Ep.6

2102 Words
6 Trrr “ครับ” สิงหากรอกเสียงอู้อี้ตามสาย ไม่ทันได้ดูเบอร์ที่โทรเข้ามาด้วยซ้ำ ‘วันนี้จะมีการขนย้ายอาวุธ คุณสิงหาจะเข้ามาดูรึเปล่า’ “…” คนถูกถามหูผึ่ง ดูเบอร์โทรเข้าอีกหนก่อนเรียกปลายสาย “ผู้อาวุโส” ‘ใช่…ฉันเอง ว่ายังไง จะเข้ามาดูรึเปล่า แต่จะมาหรือไม่มันก็ไม่มีอะไรต่างไปจากเดิมหรอก ว่าที่นายใหญ่’ ราชันย์แย่งโทรศัพท์เจ้านายมาคุยเองเสียเลย “เราจะไปครับ” ไม่รอว่าอีกฝ่ายจะพูดต่อรึไม่ เขากดวางแล้วส่งคืน “พี่ได้ยินด้วยเหรอ” “ได้ยินแค่ว่ามาหรือไม่มา แต่ดูอาการคุณไม่สู้ดี ก็เลยเสียมารยาทนิดหน่อย” ว่าพลางยักไหล่แล้วลงจากเตียง “อาบน้ำแต่งตัวกันเถอะครับ” “พี่จะไปกับสิงห์ด้วยใช่มั้ย” “เอ้า!เจ้านายไป คนสนิทก็ต้องไปด้วยสิครับ” ราชันย์ยิ้มเผล่ “เดี๋ยวเจอกันที่โรงจอดรถนะคุณสิงห์” “ครับ” แม้ว่าราชันย์จะเข้าห้องน้ำไปแล้ว แต่สิงหายังคงยิ้มกับคำพูดอีกฝ่ายไม่หาย “ดีจังที่พี่มาทำงานให้” 7 ปีก่อน ในงานสังสรรค์ของเหล่านักธุรกิจ สิงหาในวัย 18 กำลังหันรีหันขวางท่ามกลางผู้คนไม่คุ้นหน้า เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อของเขาไปไหน หรือไปคุยธุรกิจกับใคร ในขณะกำลังมุ่ยหน้าเพราะถูกปล่อยทิ้งไว้ สายตาเขาก็สะดุดเข้ากับชายสูงโปร่งคนหนึ่ง ใบหน้าคนผู้นั้นดูร้ายกาจ แต่กลับเต็มไปด้วยสเน่ห์ชวนมอง ชายคนนั้นกำลังยกเครื่องดื่มทิ้งสายตาชวนหลงใหลมองพิธีกรบนเวที ด้วยเพราะตัวเขาเป็นเด็กวัยรุ่นนั้น จึงไม่มีความคิดอะไรซับซ้อนนัก หากรู้สึกชอบแล้ว มีแต่จะต้องเดินหน้าอย่างเดียว คิดได้ดังนั้นสองขาก็ก้าวเข้าไปหา สะกิดต้นแขนเต็มไปด้วยมัดเนื้ออย่างคนโตเต็มวัย แล้วเอ่ยวาจา “ผมอยากได้เครื่องดื่มบ้าง จะหาได้จากที่ไหนครับ” “หือ?” ดวงตาเรียวหรี่ตวัดมองเด็กวัยรุ่นขึ้นลง “ถ้าแบบที่พี่ดื่มน่ะ มันมีแอลกอฮอล์ นายดื่มด้วยไม่ได้หรอกนะ” กล่าวพลางหมุนตัวลากมือเด็กแปลกหน้าให้เดินตามไปยังโซนเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ “แต่ของพี่มันน่าอร่อยกว่า” สายตาทิ้งกับใบหน้านั้นเนิ่นนาน จนคนตรงข้ามเผลอกระตุกยิ้ม “อายุยี่สิบรึยัง?” “ส…สิบแปดครับ” กะจะโกหกอายุจริง ทว่าความคิดในตอนนั้น การเข้าหาใครสักคน ความจริงใจคงสำคัญที่สุด “กฎหมายห้ามเยาวชนอายุต่ำกว่ายี่สิบดื่มแอลกอฮอล์” พลันยื่นน้ำหวานสีฟ้าให้แทน “อายุถึงเมื่อไหร่ ค่อยมาดื่มด้วยกันนะ” “ก็ได้ครับ” ตอบรับอ้อมแอ้ม “พี่เป็นนักกฎหมายเหรอ” “หึ!พี่เป็นขี้ข้า” ฝ่ามือหนาขยี้เรือนผมเด็กหน้าใสซื่อเบา ๆ เผยรอยยิ้มเอ็นดู “พี่ต้องไปแล้ว คนจ่ายเงินเดือนเรียกแล้วล่ะ” “พี่!” “หือ?” ขาที่กำลังก้าวไปชะงักนิ่ง หันมาเลิกคิ้วจ้องอีกฝ่ายที่มีท่าทางอึกอักก็ขบขัน “จะบอกชอบพี่รึไง อย่าเลย มันเร็วไป” สิงหาส่ายหัวดิก ตัวเขาเองก็รู้เรื่องนั้นดี ถึงจะชอบแต่มันยังเร็วไป “ผม…อยากรู้ชื่อพี่” “พี่ชื่อราชันย์ เรียกว่าคิงส์ก็ได้” พลางโน้มใบหน้าเข้าใกล้ใบหูระเรื่อ “ชื่อเล่นน่ะ พี่ยอมบอกแค่คนที่สนิทเท่านั้นนะ” ปัจจุบัน “คุณสิงห์หิวรึยังครับ” ราชันย์ถามในขณะกำลังขับรถพาเจ้านายไปยังที่นัดหมายตรวจสอบอาวุธ “แวะร้านกาแฟสักแห่งก่อนก็ได้ครับ พี่ยังไม่ได้กินอะไรเลย เรายังพอมีเวลา” ในตอนนี้เพิ่งหกโมงเย็น เวลานัดหมายคือทุ่มครึ่ง จึงไม่ต้องเร่งรีบ “คุณสิงห์ใส่ใจขี้ข้าอย่างผมจริง ๆ เลยนะ” น้ำเสียงบ่งบอกความประทับใจออกมาโต้ง ๆ “คนสนิทครับ” “หือ?” “พี่เป็นคนสนิท ไม่ใช่ขี้ข้า” สีหน้าจริงจัง จ้องคนขับรถผ่านกระจกมองหลังไม่วางตา “อย่าบอกว่าตัวเองเป็นขี้ข้าอีกนะครับ สิงห์ไม่ชอบ” สิงหาคนเดิมกลับมาแล้วสินะ แต่ราชันย์ชอบเขาตอนเมามากกว่า งอแงได้น่ารักดี “พี่คิงส์ยิ้มทำไมครับ คิดว่าสิงห์พูดเล่นเหรอ” “อ๋า…ขอโทษทีครับ ผมเผลอคิดเรื่องบางเรื่องขึ้นมาน่ะ” “…” เรื่องแชทจากคน ๆ นั้นสินะ น่าหงุดหงิดชะมัดที่พี่ยิ้มเพราะคนอื่นที่ไม่ใช่เรา ร้านกาแฟใกล้ท่าเรือส่งสินค้าเป็นสถานที่ ที่ทั้งคู่แวะหาอาหารใส่ท้องก่อนการทำงาน “อเมริกาโนครับ” แก้วกาแฟเย็นไร้น้ำตาลถูกวางตรงหน้า ก่อนราชันย์จะนั่งลงตรงข้ามกัน ในมือเขามีเบเกอรี่อบหนึ่งชิ้นกับลาเต้เย็นหนึ่งแก้ว “กินแค่นั้นจะอยู่ท้องเหรอครับ” “สบายมากครับ” ฉีกยิ้มกว้างเพื่อให้เจ้านายรับรู้ว่าตนสบายจริง ๆ ก่อนยัดเบเกอรี่ชิ้นใหญ่เข้าปากเคี้ยวแก้มตุ่ย “ถ้าไม่อิ่มก็อย่าฝืนนะครับ บอกมาตรง ๆ ได้เลย” ราชันย์ชูมือทำสัญลักษณ์โอเคแล้วพยักหน้าหงึกหงัก “ถ้าวันนี้เสร็จงานไว ดื่มกันมั้ยครับ” “ได้สิครับ คืนนี้ผมจะเมาก่อนคุณให้ดู” พลันราชันย์ก็เลิกคิ้ว “พรุ่งนี้จะไม่เข้าบริษัทอีกแล้วเหรอครับ” “พี่คิงส์ครับ” สิงหายกยิ้มวางสันกรามกับฝ่ามือ “พรุ่งนี้วันหยุดนักขัตฤกษ์” ท่าเรือสินค้า “สวัสดีคุณสิงหา” ชายวัยกลางคนเผยรอยยิ้มก่อนก้าวออกมายืนข้างหน้า แยกตัวจากกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบที่กำลังยืนกุมมือต่ำ “สวัสดีครับคุณสิงหา!” ราชันย์หรี่ดวงตา บึนปากและก้าวตามเจ้านายไปเงียบ ๆ ขี้ข้าที่อยู่ต่ำสุดต้องทักเจ้านายก่อนไม่ใช่รึไง ทำไมต้องให้ไอ้แก่นี่ทักทายก่อนแล้วถึงทำ ไอ้พวกไร้สมอง! “ตรวจสอบของรึยังครับผู้อาวุโสคิม” “เรื่องนั้นเรียบร้อยแล้วล่ะ” พลันใบหน้ามีร่องรอยแห่งกาลเวลาก็เอียงไปทางข้าง มองผ่านไหล้กว้างของว่าที่บอสก่อนฉีกยิ้ม “คนแปลกหน้านี่ใครเหรอ” “มือขวาคนใหม่ของผมเองครับ แทนคนเก่าที่ถูกผู้อาวุโสจัดการไป” คิมกระตุกยิ้ม จะไม่ให้จัดการได้ยังไง ในเมื่อหมอนั่นมันเป็นสายสืบจากแกงค์อื่น “รูปร่างใช้ได้นี่ อันที่จริง ก่อนคุณจะรับใครมาร่วมงาน ควรต้องบอกฉันซึ่งทำหน้าที่ผู้ดูแลแกงค์แบล็คไลออนด้วยสิ ทำแบบนี้ข้ามหน้าข้ามตากันไปหน่อยรึเปล่า” “เขาเข้ามาทำหน้าที่เลขาและบอดิการ์ด ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานในแกงค์อยู่แล้ว ผมจึงไม่คิดว่าเป็นการไม่เห็นหัวผู้อาวุโสหรอกครับ” “หึ!แล้วเรื่องแต่งงาน…” “นั่นก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผมอีกเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องรายงานผู้อาวุโสในทุกอย่างที่ทำหรอกครับ” “ปีกกล้าขาแข็งขึ้นแล้วนี่ รีบ ๆ แต่งซะล่ะ ฉันก็เหนื่อยที่ต้องดูแลแกงค์แทนแล้วเหมือนกัน อยากจะเกษียณตัวเองเต็มทีแล้ว” ว่าพลางนวดไหล่บิดต้นคอไปมา “ไม้ใกล้ฝั่งอย่างฉัน แค่ได้เห็นลูกชายของนายใหญ่ขึ้นที่สูงได้อย่างภาคภูมิ ก็ตายตาหลับแล้ว” “อย่าพูดจาเหมือนหวังดีกับผมอย่างนั้นสิครับ มันน่าขนลุก” สิงหายิ้มเยาะ แม้ใบหน้าจะมีรอยยิ้มตลอดการสนทนา แต่เบื้องหลังระหว่างคนทั้งคู่ มันมีบางอย่างที่มากกว่านั้น “เฮ้อ~ รู้สึกแย่นิดหน่อยที่คุณสิงหาพูดกับฉันแบบนี้” คิมหมุนตัวหันหลังให้ว่าที่นายใหญ่แล้วส่งสายตาแก่ลูกน้อง “ไปดูสินค้าก่อนกลับดีมั้ย เพื่อความแน่ใจของคุณ” “รอสิงห์ตรงนี้ก่อนนะครับ” บอกแก่ชายคนสนิทแล้วเดินตามผู้อาวุโสไปยังตู้คอนเทนเนอร์ที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบก้าว ราชันย์เพียงส่งสายตามองตามด้วยความเป็นห่วง ก่อนเหลือบเห็นว่า เขาถูกจับจ้องโดยชายฉกรรจ์เหล่านั้นไม่คลาดสายตา “อะไร?” ไม่ทันได้รับคำตอบ ทุกคนวิ่งกรูเข้ามาล้อมชายร่างสันทัดไว้ตามคำสั่งของคิม “พวกมึงคิดจะทำอะไรคุณสิงห์” “คุณสิงหาคือว่าที่นายใหญ่ของพวกเรา” ราชันย์พยักหน้าเชื่องช้า โยกศีรษะไปมาพลางพ่นลมหายใจ “ไม่ไว้ใจกันสินะ” ตั้งท่าเตรียมสู้ ไม่วายเอ่ยคำขอ “เซฟหน้ากูให้หน่อยนะ พ่อแม่อุตส่าห์ปั้นมา” ชายหน้าหนวดหัวโล้นเป็นคนเปิด พุ่งตัวสาวหมัดใส่ราชันย์ เจ้าตัวเบี่ยงหลบคว้าต้นคอล็อกแล้วชกเข้าที่ท้องแกร่งแรง ๆ หลายครั้ง อีกคนใช้จังหวะนี้ลอบโจมตีจากด้านหลัง แต่ประสาทรับรู้ของราชันย์เป็นต่อ เท้าหนัก ๆ ถูกเหวี่ยงใส่ก้านคออีกฝ่ายล้มพับ ท่าไม่ดี การรุมจึงเกิดขึ้น ราชันย์เหวี่ยงทั้งหมัดและเท้าชุลมุน ยังต้องคอยโยกศีรษะเพื่อเลี่ยงบาดแผลที่ใบหน้า ในตอนแรก ชายฉกรรจ์เหล่านั้นมีความคิดที่จะออมมืออยู่บ้าง เพราะเพียงแค่ต้องการทดสอบความสามารถของผู้รับใช้ ทว่า คนโดนทำร้ายคงไม่มีเวลาตระหนักคิดถึงข้อนี้ และอัดแรงใส่พวกเขาเป็นจริงเป็นจัง พรรคพวกกว่าครึ่งถูกทำให้นอนโอดโอยอยู่ข้างเท้าราชันย์ อีกครึ่งจึงเริ่มสับสน และคิดว่าจะยุติการทดสอบแต่เพียงเท่านี้ “เฮ้ย!” ไม่ทันตั้งตัว คนที่เลือดขึ้นหน้าวิ่งตรงมาทางชายที่กำลังเงอะงะแล้วล็อกคอ จับร่างที่ใหญ่กว่าทุ่มลงพื้นคอนกรีตอย่างง่ายดาย เสียงโอดโอยดังระงมไปทั่ว แต่ราชันย์ก็ยังไม่ยอมรามือ วิ่งเข้าไปกระโดดถีบขาคู่ใส่ผู้ที่คิดว่าเป็นศัตรูจนล้มหงายตึง ตัวเขาก็เสียหลักล้มตามไปด้วย แต่รีบพาตัวเองยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว เตะเข้าที่ชายโครงหนาชนิดที่ว่า ไม่มีปราณี “เหลือแค่มึงสามคนแล้ว” ราชันย์เสยผมชื้นเหงื่อให้พ้นจากสายตา ตวัดจ้องชายที่เหลืออีกสามคนทั้งยังหอบหายใจกระชั้น “จะเอายังไง อยากต่อมั้ย” “พี่ใหญ่ไปก่อนเลย” “กูเป็นพี่ใหญ่ งั้นมึงไปก่อนเลยไอ้แหลม” ใหญ่หันไปดึงแหลมที่แอบอยู่เบื้องหลังแล้วถีบก้นให้ตัวพุ่งไปหาราชันย์ “พี่!ผมเพิ่งเข้าแกงค์ได้ไม่นาน ฝีมือยังห่างชั้นกับพี่มาก ปราณีด้วยเถอะครับ” แหลมยกมือท่วมหัว ชายผมแดงขยี้หัวจนหน้ายุ่ง อ่อนแอแบบนี้คนอย่างราชันย์ก็ต้องใจอ่อนอีกน่ะสิ “มึงดีกว่า คนที่ระเบิดหูน่ะ” “ห้ะ!?” อุทานพลันชี้เข้าหาตัว “อุตส่าห์ยืนเงียบ ๆ แล้วแท้ ๆ เชียว” “มึงก็ด้วย” ราชันย์ชี้ไปทางคนถูกนับถือเป็นพี่ใหญ่ “เป็นพี่ใหญ่แท้ ๆ ทำไมไม่เสียสละตัวเองวะ” “ใช่ครับ พวกเขาชอบหาเรื่องแกล้งผมด้วย” ใหญ่ถลึงตาใส่น้องเล็กทันที “กูไม่ได้คุยกับมึง” แหลมปิดปากฉับ “เข้ามาพร้อมกันเลย กูจะได้ไปดูนายกูต่อ” ใหญ่หันมองคนข้างตัว พยักหน้าเป็นเชิงว่าให้เข้าไปพร้อมกัน ก่อนจะออกวิ่งเตรียมพุ่งหมัดใส่ราชันย์ แต่หันไปดูข้างตัวอีกที “ไอ้จอม!” รองเท้าหนังเบอร์ 42 ยันเข้าเต็มหน้าหนวดเคราครึ้ม ร่างกำยำหงายหลังไถลไปตามแรงเท้า ไปหยุดใกล้ ๆ กับเพื่อนที่ทิ้งเขาในตอนแรก “ไอ้เหี้ยจอม!” “กูขอโทษไอ้ใหญ่ กูมันกาก มันป๊อด มัน…อั่ก!” ราชันย์ไม่รอให้ทั้งคู่สนทนากันนานกว่านี้ เขาอ้อมไปเบื้องหลังจอมแล้วรัดคอแน่น เค้นเสียงกดต่ำ “พวกมึงจะยอมรับในตัวนายกูได้รึยัง” “ใจเย็น ๆ ก่อนเถอะพ่อ พวกกูยอมรับตั้งนานแล้ว” ใหญ่แก้ตัวแทนเพื่อนที่กำลังจะขาดอากาศหายใจ “แล้วทำไมไม่ทักนายกูก่อน ทำไมต้องรอให้ผู้อาวุโสพูด” “มึงโมโหเรื่องแค่นี้?” ผิดคาด ใหญ่คิดว่าอีกฝ่ายโมโหเพราะโดนพวกเขารังแก แต่กลับโมโหเรื่องนั้น และเหตุผลที่พวกเขาไม่ทักก่อนเพราะอยากให้เกียรติผู้อาวุโส ไม่ใช่เพราะไม่เคารพสิงหา “ไม่ว่าพวกมึงจะมีเหตุผลอะไร กูบอกไว้เลย ถ้ากูเห็นอะไรแบบนี้อีก กูจะเลาะฟันพวกมึงทีละคน ทีละคน” “รู้ครับ ปล่อยมันได้แล้ว” ร่างจอมถูกปล่อยเป็นอิสระ อีกฝ่ายกระหืดกระหอบเอาอากาศเข้าปอดให้เต็มที่ “เรื่องคุณสิงหาน่ะ มึงไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงตัว…” “เกิดอะไรขึ้น!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD