บทนำ

1577 Words
อาจมีหลายล้านเหตุผลที่ทำให้เราได้เจอกัน แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าการพบกันของเรามาจากเหตุผลใด แต่ก็ขอบคุณนะ ที่ทำให้วันนี้มีเธอและฉันอยู่ด้วยกัน… บทนำ สำนักหมอดูพ่ออาคม “คนต่อไปเชิญค่าา”เสียงใสเรียกคนที่นั่งรออยู่ด้านนอกให้เข้ามา “มาหาพ่อวันนี้ มีเรื่องทุกข์ใจมาละสิ” “พ่อหมอรู้ได้ยังไงคะ คือลูกสงสัยว่าสามีของลูกมันมีคนอื่นค่ะ”หญิงสาววัยทำงานเล่าเรื่องทุกข์ของตัวเองให้พ่อหมอฟัง “อืมมมมมม ผัวเอ็งมันยังไม่ได้มีคนอื่นหรอก เอ็ง ก็เอาอกเอาใจมันเพิ่มหน่อย มันจะได้ไปไหนไม่รอด แต่ถ้าเอ็งไปโวยวายใส่มันผัวเอ็งอาจจะเตลิดไปจริงๆก็ได้” “มันยังไม่มีคนอื่นจริงๆเหรอคะพ่อหมอ ขอบคุณมากเลยค่ะ”เธอกล่าวขอบคุณพ่อหมอ วางซองเงินค่าธรรมเนียมไว้บนพานแล้วออกจากห้องไปด้วยหน้าตาแจ่มใส “นี่พ่อ ผัวเธอไม่มีเมียน้อยจริงเหรอ”หญิงสาวเอ่ยถามบิดา “ข้าจะไปรู้ได้ยังไงวะ”ผู้เป็นบิดายกขันน้ำดื่มพร้อมตอบกลับ “อ้าว แล้วที่พ่อบอกเธอไปละ โกหกอีกแล้วเหรอ”หญิงสาวโวยวาย “เห้ย เอ็งฟังยังไงว่าข้าโกหก ข้าแค่พูดให้เธอสบายใจแค่นั้น ถ้าผัวเมียทำตัวดีต่อกัน ผัวมันก็ไม่มีเมียน้อยหรอก” “เจ้าค่าาาา ลูกค้าหมดแล้วพ่อวันนี้ เดี๋ยวหนูไปทำกับข้าวให้กินนะ”หญิงสาวรับคำก่อนจะลุกขึ้นเดินไปทำกับข้าวในห้องครัว            สิริมนตรา  พามีสุข อายุ 23 ปี มีชื่อเล่นว่า น้ำมนต์ เธอไม่เคยสงสัยถึงที่มาของชื่อเธอเลย คงไม่พ้นมาจากอาชีพที่บิดาเธอทำ เธออาศัยอยู่กับบิดา อยู่บ้านชานเมืองชั้นเดียวในจังหวัดนนทบุรี มารดาของเธอเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตั้งแต่เธออายุ 5 ขวบ ตั้งแต่นั้นมาเธออาศัยอยู่กับบิดาแค่สองคน บิดาของเธอซึ่งก็คือหมอดูพ่ออาคม ทำอาชีพหมอดูมาตั้งแต่เธอจำความได้ ถามว่าพ่อเธอเป็นหมอดูที่แม่นมากไหม เธอตอบได้เลยว่าไม่ พ่อเธออาศัยฝีปากและลูกล่อลูกชน จนมีลูกค้าขาประจำเป็นจำนวนมาก ส่วนตัวเธอตอนนี้เป็นบัณฑิตจบใหม่ที่ว่างงาน ทำได้แค่อาชีพเสริม ซึ่งก็คือช่วยงานพ่อในสำนักหมอดู เธอคิดว่าพ่อเธอควรมีโปรโมชั่นเรียกลูกค้าเพิ่มบ้างแล้วละ   “พ่อหนูทำกับข้าวเสร็จแล้ว มาทานได้แล้วจ้า”สิริมนตราตะโกนเรียกบิดาที่กำลังเก็บห้องสำนักให้มาทานข้าว “จะเสร็จแล้วยัยหนู เดี๋ยวข้าไป”ยัยหนูอีกแล้ว ตั้งแต่เกิดจนโตพ่อเธอไม่เคยเลิกเรียกเธอว่ายัยหนูเลย จนเพื่อนเธอต่างเก็บมันมาล้อจนถึงทุกวันนี้ “ยัยหนูตั้งแต่เอ็งมาช่วยพ่อเนี่ย สำนักหมอดูของพ่อมีลูกค้าเพิ่มขึ้นเยอะมากเลยนะ แล้วเอ็งไม่หางานทำบ้างเรอะ” “หาสิพ่อ แต่พ่อดูเศรษฐกิจช่วงนี้สิ งานดีๆมันหากันง่ายซะที่ไหน เอาเป็นว่าช่วงนี้หนูอยู่ช่วยพ่อไปก่อน จะได้เกาะพ่อกินด้วย”เธอกินข้าวไปด้วยพลางตอบบิดาไปด้วย ใครบอกเธอไม่อยากหางานทำละ แต่เศรษฐกิจย่ำแย่อย่างช่วงนี้ใครๆก็รัดเข็มขัดกันทั้งนั้น “แล้วแต่เอ็ง ยัยหนูของข้าคนเดียวข้าเลี้ยงได้อยู่แล้ว” “ยัยหนูอะไรละพ่อ ดูสิหนูโตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วพ่อ” “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ต่อให้เอ็งจะโตกว่านี้เอ็งก็ยังเป็นยัยหนูอยู่ดี” “ก็มีแต่พ่อนี่แหละที่เรียกหนูว่ายัยหนูจนเพื่อนเอาไปล้อหนูกันตรึมแล้ว”สิริมนตราเอ่ยงอนบิดา “มีข้าคนเดียวที่ไหน เอ็งจำไอ้เด็กที่อยู่ข้างบ้านเราตอนเอ็งยังเด็กๆไม่ได้รึไง ไอ้เด็กนั่นมันก็เรียกเอ็งยัยหนู” “พ่ออย่าไปพูดถึงมัน แค่คิดถึงมันหนูก็แค้นแล้ว” จะไม่ให้เธอแค้นได้ยังไง ย้อนไปเมื่อตอนเธออายุ 9 ขวบ กำลังเป็นเด็กประถมถักเปียน่ารักๆ มีคนมาซื้อที่ว่างตรงข้างบ้านของเธอเพื่อสร้างบ้านสองชั้นหลังโต เหตุเกิดหลังจากที่บ้านหลังนั้นสร้างเสร็จเจ้าของบ้านก็ย้ายเข้ามา เธอคิดว่าบ้านหลังใหญ่โตขนาดนั้นต้องมีคนย้ายเข้ามาอยู่เยอะแน่ๆและเธอก็จะได้มีเพื่อนเล่นเพิ่มขึ้น แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อคนที่ย้ายเข้ามามีแค่ชายหนุ่มหน้าโหดรุ่นราวคราวเดียวกับบิดาของเธอสองคนและเด็กหนุ่มที่ดูโตกว่าเธอประมาณ 5ปี เมื่อพ่อพาเธอไปทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านใหม่ปรากฎว่าคุณลุงหน้าโหดข้างบ้านกลับเป็นคนใจดีผิดกับใบหน้าที่เธอหวาดกลัว แต่ผิดกับเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าลูกครึ่งผสมไทย-อิตาลีหล่อเหล่า ผิวขาวสะอาดสะอ้าน หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส แต่จิตใจของมันกลับชั่วร้าย เด็กหญิงสิริมนตราคนนี้โดนปีศาจคนนั้นกลั่นแกล้งตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้ากัน เรื่องราวในตอนนั้นเธอยังแค้นและจำมาจนถึงทุกวันนี้ “นี่ลูกชายลุงชื่อคาร์ลอส แม็คไทเลอร์”ลุงมาคัสแนะนำลูกชายของตนเองให้เธอและบิดารู้จัก “หนูเรียกพี่เขาว่าพี่คาลส์ก็ได้”คุณลุงใจดียังคงแนะนำลูกชายที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆตนต่อ “เอ้า ยัยหนูยกมือไหว้ลุง ไหว้พี่เขาสิ อย่ามัวแต่ยืนจ้องหน้าพี่เขาอย่างนั้น”ผู้เป็นพ่อสะกิดให้ลูกสาวยกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่า “สวัสดีค่ะ หนูชื่อเด็กหญิงสิริมนตรา พามีสุข ชื่อเล่นน้องน้ำมนต์ค่ะ”เด็กสาวยกมือไหว้แล้วแนะนำตัวเหมือนตอนแนะนำตัวกับเพื่อนที่โรงเรียน “สวัสดีครับหนูน้ำมนต์”คุณลุงใจดีรับคำเด็กหญิง “คาลส์ทักทายน้องหน่อยลูก เราต้องเป็นเพื่อนบ้านกับน้องอีกหลายปีนะ”ผู้เป็นบิดาหันไปพูดกับบุตรชาย “สวัสดียัยหนู”เด็กหนุ่มเอ่ยทักทายเธอ “น้ำมนต์ค่ะ หนูชื่อน้องน้ำมนต์ ยัยหนูพ่อหนูเรียกได้คนเดียว”เด็กหญิงแก้คำเรียกให้เขาใหม่ เธอไม่ชอบให้คนอื่นเรียกเธอว่ายัยหนู “ยัยหนู ยัยหนู”เด็กหนุ่มยังคงเรียกเธอว่ายัยหนูไม่หยุดไม่หย่อนจนเด็กหญิงทนไม่ไหว เดินเข้าไปชกตรงหน้าท้องแข็งๆของเขา “บอกว่าอย่าเรียกยัยหนูไง”เด็กหญิงตะโกนด้วยความโกรธ มือยังคงไม่หยุดชกท้องแข็งๆของเด็กหนุ่ม “จะเรียก ยัยหนู ยัยหนู ยัยหนู”ไม่เรียกเปล่ามือของเด็กหนุ่มยังดึงผมเปียของเด็กหญิงให้เธอหยุดชกเขาสักที เพราะเขาเริ่มจะเจ็บจากการที่เธอชกเข้าที่เดิมหลายๆครั้ง “กรี๊ดดดดดดดดด ปล่อยผมหนูนะ”เด็กหญิงกรีดร้องออกมาให้เด็กหนุ่มเลิกดึงผมเปียของเธอ เขาดึงแรงจนเด็กหญิงร้องไห้น้ำตาเปรอะหน้า จนผู้เป็นบิดาของเด็กหนุ่มต้องห้ามปราม “คาลส์ปล่อยน้อง”ได้ยินดังนั้นคาร์ลอสจึงยอมปล่อยมือจากผมเปียของเด็กหญิง “ฮือออ พ่อจ๋าไอ้ปีศาจมันรังแกหนู”เด็กหญิงร้องไห้ไปเกาะขาบิดาจนบิดาต้องอุ้มเธอกลับบ้าน และเหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นอีกบ่อยครั้งเวลาที่เด็กหนุ่มมาเล่นบ้านเธอ หรือเวลาที่เธอชอบไปกินข้าวอร่อยๆที่บ้านเด็กหนุ่ม เธอกับไอ้ปีศาจจะต้องมีเรื่องให้ทะเลาะและตีกันทุกครั้ง แม้ส่วนใหญ่จะเป็นเธอที่ไปตีเขา แต่ไปๆมาๆเป็นเธอที่ต้องร้องไห้และกรีดร้องทุกครั้งไป ส่วนไอ้ปีศาจก็มีความสุขหัวเราะสะใจทุกครั้งที่เธอร้องไห้ แค่คิดถึงระยะเวลา 6 ปีที่เธอต้องโดนไอ้ปีศาจมันรังแกเธอก็เจ็บใจขึ้นมา เธอแค้นที่เธอสู้มันไม่เคยได้ ต่อให้เธอจะตีมันยังไงมันก็ไม่สะทกสะท้าน แถมมันยังหัวเราะสะใจทุกครั้งเวลาที่มันดึงผมเปียของเธอแล้วเธอร้องไห้ทุกครั้ง ถ้ามันดึงเบาๆเธอจะไม่ว่าเลย แต่นี่มันดึงจนหนังหัวเธอแทบหลุดจะไม่ให้เธอร้องได้ยังไง แล้วเวลาแห่งความโหดร้ายก็ผ่านพ้นไปเมื่อไอ้ปีศาจกับคุณลุงมาคัสและลุงเจมส์ต้องย้ายกลับอิตาลี ช่วงแรกๆที่บ้านข้างๆย้ายออกไปเธอกลับรู้สึกเหงามากกว่าดีใจ ทั้งที่เธอควรจะดีใจสิที่ไม่มีไอ้ปีศาจคอยรังแกเธออีก   “หนูอิ่มละพ่อ แค่คิดถึงไอ้ปีศาจนั้นมันทำให้หนูกินไม่ลงละ พ่อกินต่อนะ เดี๋ยวหนูมาเก็บจานไปล้างให้” พูดจบเธอก็เดินออกไปนั่งสงบสติอารมณ์ในสวนหน้าบ้าน “อ้าว ยัยหนู”บิดาได้แต่ร้องเรียกตามหลังหญิงสาวที่เดินกระทืบเท้าอย่างหงุดหงิดออกจากบ้านไป  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD