1
“แน่ใจเหรอว่ามันจะเวิร์ค” ชายนัยน์ตาคมสีน้ำตาลอ่อนจ้องคนตรงหน้ารอคำตอบ คิ้วเรียวดกย่นขมวดเข้าหากันอัตโนมัติ ริมฝีปากขบเม้มบ่งบอกอาการหนักใจ
“ไม่รู้ แต่ก็ต้องลอง”
“หึ! พูดง่ายจัง นายไม่ใช่ฉันนี่” นิ้วเรียวคีบบุหรี่ยกจรดกลีบปาก พ่นควันสีเทาอ่อนพวยพุ่งพลันถอนหายใจ
“ทำเพื่อผมสักครั้งไม่ได้เหรอครับ” คางบุ๋มเชยไหล่กว้าง ยกมือขึ้นจูบแผ่วเบา
“ฉันก็ทำเพื่อนายมาตลอดไม่ใช่รึไง” เขายิ้มหยัน “แต่นายคงไม่เคยจำมัน”
“พี่คิดมากอีกแล้ว”
“ส่วนนายไม่คิดอะไรเลย”
คฤหาสน์ ฤ ฤทธิไกร
เจ้าของผมย้อมสีแดงครึ่งหัวปัดเสยปอยผมให้เข้าที่ จัดระเบียบชุดกึ่งทางการเล็กน้อย รีดซองเอกสารในมือเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเอื้อมมือไปกดกริ่ง
“คะ?” หญิงแม่บ้านวัยกลางคนเดินมาเกาะรั้วสอดสายตามองแขกไม่คุ้นหน้าขึ้นลง “มีธุระอะไรคะ?”
“ผมมาสมัครงานครับ รู้มา…”
“ที่นี่ไม่รับคนเพิ่มค่ะ”
ได้ยินคำตอบอย่างนั้น เขาจึงพ่นลมหายใจออกมาไม่ปิดบัง เป็นพวกตัดสินคนจากภายนอกสินะป้า
“แต่ผมเห็นประกาศในเว็บจัดหางานนะครับ อัปเดตล่าสุดเมื่อวานด้วย”
หล่อนถอนหายใจอย่างรำคาญเช่นกัน ตวัดสายตาขึ้นลงตั้งแต่หัวจรดเท้า “จะมาให้เสียเวลาทำไมกัน”
“ผมไม่คิดว่าเรื่องปากท้องเป็นเรื่องเสียเวลาครับ” ริมฝีปากสีคล้ำคลี่ยิ้มเกร็ง มุมปากที่ยกเหยียดกระตุก คันยุบยิบอยากสวดคนตรงหน้าเหลือเกิน
“หมายถึงเสียเวลานายใหญ่ต่างหากล่ะ” สภาพเหมือนนักเลงข้างถนนขนาดนี้ยังกล้าจะมาสมัครงานในบ้านคนรวย ไม่เจียมตัวจริง ๆ เด็กสมัยนี้
“ป้าไม่ใช่นายใหญ่ กรุณาอย่าคิดแทนคนจ่ายเงินเดือนนะครับ”
“หมายความว่าฉันเสือ…”
“รบกวนแจ้งคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ให้ผมหน่อยนะครับ ขอบคุณ”
ราชันย์ยืนกุมมือรออยู่ ณ จุดเดิมท่าทีอ่อนน้อม ไม่นานป้าแม่บ้านก็มาเรียกเขาเข้าไป
ภายในบ้านตระกูลใหญ่ทุกอย่างดูโอ่อ่า แต่เฟอร์นิเจอร์เหล่านั้นกลับไม่เข้ากันเท่าไหร่
นาฬิกาโบราณตั้งอยู่ใกล้กับทีวีจอแบนขนาดเท่าจอหนังกลางแปลง
โซนต้อนรับแขกเป็นเก้าอี้ไม้บุหนังลายดอกไม้ แต่โต๊ะกลับเป็นลายมินิมอล
แล้วนั่นอะไรอีก ราวบันไดลายสิงโตตัวยืดยาวน่าขนลุก ไร้ซึ่งความน่าเกรงขามโดยสิ้นเชิง
“เชิญตามมา” แม่บ้านก้าวขึ้นบันไดพื้นไม้ขัดเงา ปูพื้นด้วยพรมลายกราฟิกที่โคตรไม่เข้ากัน
“ครับ” ราชันย์ก้าวตามเธอพลางมองไปรอบ ๆ
บ้านนี้ตกแต่งได้ห่วยแตกสุด ๆ
พวกมีเงินก็ใช่ว่าจะมีรสนิยมกันทุกคน
“ห้องนี้” เธอบอกแค่นั้นแล้วผละจากไป
“อ่า…ครับ” แค่จะถามว่าผู้ที่อยู่ในห้องคือใคร หล่อนก็เดินหุนหันไปเสียแล้ว “คนเหมือนกันก็ไม่น่ามาดูถูกกันนะป้า”
ราชันย์แค่นหัวเราะก่อนเคาะประตูไม้สลักลายพอเป็นพิธีแล้วจึงเดินเข้าไป
ชายผู้หนึ่งนั่งมองมาทางเขาอยู่ที่โต๊ะทำงาน ระบายยิ้มบนใบหน้าสันกรามชัดอย่างคนไทยแท้ ดวงตาคมดุดัน คิ้วหนาเรียงตัวสวย จมูกโด่งเต็มไปด้วยสันกระดูก แน่ใจว่าไม่ผ่านมีดหมออย่างแน่นอน
พูดได้คำเดียวว่าหล่อเลย
“เชิญครับ”
ราชันย์ก้าวเข้าไปนั่งยังเก้าอี้ตรงข้ามรวดเร็ว “ประวัติส่วน…”
“ผมอ่านเรียบร้อยแล้วครับ”
ก็ดี จะได้ไม่ต้องเหนื่อยรอเขาดูประวัติอีกรอบ
“ผมเคยทำงานกับบริษัทนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์” บริษัทที่กล่าวอ้างคือบริษัทของคนสนิทเขานั่นเอง
“ทราบครับ”
ไม่คิดจะให้คนสมัครงานสาธยายเกี่ยวกับตัวเองเลยเหรอ
“ผมสามารถทำงานได้ทุกอย่าง ตั้งแต่งานบ้าน งานสวน หรือขับรถก็ได้นะครับ”
“ทำได้ทุกอย่างสินะครับ” ราชันย์พยักหน้ารัว “ใช้ปืนเป็นมั้ยครับ?”
“ครับ เคยทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้เจ้านายคนเก่ามาก่อนครับ”
“แล้วทำไมถึงลาออกล่ะครับ”
“เจ้านายตายครับ” อันนี้คือการโกหกน่ะ
“เอ่อ…”
“เขาเป็นมะเร็งตายครับ ไม่ใช่เพราะฝีมือผมบกพร่องหรอกนะ”
“อ่า…ครับ” เขาเหลือบดูประวัติส่วนตัวของราชันย์ในหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้งก่อนหันมาทางคนตรงหน้า “อายุยี่สิบแปดปีบริบูรณ์สินะครับ”
“ครับ แต่ร่างกายผมยังแข็งแรง กระดูกข้อเข่ายังไม่ลั่นนะ”
“ดีครับ เริ่มงานพรุ่งนี้ได้เลยครับ พี่คิงส์”
“เอ่อ…คือชื่อเล่นผมน่ะ ไม่ค่อยมีคนเรียกกันหรอกครับ แล้วผมก็เป็นลูกน้องคุณด้วย” ปลายนิ้วเกาหางหิ้วประดักประเดิด
“ทราบครับ แต่สิงห์อายุน้อยกว่า เรียกคุณว่าพี่น่ะดีแล้วครับ” สิงหายื่นกุญแจห้องพักให้ก่อนลุกขึ้น “สิงห์จะพาพี่ไปดูห้องพัก”
“ไม่เป็นไรครับ แค่บอกตำแหน่งมาก็พอ เดี๋ยวผมไปเอง”
“เดี๋ยวพี่ไปเดินงง ๆ ให้ป้าช้อยเห็นแล้วแกจะหงุดหงิดเอานะครับ พี่ก็น่าจะรู้ว่ากิริยาที่แกแสดงออกต่อพี่เป็นยังไง”
“ขอโทษนะครับ ผมคิดว่าควรบอกบางสิ่งก่อนที่เราจะร่วมงานกันจริง ๆ”
“เดินไปคุยไปแล้วกันนะครับ” ราชันย์ลุกขึ้นเดินตามเจ้านายใหม่ ปากก็พร่ำเรื่องนิสัยส่วนตัวไปเรื่อย ๆ
“ผมติดบุหรี่มากเลยครับ”
“ครับ สิงห์รับได้”
“ติดเหล้าด้วย”
“ถ้าไม่ทำให้งานเสียก็ไม่มีปัญหาครับ”
“พูดมากด้วย”
“ทราบครับ” ทำไมสิงหาจะไม่รู้ จะมีสักกี่คนที่กล้าจ้อกับเขาไม่หยุดขนาดนี้ แม้แต่แม่บ้านคนสวนที่ทำงานที่นี่มานานยังไม่กล้าคุยกับเขานานเกินสิบนาทีเลย
“แล้วก็…”
“ส่วนที่เหลือไว้ค่อยเรียนรู้กันไปก็ได้ครับ เรายังต้องร่วมงานกันอีกนาน” สิงหาเดินอ้อมคฤหาสน์มาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังเล็กท้ายสุดกำแพง “นี่ห้องพักของพี่คิงส์ครับ”
“ครับ” ภายในใจมีคำพูดมากมายอยากถาม แต่กลัวเจ้านายจะรำคาญแล้วแผนที่อุตส่าห์วางไว้จะพังหมด
เกิดแผนพังทั้งเขาและคนสำคัญคงโดนจับโยนเป็นอาหารฉลามแถวมหาสมุทรแปซิฟิกแน่นอน
“พรุ่งนี้เจอกันที่ห้องทำงานเมื่อครู่นะครับ เวลาเก้าโมง”
“ครับ” สิงหาคลี่ยิ้มบางแล้วเดินกลับไป
ราชันย์มองร่างสูงสันทัดของอีกฝ่ายจนลับสายตาแล้วจึงเดินเข้าบ้านพักของตน ไขประตูเหวี่ยงซองเอกสารตามด้วยร่างลงบนเตียง
ขอหลับสักงีบจากนั้นค่อยกลับไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่บ้าน ‘ภานุ’ แล้วกัน
บ้าน ราชนุสรณ์
ภายในห้องนอนของว่าที่ผู้นำตระกูลคนต่อไป มีสองร่างกำลังกอดก่ายกันอยู่ที่มุมประตูกระจกตรงระเบียง
“ผมไม่อยากให้พี่ไปอยู่บ้านเดียวกับเขาเลย” คนในอ้อมแขนกล่าวกระเง้ากระงอด "นี่มันไม่ได้อยู่ในแผน"
“ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันซะหน่อย ฉันอยู่หลังเล็ก ส่วนเขาอยู่บ้านหลังใหญ่” เขาอธิบายพลางพ่นควันออกจากปากสีคล้ำ
“มันต่างกันตรงไหน ยังไงก็อยู่ใกล้ชิดกันอยู่ดี เป็นแบบนี้พี่ก็มาหาผมบ่อย ๆ ไม่ได้น่ะสิ”
“ฉันทำเพื่อนายอยู่นะภานุ” ราชันย์จี้ก้นบุหรี่กับที่เขี่ยแล้วรวบเอวอีกฝ่ายประชิดตัว “ถ้าหิวมาก ค่อยนัดกันก็ได้”
“ผมต้องยอมรับใช่มั้ย” ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อต้องการให้คู่ขาเขาทำอย่างนี้ ภานุไม่มีทางยอมง่าย ๆ แน่
“เชื่อใจฉันเถอะ ฉันจะไม่หักหลังนาย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม”
“ถึงอยากทำพี่ก็ทำไม่ได้หรอก บ้านผมมีบุญคุณกับพี่ขนาดไหนพี่ก็รู้”
“ฉันรู้” ถึงได้พยายามตอบแทนอยู่นี่ไง แต่ข้าวแดงแกงร้อนของบ้านราชนุสรณ์นั้นมีราคาแพงเหลือเกิน ตอบแทนมายี่สิบกว่าปียังไม่มีทีท่าว่าจะหมด
“อีกรอบได้มั้ย”
“เมียนายจะมารึยัง” ใบหน้าหล่อร้ายของราชันย์ขยับยกยิ้ม
“เธอบอกว่าคืนนี้คงกลับดึก” ภาณุฉีกยิ้ม ดึงแขนแกร่งพาไปยังเตียงนอนที่ยังอุ่นจากการปะทะกันเมื่อสักครู่
“ถ้าอย่างนั้น” ดวงตาเรียวร้ายกาจหรี่ลงเล็กน้อย ฝ่ามือคว้าหลังคอภาณุแล้วโน้มหน้ากระซิบ “ฉันจะป้อนให้นายอิ่มไปอีกเจ็ดวันเลยล่ะ”
“พี่คิงส์ไปเอาของส่วนตัวนานจังเลยนะครับ” สิงหาเอ่ยทักเมื่อเจ้าของบ้านพักลากกระเป๋ามาถึง
“คุณสิงห์…?” ราชันย์หรี่ตาลงเล็กน้อย มองเงาดำในความมืดหน้าห้องพักของตนก่อนเดินเข้าไปหา “มารอผมนานรึยังครับ”
“ตั้งแต่สามทุ่มครับ”
“ขอโทษครับ พอดีว่าของ ๆ ผมมันเยอะมาก เลยใช้เวลาพอสมควร”
“เยอะที่ว่า” ดวงตาคมเหล่ดูกระเป๋าเดินทางขนาดกลางที่ราชันย์ลากมาพลันยิ้มบาง “ใส่กระเป๋าใบแค่นั้นพอเหรอครับ”
“เอ่อ…”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่” สิงหาผุดลุกก้าวมากระซิบข้างคนตัวสูง “ขออย่างเดียว…อย่าทำให้เสียงาน”
ราชันย์คว้าท่อนแขนเจ้านายคนใหม่ไว้ ก่อนเอ่ยคำโกหกอีกครั้ง “ผมแค่บอกลาคนรักนานไปหน่อย เราอยู่ด้วยกันตลอดก็เลยต้องใช้เวลา คุณสิงห์เข้าใจใช่มั้ยครับ”
“ถ้าไม่อยากห่างกันขนาดนั้น พี่ลาออกซะตั้งแต่ตอนนี้เลยก็ได้ครับ”
“ไม่ออกครับ” กระเป๋าเดินทางถูกปล่อยแล้วหันมารวบมือหนาด้วยมือทั้งสองข้างแทน “ขอร้องนะครับ ผมจะแยกแยะให้มากกว่านี้ จะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนจนเบียดเวลางานอีก ให้โอกาสผมหน่อยนะคุณสิงห์”
“สิงห์...ดูเป็นคนใจร้ายรึเปล่า”
“ไม่ครับ”
“ตามนั้น พี่คิงส์พักผ่อนนะครับ พรุ่งนี้สิงห์มีนัดกับลูกค้าตอนสิบโมง จัดการธุระส่วนตัวให้ทันนะครับ”
“ครับ” ราชันย์ยิ้มกว้าง ปล่อยมือจากเจ้านายแล้วยืนตรงทำท่าตะเบ๊ะ “ฝันดีนะครับเจ้านาย!”
“เช่นกันนะครับ พี่คิงส์” รอยยิ้มบางอย่างที่ชอบทำปรากฏอีกครั้ง ก่อนดึงมือตนออกหยิบของที่ตั้งใจเอามาให้ลูกน้องคนใหม่ออกจากกระเป๋ากางเกง “สิงห์ไม่รู้ว่าพี่ชอบบุหรี่ยี่ห้อไหน ก็เลยเอาของนำเข้ามาให้ลองก่อน”
ราชันย์มองซองบุหรี่กลิ่นผลไม้ในมือนายใหญ่แล้วหยิบมา ฉีกยิ้มกว้างกล่าววาจา “ตัวนี้ผมเคยลอง ชอบมากเลยล่ะครับ แต่ราคาก็แพงเอาเรื่อง”
“ถ้าอย่างนั้น สิงห์จะสั่งมาให้พี่เพิ่มแล้วกันนะครับ”
“ไม่ต้องหรอกครับ” สิงหาเลิกคิ้ว “อย่างที่บอกครับ มันแพง”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ของแค่นี้เอง ยังไงสิงห์ก็ต้องใช้งานพี่จนคุ้มอยู่แล้ว”
“งั้นก็…โอเคครับ”
“อย่าสูบเยอะนะครับ มันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ” สิงหายิ้มน้อย ๆ แล้วหันหลังกลับ
“เดี๋ยวครับคุณสิงห์” อีกฝ่ายหันหน้ามา ยกคิ้วหนาขึ้นฉงน “อย่าใช้งานผมหนักนะครับ ผมแก่แล้ว” ราชันย์กล่าวอย่างหยอกเย้า แต่เจ้านายกลับมีสีหน้าจริงจัง
“พี่คิงส์ไม่แก่สักนิดเลย แถมยังหล่อมากด้วย”
นายใหญ่ของบ้านกลับเข้าคฤหาสถ์ตนไปแล้ว มีเพียงราชันย์ที่ยังนั่งสูบบุหรี่อยู่หน้าบ้านพัก ทอดสายตาดูควันลอยล่องพลางถอนหายใจ
เบื้องหลังควันสีขาวหม่นคือหน้าต่างห้องนอนสิงหา ชายหนุ่มกำลังมองเจ้าของเรือนผมสีแดงผ่านกระจกเช่นกัน
ทั้งสองต่างก็ไม่รู้ว่า ในตอนนี้นัยน์ตาปรากฏภาพของอีกฝ่ายเนิ่นนานจนผิดปกติไปเสียแล้ว