#PHAPARE PART
@ลานกิจกรรมมหา’ลัย
วันนี้มีกิจกรรมรับน้องสาขาของคณะศึกษาศาสตร์ ฉันเพิ่งจอดรถมองเข้าไปในลานกิจกรรมก็เห็นเพื่อนๆ มากันเยอะแล้ว เดินเข้าไปข้างในสายตามองไปรอบๆ หา ‘แมนนี่’ เพื่อนสนิทที่เรียนเอกภาษาไทยเหมือนกัน
หนุ่มหล่อใบหน้าคมรูปร่างสูงราวนายแบบ กำลังเดินมาทางฉันชายหนุ่มผิวขาวเรืองแสงนั่นคือแมนนี่ที่กำลังมองหาอยู่พอดี เขาเป็นหนุ่มหล่อที่สุดในสาขาจนเพื่อนผู้หญิงหรือแม้แต่รุ่นพี่ต้องเหลียวหลังหันมองต่างแอบกรี๊ดกร๊าดกันทันทีที่เห็นแมนนี่ปรากฏตัว ทว่าน่าเสียดายที่แมนนี่ไม่มองผู้หญิงด้วยกัน
ใช่ค่ะไม่มอง! เพราะแมนนี่เป็นสาวสองที่หล่อมากๆ
“โอ๊ย! ยัยแพรมองหาอยู่ตั้งนานเพิ่งมาเหรอยะ?”
“ใช่แล้วเพิ่งมาถึงเมื่อกี้เลย พวกรุ่นพี่เรียกรวมกันแล้วเหรอ?”
“ยังหรอกแต่ใกล้ละ ว่าแต่ยัยแพรแกรู้ยังว่าพี่รหัสจะให้ทำอะไร?”
“เพิ่งมาเองจะรู้ได้ไง แกไปรู้อะไรมาเหรอบอกกันหน่อยสิ”
พอบอกไปแบบนั้นแมนนี่ก็มากระซิบที่หูพูดเสียงเบาราวกับกลัวคนจะได้ยิน
“รู้แล้วเหยียบไว้เลยนะอย่าเพิ่งบอกใคร พี่รหัสฉันกับพี่รหัสแกอะจะให้จับฉลากแล้วให้เราไปขอเบอร์คนหล่อที่สุดในคณะนั้นๆ ในมหาลัยเราต้องทำสำเร็จเท่านั้นถึงจะได้รับเป็นสายรหัส”
“บ้าบอ!”
“เหรอ น่าสนุกดีออกได้ไปขอเบอร์รุ่นพี่หล่อๆ มีอะไรไม่ดี”
“…”
สำหรับแมนนี่คงมองเป็นเรื่องสนุกและดูไม่ยากเย็นอะไรที่จะไปขอเบอร์รุ่นพี่หน้าตาดีเพราะแมนนี่นั้นมีเพื่อนมากมาย ทั้งในคณะเดียวกันและคณะอื่นซึ่งมันตรงข้ามกับฉันที่มีแมนนี่เป็นเพื่อนเพียงคนเดียว คนอื่นๆ แทบไม่ได้คุยเลย แล้วถ้าหากจะต้องไปขอเบอร์รุ่นพี่ก็ดูจะยากไปสำหรับฉันมากๆ
ไม่ทันได้หายคิดหนักรุ่นพี่ก็ใช้โทรโข่งประกาศเรียกนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งมารวมตัวกันและตั้งแถวเป็นระเบียบ เราเล่นกิจกรรมกันเล็กน้อยมีร้องเพลงคณะศึกษาศาสตร์และร้องเพลงสาขาสุดท้ายก็ต่างแยกย้ายไปหาพี่รหัสของตัวเองเพื่อจะทำภารกิจสุดท้ายจากรุ่นพี่ให้ได้รับเป็นสายรหัส
พี่รหัสของฉันชื่อ ‘ไนซ์’ เป็นสาวสองใบหน้าสวยคมผมสั้นประบ่ารูปร่างอ้อนแอ้นไม่ต่างจากผู้หญิง ถ้าไม่ได้ฟังเสียงแทบแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าเป็นหญิงจริงไม่จริง ส่วนพี่รหัสของแมนนี่ ‘พี่เจน’ เป็นหญิงแท้ความสวยไม่ต่างกันและทั้งสองยังเป็นเพื่อนสนิทกันอีกด้วยเหมือนฉันกับแมนนี่
ดังนั้นภารกิจที่ได้รับเลยเหมือนกันและแน่นอนว่าพี่รหัสพูดทุกอย่างไม่ต่างจากที่แมนนี่กระซิบบอกเลย รุ่นพี่ให้เราสองคนจับฉลากเลือกคณะที่จะไปขอเบอร์โทรซึ่งมีทุกคณะในมหา’ ลัย ในใจก็หวังว่าจะได้คณะศึกษาศาสตร์เพราะอยู่คณะเดียวกันไม่น่าจะหาตัวยาก
พี่ไนซ์พี่รหัสของฉันถือถ้วยใสๆ ที่มีกระดาษม้วนข้างในเรียกแมนนี่ออกไปจับฉลากเป็นคิวแรก นางหยิบม้วนกระดาษเล็กๆ มาอันนึงแล้วเปิดอ่าน
“คณะศึกษาศาสตร์”
“…”
จบแล้วงานนี้! กำลังคิดไม่ตก พี่เจนพี่รหัสของแมนนี่ก็เรียกฉันไปจับฉลากเช่นกันโดยที่พี่เจนเป็นฝ่ายถือถ้วยใสๆ แทนพี่ไนซ์สลับกัน เอาจริงไม่ต้องลุ้นอะไรเลยคณะไหนฉันก็ไม่รู้จักใครทั้งนั้น!
มือเล็กแกะม้วนกระดาษแล้วอ่านข้อความข้างใน ‘คณะบริหารธุรกิจ’ รู้แล้วว่าต้องไปขอเบอร์หนุ่มหล่อที่คณะบริหารธุรกิจก็เดินคอตกไปนั่งข้างแมนนี่
“ช่วยด้วยแมนนี่” แววตาอ้อนวอนสุดๆ จนแมนนี่หัวเราะ
“โอ๊ยยัยแพรของแกอะง่ายที่สุดแล้วบอกเลย คณะบริหารธุรกิจมีหนุ่มหล่อเยอะแยะออก”
“เยอะแค่ไหนก็ไม่รู้จักสักคนนี่ ช่วยด้วยแมนนี่ฉันไม่รู้จักใครเลยอะ”
“ย่ะ เหมือนจะมีอยู่สองสามคนนะแต่ฉันพอรู้จักสองในสามคนนั้นน่ะ แถมพวกเขายังอยู่กลุ่มเดียวกันด้วยแหละอยู่ที่แกเลยว่าจะขอเบอร์โทรของใคร สองคนนั้นก็คือ พี่เฟย พี่เซียน”
“อ้อ” ฉันพยักหน้าไม่ได้รู้จักใครหรอก แล้วแมนนี่ก็พูดขึ้นอีก
“แต่ว่าเท่าที่ฉันได้ยินจากพี่รหัสมา ขอแนะนำนะว่าขอเบอร์โทรพี่เซียนสบายใจกว่ารายนั้นยังโสดไม่มีใคร ส่วนพี่เฟยมีแฟนแล้วและแฟนพี่เฟยก็แรงเอาการอยู่เรื่องหวงผัวน่ะอย่าคิดเสี่ยงเลย”
“…”
“อ้อพูดถึงพวกพี่เขา ก่อนนี้เหมือนฉันจะเห็นอยู่คนนึงนะเห็นแวบๆ น่าจะพี่เซียนแหละ มาดูคณะเรารับน้องด้วย เอางี้เดี๋ยวฉันช่วยหา”
“ขอบคุณนะแมนนี่ ว่าแต่แกเถอะคิดออกยังว่าจะไปขอเบอร์รุ่นพี่คนไหนในคณะเรา?”
“หึๆ เรียบร้อยแล้วย่ะ! มีอะไรยากสำหรับคนอย่างแมนนี่กัน”
“ฮะ?! นี่ได้เบอร์แล้วเหรอจากใครอะทำไมไว ไปขอตอนไหนก็เพิ่งจับฉลากด้วยกันอยู่เลย”
“อ๋อ! มีเบอร์โทรนานละย่ะ ก็ ‘พี่นเรศ’ ไงรุ่นพี่ปีสาม พี่เขาเป็นผู้ชายขี้อายด้วยแหละ ก่อนนี้ฉันไปขอให้เขามาเป็นพี่เทคน่ะแค่บอกไปว่าถ้าไม่ยอมเป็นพี่เทคไม่ให้เบอร์โทรจะตามไปทุกที่แม้แต่ห้องนอนก็จะตามไป เท่านั้นแหละพี่เขาก็ให้เบอร์ฉันแทบจะทันทีง่ายไหมล่ะ”
ฉันพยักหน้า “ทำไมโชคดีจังจับได้พี่เทคตัวเองด้วย แล้วตอนนี้พี่คนนั้นอยู่ไหนเหรอ?”
“ฮ่าๆ หนีไปละ”
“…”
“เรื่องฉันช่างเถอะเดี๋ยวของเธอฉันจะช่วยตามหา ระหว่างพี่เฟยกับพี่เซียนใครก็ได้ใช่ไหม?”
“อืม ใครก็ได้ แล้วพวกพี่สองคนนั้นมีจุดสังเกตอะไรเหรอ?”
“อันดับแรกก็ดูเสื้อคลุมสีฟ้าครามที่พี่ๆ คณะบริหารธุกิจชอบใส่กันแล้วก็มองหาคนหน้าตาดีสุดๆ พี่เฟยเป็นหนุ่มตี๋ ส่วนพี่เซียนหล่อคมๆ ทั้งสองสูงพอๆ กับฉันนี่แหละ พอจะนึกภาพออกมะ?”
“ฮะๆ งานยากแล้วแหละ”
“เออน่า เดี๋ยวช่วยหาแยกกันนะ”
“อื้ม~”
ลุกจากที่นั่งแล้วมองไปรอบๆ ลานกิจกรรมนักศึกษาที่มาดูรับน้องคณะของฉันก็เยอะเอาการเหมือนกัน กำลังนึกภาพที่แมนนี่บอกอันดับแรกให้มองดูเสื้อคลุมสีฟ้าครามที่พี่ๆ คณะนั้นชอบใส่
กวาดตามองไปทางซ้ายไล่ไปทางขวา แทบไม่มีคนที่ใส่เสื้อคลุมสีฟ้าครามของคณะบริหารธุรกิจอยู่แถวนี้เลย ถึงมีก็น้อยมากๆ ได้แต่เดินวนหาอย่างไม่ถอดใจจำได้ว่าแมนนี่บอกเห็นพี่คนนึงคณะนั้นอยู่แถวๆ นี้ พี่คนนั้นคงยังไม่ไปไหนหรอกมั้งนะ
ราวสิบห้านาทีที่มองหาหนุ่มหล่อกับเสื้อคลุมสีฟ้าครามไม่มีสักคน!
คงต้องกลับไปรอแมนนี่กลับมาก่อนแล้วแหละ ขณะนั้นที่กำลังเดินกลับเท้ามันหยุดเดินอัตโนมัติเมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ดูคุ้นหน้าค่าตา ราวกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อนกำลังยืนมองฉันอยู่ เขาอยู่ในชุดนักศึกษาไม่ได้สวมเสื้อคลุมสีฟ้าครามอะไรทั้งนั้น เลยไม่รู้ว่าคนที่ยืนมองฉันนั้นเรียนอยู่คณะอะไร
และเขาคนนั้นที่เห็นฉันมองอยู่กำลังส่งยิ้มเบาๆ กลับมา แล้วเดินตรงมาหาหยุดยืนที่หน้าของฉัน ได้แต่มองแล้วสงสัยว่าเขาเป็นใครกัน ทำไมถึงได้คุ้นหน้าเหลือเกิน ยังไม่ทันได้หายสงสัยก็มีเสียงทุ้มเอ่ยทักทายก่อน
“สวัสดีครับน้องผ้าแพร”
พอได้ยินเสียงก็ดันนึกออกเขาคือลูกค้าร้านโจ๊กนี่เองที่ชอบมากินข้าวเช้าที่ร้านบ่อยๆ และเขาก็รู้จักชื่อเล่นของฉันด้วย
“อ้าวพี่…”
“กำลังหาอะไรอยู่เหรอ?”
“อ้อ หนูกำลังหาคนอยู่ค่ะ”
“หาใครเหรอถามได้ไหม?”
“อืมมม… พี่เรียนคณะอะไรเหรอคะ?”
“บริหารธุรกิจครับทำไมเหรอ?”
ว้าว~ ดีเลยพี่เขาจะรู้จักพี่เซียนไหมนะ
“พี่อยู่คณะบริหารธุรกิจเหรอคะ งั้นพี่รู้จักพี่เซียนที่เรียนบริหารธุรกิจไหม?”
พอพูดจบก็เห็นสีหน้าตะลึงของคนตรงหน้า แต่แค่แป๊บเดียวเท่านั้นก็เห็นเขายิ้มกรุ้มกริ่มคนเดียว นั่นแปลว่าต้องรู้จักสินะ
สายตาจ้องมองเขา กำลังรอคำตอบและเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวว่าฉันกำลังรออะไรอยู่
“อ้อ รู้จักครับ เดี๋ยวเรียกมาให้นะตามพี่มาสิ”
น่าแปลกที่ฉันเชื่อเขาสนิทใจว่าคนคนนี้จะต้องรู้จักผู้ชายที่ชื่อเซียนแน่ๆ ถึงได้เดินตามไปอย่างไม่ขัดขืน
พี่เขาพาฉันมาทางหลังอาคาร แถวนี้คนไม่พลุกพล่านเท่าไรแถมยังมีม้าหินอ่อนให้นั่งหลายที่ เขาพาไปนั่งม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่เป็นที่ร่มรื่นที่สุดฉันก็ได้แต่มองเขาอย่างสงสัยว่าให้มาที่นี่ทำไม
“รออยู่นี่แป๊บนะเดี๋ยวพี่มา”
พูดจบก็หายวับทันทีไม่รอคำตอบจากฉันด้วยซ้ำ ก็ทำได้แค่นั่งรอทั้งที่ยังสงสัยอยู่ และไม่นานเท่าไรที่เห็นร่างสูงเดินกลับมาพร้อมในมือถือชานมไข่มุกมาสองแก้วและขนมปังติดมือมาด้วย
“กินน้ำกินขนมก่อนนะ แดดมันร้อนเห็นเหงื่อออกเต็มเลย” เขาไม่ได้แค่พูดอย่างเดียวแต่ยื่นชาไข่มุกและขนมให้ทันที ก็ลังเลใจว่าควรจะรับไว้ดีไหมนะแต่เห็นเดินไปซื้อซะขนาดนี้ ถ้าไม่รับไว้จะไม่เสียน้ำใจเหรอ อีกทั้งดูท่าทางเขาก็ไม่ใช่คนน่ากลัวแถมเป็นลูกค้าร้านประจำอีก คงไม่เป็นไรหรอก...
มือยื่นไปรับแก้วชาไข่มุกแล้วเอาหลอดเจาะดูดกินทันที เห็นเขายืนมองเงียบๆ แล้วยิ้มเล็กน้อย
“ขอบคุณนะคะ”
เขาไม่พูดอะไรเดินไปนั่งม้าหินอ่อนที่รักษาระยะห่างกับฉันนิดหน่อย ดูดน้ำจนเกือบจะหมดแก้วค่อยหันไปถามคนที่กำลังเงียบผิดปกติ
“พี่คะ บอกพี่ที่ชื่อเซียนรึยังคะ?”
เขาพยักหน้าเหมือนจะหัวเราะนิดนึง “เรียบร้อยครับเดี๋ยวเขาก็มา”
“อ๋อค่ะ”
“หลังรับน้องวันนี้เสร็จก็กลับบ้านเลยเหรอ?”
“เปล่าค่ะหนูต้องแวะไปรับดอกไม้ให้คุณยายไว้ร้อยพวงมาลัยก่อน ถึงจะกลับบ้านค่ะ”
เขาทำหน้าประหลาดใจที่ได้ยินแบบนั้น “อ้าว นึกว่าอยู่กับคุณป้าสองคนทำไมตอนที่พี่ไปกินข้าวที่ร้าน ไม่เห็นคุณยายเลยล่ะ”
“พี่มาช่วงเช้าๆ คุณยายยังไม่ตื่นค่ะ”
“อ้อ ครับ”
มองหน้าพี่คนนี้จู่ๆ เขาก็เงียบไปและบางครั้งเขาก็มองฉันนิ่งๆ เหมือนคนอยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่ไม่ยักจะพูดอะไร
ฉันก็ได้แต่นั่งเงียบๆ รอคนที่ชื่อพี่เซียนมาหา มือจับแก้วชาไข่มุกที่น้ำหมดไปแล้วและน้ำแข็งกำลังละลาย วินาทีนั้นแหละที่มองหาถังขยะเปียกจะเอาแก้วชาไข่มุกนี่ไปทิ้ง
พอเห็นถังขยะอยู่ไม่ไกลกำลังจะเดินเอาไปทิ้งก็เหลือบมองพี่คนนั้นที่กำลังนั่งเหม่อแถมชานมไข่มุกพี่เขายังไม่แตะสักคำ ไม่รู้ว่าเหม่อคิดอะไรอยู่
“เดี๋ยวหนูเอาแก้วไปทิ้งแป๊บนะคะ”
เขาไม่ได้พูดอะไรยังเหม่ออยู่ ฉันเลิกสนใจแล้วเดินเอาแก้วไปทิ้งในถังขยะเปียก กำลังจะเดินกลับไปหา ถามเรื่องรุ่นพี่ที่ชื่อเซียนอีกครั้งก็ได้ยินเสียงของแมนนี่ตะโกนเรียกอยู่ใกล้ๆ
“ยัยแพรมานี่สิ”
หันไปมองแมนนี่แล้วเดินไปหาทันที “ว่าไงเป็นยังไงบ้าง?”
ขณะที่ถามสายตาของแมนนี่ไม่ได้สนใจมองฉันสักนิด เอาแต่จ้องมองพี่คนนั้นที่กำลังนั่งเหม่ออยู่คนเดียว
“…”
แล้ววินาทีต่อมาแมนนี่ก็หันมามองฉันแล้วพูดอย่างจริงจัง “ยัยแพร นี่เธอรู้ไหมว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นคือใคร?”
ฉันส่ายหน้ารัวๆ “จะรู้ไหมใครเหรอ?”
“โอ๊ย! คนนั้นแหละพี่เซียน”
“ฮะ?! ว่าไงนะ?”
พอแมนนี่พูดแบบนั้นฉันก็หันไปมองคนที่แมนนี่บอกว่าชื่อพี่เซียนทันที แล้วก็หันมาเอาคำตอบกับแมนนี่อีกรอบ
“อะไรยังไง?”
“เอ๊า! ก็คนนั้นพี่เซียนไง หนุ่มหล่อคณะบริหารธุรกิจ นั่งอยู่ด้วยกันไม่รู้เลยเหรอ?”
“จริง?!”
“อือจริง เจอตัวแล้วก็จัดการเองนะฉันไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอใคร ไปละฮี่ๆ” พูดจบแมนนี่ก็เดินไปอย่างไวไม่รอฉันพูดอธิบายอะไรเลยสักคำ
“บ้า!”
ฉันเดินกลับไปหาคนที่แมนนี่บอกว่าชื่อพี่เซียนทันที แล้วยืนค้ำเอวจ้องไปที่เขาอย่างเอาเรื่อง
“พี่เซียน!”
พอเรียกชื่อ เขาก็หายเหม่อแล้วมองฉันอย่างกวนๆ ราวกับว่าอ้าวรู้ตัวแล้วเหรออะไรแบบนั้น
“ทำไมพี่ต้องโกหกหนูด้วยเนี่ย!”
“ฮ่าๆ นึกว่ารู้อยู่แล้วซะอีก”
“หนูจะรู้ได้ไงคะ?!”
“พี่ไปกินข้าวที่ร้านบ่อยแม่น้องก็เคยถามชื่อด้วย นึกว่าคุยกันแล้วซะอีก”
“…”