4
ได้เวลาเลิกงาน
“คุณสิงห์อยากกลับไปเปลี่ยนชุดก่อนมั้ยครับ” สวมเสื้อสูทให้เจ้านายแล้วราชันย์จึงถามขึ้น เพราะกลิ่นน้ำมันนวดยังคงอยู่
“กลิ่นแรงมากเลยเหรอครับ” ด้านเขาไม่ได้กลิ่น อาจเพราะจมูกมันชินไปแล้ว
ราชันย์โน้มใบหน้าใกล้บริเวณต้นคอหนาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก “แรงใช้ได้ครับ”
“…” ดวงหน้าคมคายเบี่ยงหนี แล้วจึงกระแอมเล็กน้อย “ไปอาบน้ำก่อนก็ได้ครับ”
ราชันย์กระตุกยิ้มรวดเร็ว ก่อนเดินไปเปิดประตูห้องทำงานให้ รอจนเจ้านายเดินนำเขาไปสามก้าวจึงก้าวเท้าตามไป
“คุณสิงห์นัดใครไว้เหรอครับ” ถามพลางดูเส้นทางจราจรในโทรศัพท์ไปด้วย
“คู่หมั้นครับ”
คนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อย เรื่องนี้เขาไม่เคยรับรู้ “แฟนเหรอครับ คบกันนานรึยัง”
“สิงห์ไม่เคยเห็นหน้าเธอด้วยซ้ำ รู้แค่ว่าชื่ออะไร มาจากตระกูลไหน” ตอบไปพลางทิ้งสายตามองข้างทางเรื่อย ๆ
“ผู้ใหญ่จัดการให้สินะครับ”
“คุณพ่อระบุในพินัยกรรมไว้ครับ ถ้าแต่งงานกับเธอ สิงห์จะได้อิสระ”
“การแต่งงานไม่ใช่หมายถึงการถูกผูกมัดหรือไงครับ” อิสระอะไรกัน การมีครอบครัวน่ะ ยิ่งกว่าถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนเสียอีก
“คุณพ่อบอกว่า ถ้ายอมแต่งงานกับเธอ สิงห์จะมีสิทธิ์เต็มที่ในแกงค์ แทนที่ผู้อาวุโสครับ”
“…” ผู้อาวุโสที่ว่าคือผู้ดูแลแกงค์ชั่วคราว แทนนายใหญ่ที่เสียไปเมื่อช่วงปีก่อน “ถ้าได้ปกครองแกงค์อย่างเต็มตัวจริง ๆ คุณจะทำยังไงกับมัน”
“ทลายมันด้วยมือตัวเอง” สิงหาต้องเจ็บปวดเพราะมันมามากพอแล้ว และเขาไม่ต้องการให้คนรักในอนาคตต้องมาเจ็บปวดซ้ำรอยอีก
“…” เรื่องนี้เขาควรบอกภานุดีกว่า ยังไงไม่ช้าไม่นาน สิงหาต้องทำลายแกงค์ตัวเองอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องอยู่เพื่อรอโดนกำจัดเป็นรายต่อไป
“พี่คิงส์มีลูกรึเปล่าครับ”
“ไม่ครับ” และไม่มีทางมีด้วย นอกเสียจากโลกจะมีวิวัฒนาการให้อสุจิผสมกับลำไส้ใหญ่แล้วเกิดเป็นตัวอ่อนได้น่ะ
“แล้วพี่รักภรรยาพี่ขนาดไหนครับ”
“รักมากพอที่จะยอมทำทุกอย่างที่เขาต้องการครับ” ภรรยาเหรอ? หึ! เมียผมเป็นผัวคนอื่นอยู่แน่ะคุณสิงห์
“ถ้ารัก ทำไมถึงเลือกมาทำงานที่มันเสี่ยงแบบนี้ล่ะครับ ไม่กลัวว่าถ้าเป็นอะไรไปแล้วภรรยาจะโดดเดี่ยวเหรอ”
“เขาเข้าใจครับ” ก็มันเองนั่นแหละที่ส่งผมมา
“…” สุดท้ายแล้ว คนทุกคนก็เลือกสนใจแต่ความรู้สึกของตัวเอง และคิดเอาเองว่าคนอื่นเข้าใจในความคิดตน
เหมือนพ่อของสิงหาไม่มีผิด คิดว่าแม่รับได้ที่เขาต้องทำงานเสี่ยงคุกเสี่ยงลูกปืนจึงไม่ยอมเลิก ห่วงเรื่องรายได้มากกว่าความรู้สึกเมียและลูก ทั้งปีครอบครัวเขามีเวลาอยู่ด้วยกันนับรวม ๆ ยังไม่ถึง 7 วันด้วยซ้ำ
ความอดทนของคนเรามีจำกัด ในที่สุดแม่ก็เป็นฝ่ายขอหย่าและหนีไปอยู่ต่างประเทศ ทิ้งให้สิงหาอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลว่า อยู่กับพ่อเขาจะมีอนาคตที่ดีกว่า
อนาคตที่ว่าคือก้าวเดินไปตามเส้นทางดำมืดที่พ่อเป็นคนขีดให้ อยากเปลี่ยนไปเดินเส้นทางที่สว่างกว่านี้ก็ทำไม่ได้ เพราะหากก้าวหนี ร่างเขาอาจต้องพลัดตกไปในหลุมดำ ไม่มีทางตะเกียกตะกายขึ้นมาได้จนวันตาย
“คุณสิงห์ครับ!” ประตูโดยสารด้านหลังถูกเปิดโดยราชันย์พร้อมด้วยเสียงตวาดเรียกเจ้านาย “เหม่ออะไรอยู่ครับ ผมเรียกตั้งนานแน่ะ”
“อ๋อ…” แสร้งนวดขมับแสดงอาการว่าปวดหัว “ปวดหัวนิดหน่อยครับ”
“เลื่อนนัดดีมั้ยครับ” สีหน้าซีดเผือดนั่นไม่สู้ดีนัก
“ไม่ครับ” รีบไปเจอรีบตกลงกันให้จบ ๆ ไปดีกว่า สิงหาจะได้เอาเวลาที่เหลือไปสนใจเรื่องของตัวเองต่อ
สิงหาเดินเข้าคฤหาสน์ไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ แล้วจึงกลับมาขึ้นรถที่มีราชันย์รออยู่ที่เดิม
มาถึงคลับ S ที่มีสิงหาเป็นเจ้าของ ทั้งคู่ก็ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ โดยมีการ์ดเดินนำไปยังห้องวีไอพี และเฝ้าดูแลความปลอดภัยให้ว่าที่นายใหญ่ที่หน้าห้อง
“ให้ผมออกไปมั้ยครับ” ราชันย์กล่าวทั้งรินเหล้าใส่แก้วดีไซน์หรูให้ โดยไม่ลืมวางแก้วน้ำดื่มไว้ข้าง ๆ
“ไม่เป็นไรครับ สิงห์ไม่ได้มีความลับอะไร”
“แต่คุณกับคู่หมั้นควรได้คุยกันส่วนตัว”
“สิงห์บอกให้พี่อยู่!” คนถูกตวาดเบิ่งตาเล็กน้อยแล้วจึงเลี่ยงไปยืนข้างโซฟาเงียบ ๆ “ขอโทษครับ ไฟในนี้มันทำให้สิงห์เวียนหัว”
“ไม่เป็นไรครับ” ราชันย์เข้าใจแล้ว สิงหาเป็นคนง่าย ๆ ที่ไม่ชอบให้ใครดื้อกับเขาซ้ำ ๆ
และราชันย์ก็เป็นประเภทที่เขาไม่ชอบซะด้วยสิ เรื่องเซ้าซี้เป็นที่หนึ่ง ดื้อเป็นที่สอง
“พี่คิงส์ไม่ดื่มเหรอครับ”
“ไม่ครับ นี่เป็นเวลางาน” ได้รับคำตอบอย่างนั้น คนฟังก็กระตุกยิ้ม
“คุยกับเธอเสร็จแล้ว ไปดื่มกันต่อที่บ้านนะครับ”
“ถ้าคุณสิงห์อยากดื่ม ก็ได้ครับ”
“ก็พี่อยากดื่มไม่ใช่เหรอครับ เห็นว่ามีนัด แต่ต้องมายกเลิกเพราะสิงห์”
“นัดนั้นไม่ได้สำคัญอะไรหรอกครับ ไม่ไปก็ไม่มีปัญหา” อันที่จริงราชันย์ยังไม่ทันได้นัดภานุด้วยซ้ำ มันจึงไม่มีปัญหายังไงล่ะ
“ถ้าอยากดื่ม สิงห์อนุญาต” กล่าวอย่างใจดีก่อนหันมาให้ความสนใจกับแก้วเหล้าของตนแทน
ใจดีแบบนี้ไม่ได้นะคุณสิงห์ เป็นอย่างนี้สักวัน…ผมคงใจร้ายกับคุณไม่ลง
“ขอโทษที่สายนะคะ รถติดมากเลย” หญิงสาวผมดัดลอนในชุดแซกสีขาวบริสุทธิ์เปิดประตูพรวดเข้ามานั่งตรงข้ามสิงหา
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็เพิ่งมาถึง” แก้วน้ำเปล่าใบใหม่ถูกยื่นให้เธอ “คุณข้าวแช่มายังไงครับ”
“คนขับรถค่ะ ข้าวเมาได้นะคะ”
สิงหาเลิกคิ้วหัวเราะขบขัน “อย่าดื่มเลยครับ มันไม่ดีต่อสุขภาพ”
ราชันย์เปลี่ยนสายตาไปจับจ้องบรรยากาศภายในคลับจากบานกระจกแทน แต่หูก็คอยฟังบทสนทนาไปด้วย
“เรื่องการหมั้น ผมคิดว่าจะจัดภายในเดือนหน้า คุณข้าวแช่คิดว่ายังไงครับ”
“ถึงจะดูเร็วไปหน่อย แต่ข้าวยินดีค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ก็คงเห็นด้วย แล้วเรื่องงานแต่งล่ะคะ”
มุมปากราชันย์กระตุกหยัน ไวไปมั้ยหล่อน รีบเสนอตัวเพราะกลัวไม่ได้ขึ้นเตียงขนาดนั้นเลยรึไง
“จะจัดหลังจากนั้นอีกสองเดือนครับ”
“คืออย่างนี้ค่ะ ทางบ้านข้าวเขาถือเรื่องฤกษ์ยามมากเลย เรื่องงานหมั้นข้าวไม่ซีเรียส ค่อนข้างซีเรียสเรื่องงานแต่งมากกว่าค่ะ ครั้งเดียวในชีวิตลูกผู้หญิงก็อยากให้มันออกมาเพอร์เฟกหน่อย”
“เข้าใจครับ หน้าที่หาฤกษ์ยามเป็นของบ้านคุณก็แล้วกัน ผมไม่ค่อยถนัด”
“ตามนั้นค่ะ ข้าวรู้สึกประทับใจที่คุณให้ข้าวเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจด้วย ต่อไปชีวิตคู่ของเราคงราบรื่นน่าดูเลยนะคะ”
ผู้เป็นส่วนเกินพ่นลมหายใจก่อนโค้งตัวให้เจ้านายแล้วออกจากห้องไป
ยัยข้าวบูดนี่ทำตัวเป็นนกแก้วนกขุนทอง จ้อไม่หยุด น่ารำคาญโคตร ๆ ดีนะที่คนฟังคือคุณสิงห์ ถ้าเป็นผมจะด่าให้เช็ดจนหน้าเสียเลยล่ะ
ราชันย์พาตัวเองหลีกหนีเสียงหวานแหลมน่ารำคาญเข้ามาในห้องน้ำ หยิบบุหรี่ซองที่เจ้านายซื้อให้ขึ้นมาจุด พ่นควันแล้วพ่นลมหายใจผ่อนคลายลง
อยู่ในนี้สักพัก รอจนแน่ใจว่าคุณข้าวบูดออกไปแล้วค่อยกลับเข้าไปแล้วกัน
เวลาผ่านไปพอสมควร บุหรี่ตัวแล้วตัวเล่าถูกจุดแทบนับก้นกรองไม่ได้ ราชันย์จึงดูเวลาในโทรศัพท์ก่อนทิ้งบุหรี่ตัวสุดท้าย ใช้ปลายเท้าขยี้หยิบมันทิ้งถังขยะแล้วหันไปจัดแจงผมเผ้าหน้ากระจกอีกรอบ
กลับเข้ามาในห้องก็พบเพียงสิงหา ไม่มีเสียงนกเสียงกาให้หงุดหงิดใจอีกต่อไป ลมหายใจโล่งอกถูกพ่นแล้วเดินมายืนในตำแหน่งเดิม
“ไปไหนมาครับ” เสียงทุ้มกดต่ำเอ่ยทั้งทิ้งสายตามองแก้วเหล้า
“สูบบุหรี่ครับ คุณข้าว…แช่เขากลับไปนานรึยังครับ”
“พอพี่ออกไป สิงห์ก็ให้เขากลับ”
“งั้นเหรอครับ” ราชันย์กระหยิ่ม รู้งี้น่าจะออกไปตั้งนานแล้ว ทนอึดอัดอยู่ได้นะไอ้คิงส์
“พี่คิงส์จะดื้อกับสิงห์ไปถึงเมื่อไหร่ครับ”
“ครับ?” เขาไปดื้อใส่เจ้านายตอนไหนอีก
“สิงห์บอกแล้วใช่มั้ยว่าให้พี่อยู่” สิงหากระดกเหล้าในแก้วจนหมดแล้วผุดลุกขึ้นช้า ๆ “ทำไมถึงดื้อล่ะครับ สิงห์เป็นเจ้านายพี่ ทำไมถึงไม่เคารพกันบ้าง”
“เอ่อ…ผมแค่อยากสูบบุหรี่เท่านั้น เห็นว่าคุณติดธุระคุยกันอยู่เลยไม่ได้บอก ขอโทษจริง ๆ ครับ” ราชันย์ก้มหน้างุด
สิงหาเดินมาหยุดตรงหน้าลูกน้อง แล้วเหวี่ยงแก้วในมือลงพื้นอย่างแรง
เพล้ง!
“พี่…” ลมหายใจกระชั้นแสดงถึงโทสะ
“ไม่ใช่ว่าผมไม่เคารพคุณนะครับ”
“พี่คิงส์…เชื่อฟังสิงห์สักคนไม่ได้เหรอครับ” น้ำเสียงอ่อนลงทำให้ราชันย์ต้องเงยหน้าขึ้น คนตรงหน้ากำลังหายใจหนักหน่วง ยันมือกับผนังห้องกักกันเขาไปด้วย “สิงห์คือว่าที่ผู้นำแกงค์ แบล็คไลออน สิงห์…อยากให้มีสักคนที่ฟังคำสั่ง”
“คุณ…” ฝ่ามือหนาประกบใบหน้าแดงโร่ของเจ้านายแล้วลูบเบา ๆ “เมามากแล้วนะครับ กลับเถอะ”
“รับปากมาสิครับ ว่าพี่คิงส์จะไม่ดื้อกับสิงห์อีก แค่พี่คิงส์เท่านั้นที่อยากให้เชื่อฟัง”
“ทำไมล่ะครับ” ลูกน้องคนอื่นไม่เชื่อฟังเขาหรือยังไง แต่ดูแล้วก็นอบน้อมต่อสิงหากันดี ไม่มีทีท่ากระด้างกระเดื่องให้เห็น
“ทุกคนเอาแต่ไปประจบประแจงผู้อาวุโสกันหมด สิงห์…เป็นแค่หมาหัวเน่า ไม่มีลูกน้องคนไหนเคารพด้วยใจจริงเลยสักคน” ดวงตาคมน้ำตาคลอหน่วย เอียงใบหน้าถูไถกับฝ่ามือสากของราชันย์เบา ๆ “สิงห์มีพี่เป็นคนสนิทแค่คนเดียว สิงห์…อยากให้พี่ตามใจ อยากให้พี่รักสิงห์”
“เด็กน้อยเอ๊ย พอเมาก็พูดหมดเลยแฮะ”
“พี่คิงส์สัญญาได้มั้ยครับ ถ้าพี่อยากได้เงินเดือนหลักแสนสิงห์ก็จะให้ สิงห์ขอแค่นี้” สิงหาน้ำตาริน เอียงหน้าจุมพิตฝ่ามือที่ประกบแก้มไว้แผ่วเบา
บ้าเอ๊ย! ทำแบบนี้ใจคนโดนมันจะเต้นแรงนะเว้ย!
“สัญญาครับ ผมจะไม่ดื้อกับคุณสิงห์อีก จะทำตามทุกอย่าง” ดวงตาบอบช้ำช้อนมองคนตรงหน้าแล้วเคลื่อนเข้าใกล้ ราชันย์สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว “กลับบ้านเถอะครับ”
“ไม่ สิงห์ไม่กลับ” บอกไม่ให้คนอื่นดื้อ แต่ตัวเองกำลังดื้ออยู่ไม่ใช่รึไง
“คุณเมามากแล้วนะครับ กลับเถอะนะ”
มือหนาผละจากการยันกำแพงคว้าคางมนเรียวของราชันย์ไว้ทันที จ้องนัยน์ตาสะท้อนแสงไฟหลากสีแล้วยิ้มกระหยิ่ม “สิงห์ไม่เมาซะหน่อย ยังเห็นหน้าสวย ๆ ของพี่อยู่เลย”
เมาแล้วจู่โจมเก่งฉิบคุณสิงห์ ตัวก็ใหญ่ แรงก็เยอะ โถ่เว้ย!