บทที่ 1 ยังไม่ชิน ที่ไม่มีเธอ (1)

1413 Words
อริสาเดินลากกระเป๋าสัมภาระเพียงใบเดียวออกจากลิฟต์ของคอนโดมิเนียมย่านชานเมือง ห้องของเธออยู่ชั้นสิบห้า เป็นห้องที่บิดามารดาซื้อให้เป็นของขวัญตอนเรียนจบปริญญาตรี พร้อมกับรถยนต์มือสองอีกหนึ่งคัน เพราะตอนนั้นหญิงสาวบอกกับพวกท่านไว้ว่าเรียนจบแล้วอยากหางานทำที่กรุงเทพฯ หลังจากไขกุญแจเข้าไปในห้องแล้ว อริสาก็เอนตัวนอนบนโซฟาตัวยาวทันทีด้วยความอ่อนเพลีย ข้าวของอื่น ๆ ที่ขนกลับมาจากบ้านของชลธียังอยู่ในรถ เธอตั้งใจไว้ว่าว่างแล้วค่อยทยอยขนขึ้นมาบนห้อง เสียงข้อความจากแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้น หญิงสาวจึงเอื้อมหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าสะพาย แต่กลับมีบางอย่างติดมือออกมาด้วย และมันก็หล่นอยู่บนพื้นทันทีที่เธอถือโทรศัพท์ไว้ในมือ เธอก้มมองมันแล้วได้แต่ถอนหายใจแผ่ว “ไอ้ที่ตรวจพวกนี้มันเชื่อถือได้สักแค่ไหนเนี่ย” อริสาพึมพำกับตนเองอย่างแผ่วเบา พลางหยิบที่ตรวจครรภ์อันนั้นขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นเปิดอ่านข้อความในโทรศัพท์ Kram : ทรายถึงห้องยัง Kram : ถ้าถึงแล้วโทรบอกพี่หน่อยนะ Kram : พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง หญิงสาวกลอกตามองเพดานห้อง มุมปากแค่นยิ้มเล็กน้อย “รู้จักห่วงคนอื่นเป็นด้วยเหรอ งี่เง่าเอ๊ย” ทว่าถึงปากจะบ่นว่าให้ชายหนุ่มไปอย่างนั้น แต่นิ้วมือของเธอกลับพิมพ์ตอบเขากลับไปว่า aRiSa : ถึงแล้ว นอนอยู่ เธอพิมพ์ตอบกลับไปสั้น ๆ ทั้งยังจงใจบอกเขาไปว่านอนอยู่ เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องโทร. กลับมา เพราะอริสารู้นิสัยของชลธีดีว่า หากเขารู้ว่าเธอถึงห้องแล้ว เขาจะต้องโทรศัพท์มาถามแน่ว่าโอเคไหม อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม และสารพัดคำถาม เธอเบื่อจะฟัง และขี้เกียจตอบด้วย เพราะเวลานี้เธอไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากคุยกับใคร แค่อยากอยู่กับตนเอง เสียงข้อความดังขึ้นอีกครั้ง Kram : โอเค งั้นก็นอนพักซะ พี่ไม่กวนแล้ว หญิงสาววางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ หากแต่สายตากลับยังคงจดจ้องอยู่ที่มันไม่วางตา จู่ ๆ ความรู้สึกวูบโหวง และปวดหนึบในอกตรงตำแหน่งหัวใจ พลันจู่โจมเข้าใส่โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวจนขอบตารื้นไปด้วยหยาดน้ำ และไหลออกจากหางตาเข้าไปในกลุ่มผมข้างขมับอย่างเงียบเชียบ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจนอริสาสะดุ้งเล็กน้อย หญิงสาวหันไปมองอย่างไม่สบอารมณ์เพราะนึกว่าเป็นชลธี ทว่าเมื่อหยิบมาดูแล้วเห็นชื่อของผู้ที่โทรศัพท์เข้ามา เธอจึงรีบลุกขึ้นนั่ง เช็ดน้ำตา สูดน้ำมูก ปรับสีหน้าและอารมณ์ให้เป็นปกติก่อนกดรับสาย “หวัดดีค่ะแม่” “ทราย อาทิตย์หน้าอย่าลืมกลับบ้านนะลูก” น้ำเสียงอ่อนโยนของมารดา ทำให้ขอบตาของอริสาร้อนผ่าวจนปวดหนึบขึ้นมาอีกครั้ง “อาทิตย์หน้าเหรอคะ มีอะไรกันเหรอ” เธอกะพริบตาเร็ว ๆ เพื่อไม่ให้น้ำตาที่รื้นขึ้นกบตาไหลลงอาบแก้ม “ว่าแล้วเชียวว่าทรายต้องลืมแน่ ๆ อาทิตย์หน้าทำบุญบ้านไงลูก อย่าลืมมาล่ะ” ได้ยินอย่างนั้น อริสาจึงเลิกคิ้วขึ้นเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ เรื่องนี้บิดามารดาบอกเธอไว้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้วว่าจะทำบุญบ้านประจำปี แต่เพราะเธอมัวแต่คิดเรื่องของชลธี ไหนจะเรื่องงานที่ต้องถูกเลิกจ้างกะทันหัน จึงทำให้ลืมไปเสียสนิท “ได้ค่ะแม่ ไม่ลืมหรอก ทรายไปแน่นอน” ไม่ไปคงไม่ได้ เพราะครอบครัวของเธอทำบุญบ้านเป็นประจำทุกปี และที่สำคัญ ช่วงที่ท้องของเธอเริ่มโตขึ้นจนกระทั่งคลอด ช่วงนั้นเธอคงไม่ได้กลับบ้านที่ชลบุรีไปพักใหญ่ อริสายังคิดไม่ออกว่าจะบอกเรื่องที่ตนตั้งครรภ์ ทั้งที่เพิ่งเลิกกับพ่อของลูกให้บิดามารดาฟังอย่างไรดี แต่ที่แน่ ๆ คือยังไม่ใช่ช่วงนี้แน่นอน และพวกท่านจะรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเธอกำลังตกงาน เพราะไม่อยากให้คนแก่ต้องมาคิดมากกับปัญหาของเธอ “ชวนครามมาด้วยละ ถ้าไม่ได้ติดงานอะไร” ท่านเอ่ยจบ อริสาก็ลอบถอนหายใจแผ่ว ก่อนเอ่ยตอบไปว่า “พี่ครามคงไปไม่ได้หรอกแม่ ช่วงนี้เขางานยุ่งน่ะ เสาร์อาทิตย์แทบไม่ได้หยุด” เธอหมายถึงเขาเที่ยวกลางคืนแทบไม่ได้หยุด เที่ยวแทบทุกคืน กลับถึงบ้านมาก็มีแต่กลิ่นสุรากับกลิ่นบุหรี่ติดตัวกลับมาเป็นประจำ “งั้นก็ไม่เป็นไร เอาไว้คราวหน้าก็ได้ ทรายเองก็อย่ามัวแต่ทำงานมากไปนะลูก พักผ่อนเยอะ ๆ หน่อยจะได้ไม่ป่วย” “ค่ะแม่” หญิงสาวอดยิ้มไม่ได้ เพราะคราวนี้เธอคงได้พักผ่อนยาวไปหลายเดือน เผลอ ๆ อาจเป็นปีเลยทีเดียว อริสาคุยกับมารดาไม่นานนักก็วางสาย เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วเอนตัวลงนอนที่เดิม ในหัวเริ่มคิดหาวิธีที่จะบอกคนทางบ้านเรื่องที่ตนเลิกรากับชลธีแล้วอย่างไรดี หนำซ้ำยังมีลูกติดท้องไปอีกต่างหาก ยอมรับว่าเป็นห่วงความรู้สึกของพวกท่าน เพราะเธอยังไม่แต่งงาน เธอคบหากับชลธีก็เป็นเพียงแฟน หรือคู่รักกันทั่วไป การที่เธออาศัยอยู่ด้วยกันกับเขาที่บ้านหลังนั้น เรื่องนี้บิดามารดาก็รับรู้ เพราะพวกท่านค่อนข้างหัวสมัยใหม่ เนื่องจากอะพาร์ตเมนต์ให้เช่าก็มีพวกนักศึกษามาเช่าอยู่ด้วยกันเป็นคู่อยู่หลายห้อง เรื่องส่วนตัวเช่นเรื่องคบหาเพื่อนต่างเพศเหล่านี้ พวกท่านจึงไม่เคยมาก้าวก่ายแม้แต่ครั้งเดียว เพราะท่านถือว่าเธอโตพอที่จะตัดสินใจทุกอย่างเองได้แล้ว บิดามารดาของอริสามีอะพาร์ตเมนต์ขนาดห้าสิบห้องให้เช่าอยู่ในตัวเมืองจังหวัดชลบุรี ใกล้กับมหาวิทยาลัยรัฐฯ ชื่อดัง ในแต่ละเดือนพวกท่านจึงมีรายได้จากค่าเช่าห้องเหล่านี้ หญิงสาวจึงไม่ต้องให้เงินรายเดือนกับบิดามารดา เพราะท่านบอกว่ารายรับของพวกท่านมากกว่าเงินเดือนของเธอไม่รู้กี่เท่า ท่านจึงอยากให้บุตรสาวบริหารเงินของตนเองให้เต็มที่ ขาดเหลืออะไรค่อยไปขอกับพวกท่าน อริสาจึงคิดมาตลอดว่าตนเองช่างแสนโชคดีที่มีบิดามารดาที่รัก และแสนดีขนาดนี้ แต่ในความโชคดีก็มีโชคร้ายปะปนอยู่ เพราะตอนนี้นอกจากเธอจะเลิกกับแฟนแล้ว อริสายังถูกบริษัทเลิกจ้างอีกด้วย เป็นเพราะบริษัทปรับโครงสร้างการบริหาร ทำให้ต้องลดจำนวนพนักงานลง และการเลือกว่าใครจะอยู่หรือใครจะไป ทางฝ่ายบุคคลใช้วิธีจับฉลากสุ่มรายชื่อ แน่นอนว่าผู้ที่โดนแจ็กพอตเข้าเต็ม ๆ ก็คืออริสากับพนักงานอีกกลุ่มหนึ่ง ยังดีที่หญิงสาวได้เงินชดเชยมาก้อนใหญ่ ซึ่งเมื่อคำนวณคร่าว ๆ แล้ว อย่างน้อยเงินก้อนนี้ก็สามารถเลี้ยงตัวเองไปได้ถึงหนึ่งปีเต็ม หากไม่ใช้ฟุ่มเฟือยเหมือนเมื่อก่อน และเธอก็มั่นใจว่าตนเองอยู่ได้แน่นอน คนท้อง ไม่ได้ออกไปเที่ยวไหน เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าก็ไม่ต้องซื้อใหม่แทบทุกสัปดาห์เหมือนเมื่อก่อน แถมยังประหยัดค่าเครื่องสำอาง ค่ากินดื่มสังสรรค์หลังเลิกงานอีก เธอจะอยู่ไม่ได้ก็ให้รู้ไป “เออใช่ เดี๋ยวต้องไปฝากท้องอีกนี่นา แล้วคนท้องนี่เขาต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรอีกรึเปล่าเนี่ย” อริสาขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด บางทีเรื่องนี้คงต้องปรึกษาพริมา เพื่อนสนิทของเธอที่เพิ่งเป็นคุณแม่ลูกอ่อนได้เจ็ดเดือนแล้วกระมัง ขณะที่อริสากำลังวางแผนว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรบ้าง เสียงออดหน้าประตูพลันดังขึ้นจนหญิงสาวถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย เธอยกมือขึ้นทาบอกเพื่อปลอบตนเองให้ใจเย็นลง จะว่าไปก็แปลก ตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งท้อง อริสารู้สึกว่าตนเองขี้ตกใจไม่น้อยเลย “ใครมากดออดวะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD