ผมก้าวออกจากลิฟต์ตรงไปยังห้องสุดท้ายของชั้นโดยมีไอ้หมอไวน์ตามหลัง ทิ้งระยะห่างพอสมควรเหมือนมันกำลังหยุดพิมพ์แชทคุยกับใครสักคนอยู่ สายตาผมเหลือบมองประตูห้อง VIP02 ใจก็อยากจะเปิดเข้าไปเช็กดูว่า...ว่าที่เจ้าสาวของผมยังอยู่ในนั้นไหมหรือหนีเตลิดไปแล้ว แต่ก็คงอยู่แหละ ก็เธอบอกเอง…ว่าจะไม่ทำแบบนั้น แปลกนะที่ผมดันเลือกเชื่อใจเธอ
ผมตัดใจเดินผ่านไปเข้าห้องสุดท้าย กวาดสายตามองทุกคนในห้อง ก่อนจะเดินอ้อมไปข้างหลังโซฟา
“เกิดบ้าอะไรขึ้นมา” ไอ้วาโยเงยหน้าจากมือถือและเอ่ยถามทันทีที่ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆมัน
ห้องนี้เรียกได้ว่าเป็น VVIP เลยก็ได้ เพราะจะมีแค่พวกผมเจ็ดคนและผู้หญิงคู่กายที่เป็นตัวจริงของพวกผมเท่านั้นที่จะเข้ามาได้ ซึ่งตอนนี้เหลือแค่ ไอ้หมอไวน์และก็ไอ้ฟิวส์ที่ยังไม่มีใครเป็นตัวจริง ส่วนผมก็ก้ำกึ่ง การแต่งงานก็ใช่ว่าเจ้าสาวจะเป็นตัวจริงเสมอไป…
“พวกมันกวนตีน สมควรโดนละ” ผมตอบพลางเอื้อมหยิบแก้วเปล่ามาชงเหล้าตามสเต็ป “นี่ยังน้อยไปนะ”
ไอ้หมอที่เดินเข้ามาพอดีถึงกับโคลงศีรษะไปมาด้วยความเอือมระอาก่อนจะเดินตรงไปนั่งลงบนโซฟาตัวถัดไปที่หันหน้าออกประตูข้างไอ้ยูตะ ผมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ในใจก็ยังคิดถึงแต่คำพูดของไอ้เวรสองตัวนั่น น่าเจ็บใจฉิบหาย ไอ้ดินกับไอ้หมอไวน์ไม่น่าห้ามผมเลยจริงๆ แค่นั้นไม่ได้สาสมกับพวกมันเลยสักนิด
“มันทำอะไรให้มึงวะเฮีย” ไอ้ยูตะถามขึ้น
“ก็มันพูดถึง…” ผมชะงัก เกิดความลังเลเล็กน้อยว่าควรจะบอกความจริงเรื่องที่ไอ้เวรสองตัวนั่นพูดจาเหี้ยๆถึงเจ้าสาวของผม ถ้าพวกมันรู้จะคิดว่าผมหวงยัยคุณหนูลลิลนั่นรึเปล่าวะ ดูจากสายตาแต่ละคนที่มองมา แม่งไม่น่าไว้ใจสักคน มีหวังโดนล้อยับแน่ ไม่พูดดีกว่า
“ช่างแม่งเหอะ”
“เอ้า” ไอ้ยูตะอุทานออกมาทำหน้าตาผิดหวังที่อุตส่าห์ตั้งใจฟังอย่างจดจ่อแต่ไม่ได้อะไร คนอื่นๆก็ไม่ต่าง ปล่อยให้แม่งอกแตกตายด้วยความอยากรู้อยากเห็นไปเลย…ดี
“ไอ้ห่า..” ไอ้วาโยก่นด่าก่อนจะก้มหน้าจิ้มมือถือตัวเองต่อ
แกร๊ก!!
ประตูถูกดันเข้ามาโดยฝีมือเจ้าของที่นี้ด้วยท่าทางหัวเสียนิดหน่อย เพราะผมเพิ่งจะสร้างเรื่องให้มันต้องเหนื่อยไปเคลียร์กับไอ้พวกเวรตะไลที่นอนซมอยู่ข้างล่าง
ผมล้วงบัตรเครดิตออกมาวางบนโต๊ะ ปัญหาทุกอย่างจบได้ด้วยเงิน พวกผมใช้วิธีนี้มาตลอด มันเองก็ต้องยัดเงินหนักๆเพื่อไม่ให้ไอ้สองตัวนั้นเอาเรื่องไปแจ้งความ ไม่งั้นผับมันก็จะโดนตรวจสอบและต้องเสียเงินเยอะกว่าเดิมเป็นสองเท่า
“กูรู้นะว่ามึงรวย แต่ช่วยไปตีกันให้ห่างผับกูหน่อยได้ป่ะวะ กูขี้เกียจเก็บกวาด แม่ง! หาแต่เรื่อง” มันว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามผม คาดโทษด้วยสายตา ผมขยับไหล่ให้มันเล็กน้อยก่อนจะเอนหลังพิงโซฟาอย่างสบายใจพลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มต่อ เอาอะไรมารู้สึก...ผมไม่ได้เป็นคนผิด
“เออ มึงได้คอนโดแล้วหรอ” ไอ้หมอหันไปมองหน้าไอ้วาโยก่อนจะเริ่มถามประเด็นใหม่
“ได้ล่ะ แต่ไม่ได้เลือกโซนที่อยู่ใกล้พวกแม่งนี่หรอก รำคาญพวกขี้เสือก” มันตอบไอ้หมอ แต่ตั้งใจจะให้กระทบถึงคนที่อยู่ในคอนโด ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น...
“โถ่…โถ่…โถ่…ถ้าจะขนาดนั้น ไม่ไปซื้อที่อื่นละ…ไอ้สัส!” ผมอดไม่ได้ที่จะด่ามัน ว่าแต่คนอื่นขี้เสือก มันนั่นแหละตัวดีเลย…
“ถ้าไม่ติดว่ามันอยู่ใจกลางเมืองนะ..”
ประโยคที่ยังไม่จบสมบูรณ์ถูกขัดจังหวะ เมื่อประตูห้องถูกเปิดอีกครั้งด้วยฝีมือพนักงานพาร์ทไทม์แผนกบัญชีของผับ เธอคือ มิณาริน หรือ มิณ ผู้หญิงคู่กายตัวจริงของไอ้ยูตะ
เธอกวาดสายตาไปรอบห้องก่อนจะมาหยุดที่ผม
“เฮียรู้จักกับลูกค้าในห้อง VIP02 ไหม” เธอเอ่ยถามทั้งที่ยังยืนอยู่หน้าประตู
“ทำไม” ผมเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย ในใจก็คิดไปถึงเรื่องที่ผมก่อไว้หรือยัยคุณหนูลลิลจะอาละวาดขึ้นมาอีกแล้ว
“ก็ผู้หญิงที่ชื่อลลิลลดา เขาบอกให้ลงบัญชีเฮีย มิณเลยมาถามเฮียก่อน”
“เออ ตามนั้นแหละ” ผมวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะ ถอนหายใจแรงหนึ่งครั้ง ถอนหายใจที่ไม่ได้แปลว่าโล่งอกแต่เป็นการจำนน...เริ่มผลาญเงินตั้งแต่ยังเป็นแค่ว่าที่เจ้าสาวเลยหรอวะ
“โอ๊ะ เจ้าสาวของเฮียอยู่ที่นี้หรอ” ไอ้ยูตะลุกขึ้นยืนพร้อมกับส่งแววตาเป็นประกายมาให้ ด้วยความที่คบกันมานานพอสมควร ผมรู้ได้ทันทีว่ามันคิดอะไรอยู่
ผมลุกพรวดไปกว้างหน้าประตูแบบไม่มีการไตร่ตรอง “หยุดเลยมึง กลับไปนั่ง”
ถ้าไอ้พวกแม่งนี่โผล่ไปเป็นเรื่องหนักกว่าเดิมแน่ ความวุ่นวายจะไม่มีวันจบสิ้น ผมยังคิดไม่ออกเลยถ้าคุณหนูลลิลรู้ว่าผมยำเพื่อนเธอซะเละแบบนั้นจะเป็นยังไง
“โห...ไรวะ ขี้หวง” ไอ้ยูตะว่า
“ขอดูหน้าเจ้าสาวหน่อยดิ” และตามมาสมทบด้วยพี่ชายตัวดีของมัน ที่เพิ่งด่าว่าคนอื่นขี้เสือกเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
“มึงสองตัวนี่สมกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ เหมือนกันเชียว”
“หล่อเหมือนกัน?” ไอ้ยูตะหลุดถามเสียงทะเล้นก่อนจะหันไปยักคิ้วให้พี่ชายตัวเอง
“ขี้...เสือกเหมือนกัน” ผมตอกกลับแบบเน้นๆ ก่อนจะหันไปส่งสายตาดุให้ผู้หญิงที่อยู่หน้าประตู
“ผู้หญิงคนนั้น เจ้าสาวเฮียหรอ”
“นี่ก็เป็นไปกะพวกมันด้วย” ไม่คิดมาก่อนเลยว่าความขี้เสือกนี่มันส่งต่อจากผัวสู่เมียได้
….
….
‘เจ้าบ่าวของเธออยู่ที่ไหน!!’
ผมชะโงกหน้าออกมาตามต้นเสียง เห็นผู้หญิงสองคนยืนโวยวายอยู่หน้าห้อง VIP02
ก่อนจะหันมามองไอ้เจ้าของผับที่ยกมือขึ้นยีผมตัวเองท่าทางกระฟัดกระเฟียด
“เหี่ยอะไรอีกวะเนี่ย” มันบ่นพึมพำ เดินตรงฝ่ากลางวงผมสามคนที่ยืนขวางหน้าห้องออกไปยังจุดเกิดเหตุทันที ตามด้วยมิณ ผม และไอ้พวกที่เหลือ
“อะไรของเธอ” เสียงคุณหนูลลิลดังลอดออกมาจากห้องก่อนเจ้าตัวจะเดินมาหยุดยืนหน้าประตูในเวลาต่อมา
“จะอะไรละ ก็เจ้าบ่าวของเธอไง ทำร้ายแฟนพวกฉันจนเจ็บปางตาย” ในจังหวะที่ผู้หญิงหนึ่งในสองคนนั้นพูด ทุกสายตาก็หันมาจับจ้องที่ผม รวมถึงคุณหนูลลิลที่เพิ่งรับรู้ถึงการมาของพวกผมด้วย เพราะทุกคนรู้ว่าเจ้าบ่าวที่ถูกเอ่ยถึง คือ ผมเอง
“แล้วเธอรู้ได้ไง ว่าเป็นเขา เธอไม่รู้จักเขาซะหน่อย” คุณหนูลลิลไม่ได้เปิดเผยตัวตนของผมในทันที กลับกันเธอยิงคำถามลองเชิงผู้หญิงสองคนนั้นแทน สมกับเป็นเธอ ฉลาดมาก เพราะการที่ผู้มาเยือนทั้งสองไม่ได้ให้ความสนใจผม แน่นอนพวกเธอไม่รู้ว่าผมเป็นใคร แล้วไอ้สองตัวนั่นก็ไม่รู้ น่าแปลกที่พวกเธอดูมั่นใจว่าคนทำเป็นเจ้าบ่าวของคุณหนูลลิล
“ก็แฟนฉันบอกไง ว่าเจ้าบ่าวเธอเป็นคนทำพวกเขา”
“แล้วแฟนเธอรู้จักเขาได้ไง คนที่เห็นหน้าเจ้าบ่าวของฉันมีแค่ยัยแบร์คนเดียว” เธอพูดพร้อมกับเหลือบตามองไปในห้อง ก่อนจะปรากฏร่างผู้หญิงสองหยุดยืนข้างหลังคุณหนูลลิล หนึ่งในนั้น คงเป็นคนที่ชื่อแบร์ เพราะผมจำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่เจอกันในร้านอาหารและเป็นคนต้นคิดเรื่องปาร์ตี้วันนี้ด้วย
“ใช่ ฉันเป็นเดียวที่เห็นหน้าเขา และถ้าแฟน...ที่พวกเธอหมายถึง คือ ไอ้บาสกะไอ้ต้าร์นะ พวกมันไม่รู้จักเขาแน่ๆ เพราะฉันก็เพิ่งได้เจอพวกมันวันนี้” ผู้หญิงที่ชื่อแบร์พูดขึ้น เป็นอีกหนึ่งเสียงที่ยืนยันว่าพวกมันไม่รู้จักผม ถ้างั้นคงเป็นเพราะ…
“ก็…”
“ก็เพราะไอ้เวรสองตัวนั่น…อ้อ แฟนของพวกเธอ” ผมแทรกขึ้นในจังหวะที่ผู้มาเยือนสองคนกำลังลังเล “มันกำลังพูดจาเหี้ยๆให้เจ้าสาวของฉันอยู่ไง มันถึงมั่นใจว่าคนที่กระทืบมันเป็นฉัน เจ้าบ่าวของผู้หญิงที่พวกมันกำลังพูดถึง” คุณหนูลลิลเหลือบมองผมเล็กน้อยก่อนจะหันไปจ้องหน้าผู้หญิงสามคนอย่างเอาเรื่อง ผมเดินไปหยุดยืนข้างเจ้าสาวตัวเอง เหยียดยิ้มมองผู้หญิงสองคนตรงหน้าที่อาการเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นหน้าผม
“มันพูดถึงฉันว่าไง” คุณหนูลลิลละสายตาจากพวกเธอมาหาผม
“ไม่มีหลักฐานซะหน่อย ใครๆก็พูดได้ป่ะ” อีกคนหนึ่งที่ไม่ได้พูดเลยในตอนแรกแย้งขึ้นอย่างไม่ยอม
“งั้นขอเหตุผลที่ ไอ้เวรพวกนั้น มันดูมั่นใจจังเลยว่าเป็นฉัน ทั้งที่ไม่รู้จักกันหน่อยสิ หื้ม?” ผมเลิกคิ้วถามเร่งเอาคำตอบจากพวกเธอทั้งคู่ แต่พวกเธอนิ่งเงียบและหลบตา เกมพลิกเฉยเลย คนที่เดินดุ่มๆเข้ามาหาเรื่องตอนนี้กลับเริ่มถอยซะแล้ว
“พวกมันอยู่ไหน!” คุณหนูลลิลตวาดขึ้น จนทั้งสองสะดุ้ง
“ช่างเหอะน่า ฉันจัดการให้แล้ว” ผมบอกพลางดึงแขนคนตัวเล็กที่ทำท่าจะพุ่งใส่อย่างเดียว หนึ่งในนั้นสะกิดและทำท่าลากเพื่อนตัวเองให้รีบออกไปจากที่นี่
“บอกมันหลบให้ดีเลยนะ อย่าให้ฉันเจอนะ” คุณหนูลลิลตะโกนไล่หลังเสียงดังลั่นพลางแกะมือผมออก หันกลับเข้าห้องไปนั่งดื่มตามเดิม
ผมลอบมองเข้าไปในห้องจังหวะที่ประตูกำลังจะปิดลง รู้สึกกังวลขึ้นมานิดหน่อย ยัยคุณหนูนั่นเล่นกระดกวิสกี้เหมือนเป็นน้ำเปล่าเลย
“เอาเรื่องอยู่นะ” ไอ้หมอพูดขึ้นในตอนที่เราพากันเดินกลับห้องตัวเอง ส่วนมิณก็แยกไปทำงานของตัวเองต่อโดยมีไอ้ยูตะตามไปด้วย
“กูว่าแสบเลยแหละ” ไอ้วาโยเสริม
“แต่เพื่อนเฮียก็ดูหวงเจ้าสาวเหมือนกันนะ” ปิดจบที่ไอ้เจ้าของผับ มันทั้งหมดพากันเหลือบมองผมก่อนจะหัวเราะออกมา ผมยกนิ้วกลางส่งให้พวกแม่ง ดูมีความสุขกันจังนะ…ไอ้เพื่อนเวร
ผมเริ่มเดินช้าลงในตอนที่ไอ้พวกห่านั่นพากันเข้าห้องไปจนหมดและหันกลับไปมองประตูห้อง VIP02 อีกรอบ ลังเลว่าจะกลับไปนั่งกินกับเพื่อนตัวเองหรือจะเข้าไปหาว่าที่เจ้าสาวตัวเองดี…