแต่ใจสั่นอย่างเดียว…หรือว่า อย่างอื่นมึงสั่นด้วย?” “สัส จังไรเนอะ มึงนี่” ฉันอดไม่ได้จริงๆ ที่จะด่ามัน เพราะดันเข้าใจไอ้ อย่างอื่น ที่มันพูดถึงคืออะไร “ใครจะไปรู้ ผัวมึงหล่อซะขนาดนั้น” ดูเหมือนมันจะไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ ฉันต้องชวนมันเบี่ยงประเด็ด “เออนี่ มึงรู้จักบ้านเขาม่ะ” “บ้าน?” “...” ฉันพยักหน้ารับ ก็บ้านไง…มันงงอะไร “หมายถึงบ้านที่พ่อกับแม่ของเขาอยู่อะนะ” “ใช่ กูไม่ได้ไปนานแล้วอ่ะ จำไม่ได้” “แล้วทำไมมึงไม่ไปถามเขา” “ถ้ากูจะถามเขา แล้วกูจะมาถามมึงไหม” เป็นคำถามที่สิ้นคิดมาก “มึงจะไปหาพ่อแม่ผัวหรอ” “อีนี่” “เออ ลืม ขอโทษ ว่าแต่มึงจะไปทำอะไร” “กูว่าจะไปขอโทษท่านเรื่องงานเมื่อคืน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD