#ZIAN PART
@อาคารข้างลานกิจกรรมมหา’ลัย
ไอ้แดนขัดขืนสุดฤทธิ์ยื้อแย่งกับผมอยู่พักใหญ่จนโทรศัพท์หล่นจากมือของมัน ผมเอื้อมมือด้วยความเร็วจะก้มลงไปเก็บ แต่ก็ช้ากว่ามือของเอ็มมี่ที่หยิบฉวยไปอย่างว่องไวราวกับนินจาสาว
“แย่งกันขนาดนี้ต้องดูหน่อยแล้วว่ามีอะไร ไหนดูซิ”
“…” ใจมันเต้นตึกตักอย่างแรง เหี้ยไหมล่ะกู
“หืมมม...?”
ผมเหลือบมองเอ็มมี่กำลังจ้องดูที่จอโทรศัพท์ พร้อมไอ้เฟยที่ยืนอยู่ข้างๆโดยที่สายตามันเพ่งมองไปที่จอเช่นกัน และดูเหมือนเอ็มมี่จะกางมือออกราวกับกำลังซูมดูบางสิ่งบางอย่าง
“…”
“…”
เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะ ก่อนที่ไอ้เฟยจะพูดขึ้นมา “ไอ้แดนทำไมมึงทำหน้าอุบาทว์จังวะ แล้วนั่นใครอยู่กับไอ้เซียนน่ะ?”
เอ็มมี่แทบจะเอียงคอดู “ไหนๆ หืมมม น่ารักนะเนี่ย”
ไอ้เฟยจ้องรูปในโทรศัพท์ของไอ้แดนอย่างสงสัย “หน้าตาน้องมันดูคุ้นๆ เหมือนเราเคยเจอ รึเปล่านะ?”
เอ็มมี่พยักหน้าเห็นด้วย แล้วทำท่าครุ่นคิดสงสัยเหมือนไอ้เฟย “นั่นสิ ดูหน้าคุ้นๆ เนาะ”
“…”
“…”
ผมนี่หายใจไม่ทั่วท้องเลยให้ตายเถอะ! ตื่นเต้นชะมัด ใจมันเต้นรัวไม่หยุด สักพักก็ได้ยินเสียงร้องอุทานของสองคนนั้นพร้อมกัน
“เฮย เฮย เฮย เฮ้ย”
“…”
เมื่อได้ยินไอ้คู่นี้ประสานเสียงออกมาแบบนี้ รู้เลยว่าพวกมันน่าจะรู้อะไรแล้ว หมดแล้วชีวิตกู!
ไอ้แดนทำหน้างงไม่รู้ว่าอะไร ที่ทำให้สองคนนั้นร้องอุทานขึ้นมาพร้อมกัน มันหันซ้ายหันขวาถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ “พวกมึงเฮ้ยอะไรกันวะ ช่างแม่งกูเฮ้ยด้วยแล้วกัน เฮย เฮย เฮย เฮ้ย”
“…”
ไอ้เวร! เป็นคนเริ่มเรื่องแท้ๆ ไม่รู้เรื่องอะไรเสือกตามน้ำเข้าไปอีกหัวจะปวด!
แล้วก็ได้ยินไอ้เฟยพูดอย่างจริงจังด้วยท่าทางที่มั่นใจมาก “นี่มันน้องสาวร้านโจ๊กนี่หว่า”
“ใช่ๆ น้องสาวร้านโจ๊ก” เอ็มมี่สำทับ
ไอ้แดนเหมือนจะนึกออกก็เอากับเขาด้วย “เออใช่ๆ กูบอกแล้วเด็ดไหมล่ะหลักฐานกู”
“…”
โม้เสร็จก็ยิ้มแฉ่งเลยนะมึง
ขณะที่พวกเพื่อนกำลังวิเคราะห์สืบสาวราวเรื่องกันอยู่ ไอ้คนโดนสืบอย่างผมก็ได้แต่ตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก และคิดไม่ตกว่าจะหลุดรอดจากสถานการณ์ตอนนี้ได้ยังไง ไม่ทันได้หาทางออกเอ็มมี่ก็เริ่มหันมาซักไซ้
“ไปไงมาไงยะถึงได้มาตามน้องเขาเนี่ย”
“ไม่มีไร เขารับน้อง”
ขณะที่ตอบเหงื่อมันซึมออกมาเอง ท่าทางเลิ่กลั่กแบบนี้จะรอดสายตาอันแหลมคมของไอ้เฟยไปได้ยังไง พอมันเห็นก็ยิ้มเยาะแล้วถามทันที
“ว่าแต่มึงไปรู้จักกับน้องเขาได้ไงวะ?”
“ก็เออ… เคยไปกินข้าวไง… กับพวกมึงอะ กินโจ๊กวันนั้นไง”
ไอ้แดนที่กำลังเก็บข้อมูลอยู่จู่ๆ ก็ร้องขึ้นมา “อ๋อออออ โจ๊ก กวยจั๊บ ไข่กระทะอะไรของมึงที่เต็มตู้เย็นแล้วเอามาให้กูอุ่นแดกทุกวันๆ เนี่ยเพราะแบบนี้เองสินะ แมร่ง! ไม่ขายอย่างอื่นบ้างวะบางทีกูก็อยากกินชาบูนะโว้ย”
พอไอ้แดนพูดแบบนั้นที่เหลือก็ร้อง ‘อ๋ออออ’ โดยพร้อมเพรียงกัน
ไอ้เฟยหัวเราะร่าเดินมาชนหมัดที่ไหล่ผมเบาๆ ตอนเผลอ “เฮ้ยๆ จะปิดเพื่อนน่ะเฮ้ยๆๆๆ”
เอ็มมี่ก็แซวตาม “แหมไปกินไม่ชวนเลยนะเซียน”
สายตาแต่ละคนที่มองมามันอยู่ยากชะมัด กูอยากหนีไปจากตรงนี้โว้ยย!
ไอ้แดนเสริมอีก “แห๋ม กูชวนไปไม่เคยไป กูว่าแล้ววววว~ มันต้องติดหญิง คราวหลังถ้ามึงจะไปก็บอกกูด้วย เผื่อบางวันกูไม่ได้อยากกินอาหารค้างคืน กูก็อยากกินแบบทำสดๆ ใหม่ๆ เหมือนกัน
แอบไปคนเดียวกินก็ไม่หมด ต้องลำบากห่อกลับ คราวหน้าเดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อนเอง ถ้ามึงอยากสั่งอะไรก็สั่งมาเลยกูจัดการให้หมดอ่ะ จะได้ไม่ต้องห่อมาแช่ตู้เย็นให้เปลืองพื้นที่ รับรองกูซัดให้เกลี้ยง ฮ่าๆ”
“เอ้อออ น้องเขาแค่มาทำภารกิจเฉยๆ”
เท่านั้นแหละไอ้เฟยก็สวนกลับมาทันที “ภารกิจอะไรวะ? มึงยังจะปากดีอีกนะมึงอะ”
นาทีนี้เหมือนว่าจะแก้ตัวอะไรไปก็คงหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ต้องอยู่ในสถานะจำนนต่อหลักฐานได้แต่ก้มหน้ายอมสารภาพ
“กูไม่รู้ว่ะ ตั้งแต่วันนั้นแหละที่กูรู้สึกว่าน้องเขาดูน่าสนใจดี อืมม... กูก็เลยอยากรู้ว่าน้องเขาเรียนที่ไหนอะไรยังไง แต่กูก็เพิ่งมารู้ไม่กี่วันนี่เองว่าน้องเขาเรียนอยู่ที่นี่”
ไอ้เฟยยิ้มอย่างรู้ทันเตรียมแซะเต็มคาราเบล “มึงนี่ละเอียดดีนะรับน้องสาขาตัวเองมึงยังไม่เคยไป วันนี้เขาเรียกเราให้ไปดูน้องคณะรับรุ่นมึงก็ไม่ไป อ๋อ! มึงนั่งอยู่ตรงไหนนะลานกิจกรรมจุดที่ศึกษาศาสตร์เขารวมตัวกัน อู้วววว~”
ไอ้แดนขำก๊ากจนท้องขัดท้องแข็ง “โอ้วพระเจ้าจอร์จมึงฉลาดมากเพื่อน”
ส่วนเอ็มมี่ก็หัวเราะคิกคักแล้วบอกกับผม “แต่น้องเขาน่ารักน่าเอ็นดูมากเลยนะน่ารักอย่างกับแมวน้อยเลยอะ แกจะไปหลอกอะไรน้องเขาเปล่าเนี่ย”
“ปล๊าว! ไม่ได้อะไรแค่สนใจเฉยๆ เดี๋ยวกูเบื่อกูก็หยุดเองอะ”
ได้ยินเสียงไอ้เฟยหัวเราะอยู่ข้างๆ แสดงออกชัดเจนว่ามันไม่เชื่อในคำที่ผมพูดออกมา พอมันหัวเราะจนพอใจก็ยิ้มยียวนรู้ทัน “ให้กูพูดหน่อยนะ ตั้งแต่กูรู้จักมึงมากูไม่เคยเห็นมึงลงทุนทำอะไรเป็นแบบนี้เลย โกหกพวกกูอาจจะได้แต่มึงหลอกตัวเองไม่ได้หรอกว่ะ”
ไอ้แดนเสริมอีก “นั่นสิ กูไม่เคยเห็นมันซื้ออะไรมาแช่ตู้เย็นแบบนี้สักที”
“…”
ไอ้พวกนี้มันจะหยุดแซวตอนไหนวะ โว้ยยย กูทำตัวไม่ถูกแล้วแม่งไม่น่าโดนจับได้เลยว่ะ ฉิบหาย!
ในขณะที่ผมอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก โดยที่มีพวกเพื่อนๆ สลับกันแซวอย่างไม่ขาดสายไม่มีใครสังเกตเลยว่าร่างสาวน้อยเดินมาจุดที่พวกผมนั่งอยู่ ก่อนจะรู้ตัวก็ได้ยินเสียงใสเอ่ยทักทันที
“พี่เซียนคะ”
ผมจำเสียงนี้ได้รีบหันไปยังต้นเสียงทันที บรรยากาศโดยรอบก็พลันเงียบสนิทผิดกับก่อนหน้านี้ โดยที่น้องเขากำลังยืนงุนงงที่จู่ๆ ก็มีเพื่อนของผมอยู่เต็มไปหมด สายตาทุกคนรวมทั้งตัวผมจ้องไปที่น้องเขาตาไม่กะพริบราวกับจะมองเผื่อถึงวันพรุ่งนี้ยังไงอย่างงั้นแหละมองจนน้องเขาประหม่า
“ครับ”
พอผมพูดจบก็มีถุงกระดาษยื่นมาวางไว้ตรงหน้าจุดที่นั่งกันอยู่โดยผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“ขนมแทนคำขอบคุณค่ะ ขอบคุณพี่เซียนมากนะคะ งั้นหนูขอตัวก่อน” เธอบอกลาผมและหันไปมองพวกเพื่อนๆ “สวัสดีค่ะพี่ๆ ไปก่อนนะคะ” พูดจบเธอก็เดินจากไปอย่างไวราวกับวิ่งหนีอะไรสักอย่าง ปล่อยให้ผมยืนเหม่อมองเธอจนลับตา
“น้องเขาดูมีมารยาทดีนะต่างจากไอ้เซียนจัง” ได้ยินเสียงเอ็มมี่พูดแต่ว่าสติตอนนี้มันล่องลอยไปทางลานกิจกรรมแล้ว
ฟึบ!!
เหม่อซะจนไม่รู้ตัวว่ามีมือดีมันแย่งถุงกระดาษไปจากมือ จนกระทั่งได้ยินเสียงเอะอะของไอ้แดน
“อะไรวะ อะไรวะ กูได้กลิ่นเหมือนของกิน”
ผมหันไปมองเห็นมันกำลังเปิดถุงกระดาษด้วยท่าทางจริงจังแล้วทำตาโตร้องอุทานออกมา
“โอ้ววว~ ขนมวุ้นแมวอ้วง เอ๊ะ! กูรู้สึกคุ้นๆ นะ หืม? อ๋ออออขนมวุ้น ที่ มึง ซื้อ มาแช่ตู้เย็นใช่ไหม ไอ้ที่มึงติดป้ายห้ามกินน่ะ”
มันหันมาถามไม่นึกว่าจะจำได้ ผมนี่ปาดเหงื่อแล้วปาดเหงื่ออีกก่อนจะสวนกลับไปเพราะจำได้ว่ามันนั่นแหละเอาไปกินหมด
“เอ้อ! แล้วมึงก็เอาไปแดก!”
“ช่ายยย~ แน่นอน! มันต้องผ่านการคิวซีจากกูก่อน ฮั่นแน่ะ ฮั่นแน่ะ”
“…”
เออแซวกันเข้าไป!
แล้วมันก็หันไปทางเอ็มมี่กับไอ้เฟยพร้อมก็โชว์เจ้าวุ้นแมวอ้วง
“อันนี้แหละที่กูบอกพวกมึงอะ ที่มันติดป้ายห้ามกิน”
เอ็มมี่ทำหน้าสงสัยหยิบจากมือมันมาดู “อุ๊ยยย! น่าร๊าก~ วุ้นอะไรเนี่ยทำเป็นรูปแมวด้วยไหนชิมหน่อยสิในถุงมีช้อนรึเปล่า”
เท่านั้นแหละผมก็รีบเดินไปแย่งวุ้นจากมือเอ็มมี่และกวาดเอาถุงกระดาษมาจากไอ้แดนมากอดไว้แนบอก “เฮ้ยๆๆ เขาเอามาฝากกูพวกมึงอะหยุดเลย”
“โห! อะไรวะแค่นี้ทำเป็นหวง” เอ็มมี่พูด
“พอเลยพวกมึง พอเลยกูไปแล้ว” พูดจบก็หนีทันทีเรื่องอะไรจะอยู่ แล้วไม่กี่วินาทีเสียงไอ้แดนก็ตะโกนตามหลังมา
“เฮ้ยยย~ มึงจะไปไหนวะกลับมาก่อนมาคุยกันก่อน”
“…”
เรื่องอะไรจะอยู่ไอ้พวกห่า!