3
“จุก!” พูดได้แค่นั้น เพราะเนื้อตัวเขาเจ็บร้าวไปทุกส่วน
ราชันย์ตาเหลือกถลนรีบดึงตัวเจ้านายให้ย้ายมานั่งข้างหน้า “ขอโทษครับ ๆ ” พร่ำคำขอโทษหลายครั้งหลายหนแต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่โบกมือและส่ายหัว
“…” พูดไม่ออก
“เดี๋ยวพอไปส่งคุณสิงห์ถึงบริษัทแล้ว ผมจะกลับไปเก็บของที่บ้านพักนะครับ” เจ้าของใบหน้าเศร้าสร้อยกล่าวอย่างรู้สึกผิดแล้วขับรถไปถึงชั้นจอดรถของบริษัทนำเข้า-ส่งออกอัญมณีของสิงหา
ตรวจร่างกายเจ้านายว่าไม่มีบาดแผลฉกรรจ์แล้วจึงปลดเข็มขัดทำท่าจะออกจากรถ
“พี่…” ท่อนแขนแข็งแรงถูกดึงไว้ทันที “อย่าลาออก”
“แต่ผมทำคุณเจ็บตัว”
“สิงห์ไม่เจ็บ” ว่าพลางใช้แขนอีกข้างทุบต้นแขนตนสองสามครั้ง “แค่จุกนิดหน่อย”
“ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมบกพร่องในการดูแลเจ้านายอย่างคุณ ขอโทษด้วยครับ”
“สิงห์…ชอบกินขนมไทย”
“ทันทีเลยครับ” เรื่องลาออกไว้ค่อยคิดหลังจากที่สิงหาได้กินของที่ต้องการก็แล้วกัน
เพราะอยากไถ่โทษ ราชันย์จึงรีบวิ่งไปร้านสะดวกซื้อที่เขาเพิ่งเห็นป้ายผ่านตาในตอนที่เลี้ยวรถเข้าสำนักงานเมื่อครู่นี้
มือกวาดขนมไทยหลายชนิดใส่ตะกร้าโดยไม่สนใจแววตาผิดหวังของคนที่กำลังต่อคิวหยิบขนมจากเขาเลยแม้แต่น้อย
เครื่องดื่มที่มีรสหวานก็เช่นกัน เขาหยิบมาชนิดที่ว่า ถ้าสิงหาดื่มมันหมดรวดเดียวในวันนี้ อีกเจ็ดวันเตรียมเข้าห้องผ่าตัดหั่นขาตัวเองได้เลย เบาหวานแดก!
ไม่ลืมจะพาตัวเองเลี้ยวไปโซนยาสามัญประจำบ้าน หยิบยาพารา น้ำมันนวด พลาสเตอร์ปิดแก้ปวด และแคปซูลใบบัวบกแก้ช้ำในไปด้วย
พนักงานมองของในตะกร้าแล้วช้อนตามองคนตรงหน้า ยิ้มเจื่อน ๆ ส่งไปให้ชายหนุ่มคล้ายตั้งคำถามว่า แน่ใจใช่มั้ยว่าซื้อหมดนี่
“ขอด่วน ๆ เลยครับ ผมรีบ” เธอพยักหน้ารัว รีบหยิบสินค้าแล้วคิดเงินให้ แต่ถึงรีบอย่างไรก็กินเวลาไปเกือบ 10 นาที
สินค้าในถุงใหญ่หลายถุงถูกหิ้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินกลับมาหาคนในรถ
สิงหามองถุงใบใหญ่ที่มีของอยู่เต็มแน่น แล้วมองราชันย์ตาปริบ ๆ “พี่เหมาร้านสะดวกซื้อมาเหรอครับ”
“ก็…คุณไม่ได้ระบุว่าเป็นขนมแบบไหนนี่ครับ” บอกพลันเข้ามานั่งตำแหน่งเดิม คุ้ยหายาที่ต้องการในถุงใบเล็ก
“แล้วน้ำพวกนี้ล่ะครับ” สิงหาจำได้นะ เขาไม่ได้บอกซะหน่อยว่าต้องการมัน
“เผื่อคุณคอแห้ง” ราชันย์หยิบยาพาราและแคปซูลใบบัวบกยื่นให้คนที่กำลังจะเป็นอดีตเจ้านายก่อนหยิบน้ำดื่มมาเปิดให้ “ถอดเสื้อให้ผมดูหน่อยครับ”
“ห้ะ?” ตะปรบยาเข้าปากทั้งที่ยังมีสีหน้างงงวย
“ถอดเสื้อครับ ผมจะดูรอยช้ำให้”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ครับ” ครั้นพอตั้งสติได้ สิงหาก็รีบยกมือห้ามทันควัน “พี่คิงส์ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลอะไรเลยครับ”
“แต่ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ผมก็จะลาออกไปทั้ง ๆ ที่ยังมีความรู้สึกติดค้างอยู่นะครับ”
“ก็บอกแล้วไง สิงห์ไม่ให้พี่ลาออก!” ชายหนุ่มประกาศกร้าวใบหน้าขึ้นสี “ชัดนะครับ เข้าออฟฟิศกันเถอะ”
ราชันย์ยังคงอึ้งกับปฏิกิริยาดุดันของอีกฝ่ายไม่หาย เรื่องที่ควรโกรธดันเฉยชา แต่กลับมาเดือดดาลตอนที่เขายืนยันจะลาออกเนี่ยนะ
แม่ง! เป็นคนย้อนแย้งในตัวเองสุดขีด
ขนมและเครื่องดื่มที่ราชันย์อุตส่าห์ทุ่มเทเงินทองและแรงกายซื้อมา ถูกสิงหานำไปแจกจ่ายให้เหล่าพนักงานชายหญิงเสียแล้ว
“ใจร้ายมากเลยนะครับ” ชายวัยใกล้เลขสามพึมพำเบา ๆ จ้องมือที่กำลังหยิบขนมแจกจ่ายด้วยสายตาละห้อย
ไม่อยากกินก็บอกดี ๆ สิบักคุณสิงห์ เอามายื่นให้คนที่เราไม่รู้จักต่อนี่แม่ง! …โคตรใจดำ
“สิงห์จะเก็บไว้อย่างละสองชิ้นแล้วกันนะครับ” ใจจริงอยากเก็บไว้แค่อย่างละชิ้น แต่เห็นหน้ายู่หูตกแบบนั้นก็อดสงสารไม่ได้
“…” ราชันย์ก้มหน้าสงบเสงี่ยม โดยไม่รู้ว่า ตอนนี้ตัวเขากำลังถูกทุกสายตาของพนักงานจับจ้องอยู่
“ไปกันเถอะครับ” เขาไม่คิดแนะนำตัวลูกน้องคนใหม่ให้คนอื่น ๆ รู้จัก อย่างไรเสีย ไม่นานราชันย์ก็ต้องเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว ชายคนนี้มีมนุษยสัมพันธ์ดีกว่าเขามากโข
“กินของที่ผมซื้อให้ด้วยสิครับ” ไม่ทันจะถอดชุดสูท สิงหาก็โดนคนที่เดินตามหลังกดดันซะแล้ว “อย่างน้อยก็กินสักนิดเพื่อให้ผมรู้สึกผิดน้อยลงหน่อยก็ได้”
“ครับ” พลันเสื้อสูทก็ถูกผู้ดูแลถอดแล้วนำไปแขวนกับราวตั้งให้ ก่อนกลับมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอีกครั้ง “เดี๋ยว!”
มือหนาคว้าหมับ ออกแรงดึงให้ละจากการกระทำเช่นนี้ “ไม่ต้องอายหรอกครับ เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน”
“สิงห์…” ราชันย์เห็นอาการตัวสั่นของเจ้านายก็พ่นลมหายใจแล้วพูดต่อ
“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมไม่ทำอะไรคุณสิงห์แน่ ๆ ถึงจะถนัดในเรื่องชั่ว ๆ แต่ผมไม่คุกคามทางเพศคนที่ไม่เล่นด้วยแน่นอน”
“มันน่าเกลียด”
“หมายถึงการกระทำของผมน่ะเหรอครับ” ยอมรามือจากการปลดเปลื้องเสื้อของเจ้านาย แต่ครั้นจะดึงมือกลับ สิงหาดันไม่ยอมปล่อย
“แผล…” แววตาคมหลุบต่ำ
“ผมรับได้ครับ” ราชันย์ขืนมือปลดกระดุมเสื้อสิงหาอีกครั้ง คราวนี้แม้อีกฝ่ายจะมีสีหน้าแย่ยังไง เขาก็ไม่ยอมหยุด กระทั่งผืนผ้าออกพ้นตัว
ดวงตาเรียวหรี่ไล่มองรอยแผลเป็นนูนของสิงหาด้วยคำถามในหัวหลากหลาย คงโดนอะไรต่อมิอะไรมาไม่น้อย ทั้งมีด ทั้งปืน
“บอกแล้วใช่มั้ยครับ มันน่าเกลียด” สิงหาเข้าใจเอาเองว่า ราชันย์รังเกียจ เพราะอากัปกริยาที่เงียบเกินไปของอีกฝ่าย
“เพราะแบบนี้รึเปล่า คุณถึงอยากถอนตัวจากการเป็นมาเฟีย”
“…” สิงหาไม่คิดถามว่าราชันย์รู้ได้ยังไง เพียงพยักหน้าเล็กน้อย เพราะแผลเป็นแบบนี้ ทำให้เขาไม่กล้าพอจะเปิดเผยให้คนอื่นได้เห็น
“ต่อไปนี้ คุณจะมีแผลเป็นติดตัวไปตลอดชีวิต” ราชันย์จับไหล่แกร่งไว้มั่น ยื่นหน้าประชิดอีกฝ่าย เอ่ยถ้อยคำดั่งสัญญา “ผมจะไม่ยอมให้คุณมีบาดแผลใหม่แน่นอน”
“…” จู่ ๆ ผู้ฟังก็หลุดขำกับท่าทีจริงจังนั้น
“เฮ้!ผมกำลังพูดคำเท่ ๆ อยู่นะ”
น่าน้อยใจมั้ยล่ะ ไอ้บ้าคุณสิงห์ แทนที่จะตอบรับด้วยความจริงจังกลับมาหัวเราะใส่กันซะได้
“พี่เพิ่งทำสิงห์เจ็บตัวไปนะ ลืมแล้วเหรอ”
“อันนั้นไม่นับครับ ผมหมายถึงหลังจากนี้ต่างหาก” ในเมื่อเจ้านายยอมถอดเสื้อแล้ว ราชันย์จึงพาเขาไปนั่งบนเก้าอี้ทำงาน “เดี๋ยวนวดให้นะครับ”
“พี่นวดเป็นด้วยเหรอ” ดูจากท่าทางแข็งแรงของอีกฝ่ายแล้ว สิงหาควรโทรหาหมอกระดูกไว้เลยดีรึเปล่า
“บอกแล้วไงครับ ผมทำได้ทุกอย่าง” โน้มใบหน้าย้ำเตือนแก่คนเบื้องหน้า หันมาบีบน้ำมันนวดใส่ฝ่ามือแล้วลงมือนวดตามต้นคอ แผ่นหลัง และกล้ามแขน
มีเสียงครางหลุดเมื่อจับโดนเส้นที่ขมวดปมเป็นครั้งคราว ทำเอาคนนวดให้ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ เสียงของสิงหาน่าฟังอยู่แล้วแม้ในยามกล่าววาจาปกติ
“เอ่อ…คืนนี้ ผมขออนุญาตออกไปเที่ยวได้รึเปล่าครับ” ไม่ไหว ๆ ถ้าไม่ได้ปลดปล่อยต้องแย่แน่ ๆ
“อันที่จริงคืนนี้สิงห์มีนัดที่คลับ กะจะชวนพี่คิงส์ไปด้วยกันหน่อย ถ้าพี่ไม่ว่างก็ไม่เป็นไรครับ”
“ไปครับ” มีคนเลี้ยงก็อย่าชักช้า ไปเลยไม่ต้องคิดเยอะ
“ถือซะว่าเป็นการทำโอทีแล้วกันนะครับ” สิงหายิ้มบาง ขยับตัวให้ราชันย์นวดได้สะดวกขึ้น เลิกคิดละอายต่อรอยแผลเป็นไปแล้ว
ร่างสันทัดมองตามรอยแผลทั้งตัวของเจ้านายก็ได้แต่คิดตาม แสดงว่าข้อมูลที่ภานุบอกก็เป็นเรื่องจริง สิงหาเริ่มหันไปจับกิจการอื่น ๆ แทนเรื่องผิดกฎหมายตั้งแต่ผู้เป็นพ่อเสียไป
ดังนั้น เพื่อกระตุ้นให้กิจการผิดกฎหมายของบ้านราชนุสุรณ์รุ่งโรจน์แทนที่อย่างรวดเร็วจึงจำเป็นต้องมีตัวกระตุ้นอย่างราชันย์
ขอโทษนะคุณสิงห์ คุณเป็นคนดี ผมต่างหากที่เลว
“พอแล้วก็ได้ครับ สิงห์ดีขึ้นแล้ว” กล่าวก่อนยื่นมือรอรับเสื้อจากเลขา ราชันย์พยักหน้ารับแล้วหยิบมาสวมให้ ติดกระดุมให้เรียบร้อยกำลังจะเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง สิงหาก็ออกคำสั่ง “ลากเก้าอี้มานั่งข้างสิงห์สิครับ จะสอนงานให้”
“ครับ ๆ ” บ้าเอ๊ย! กะจะเนียนขอไปเข้าห้องน้ำซะหน่อย ถ้านั่งใกล้ ๆ กันแบบนี้ โดนล้อตายชัก
“พี่ไม่อยากเรียนรู้งานเหรอครับ” เขาฉงนเมื่อเห็นว่าราชันย์เอาแต่ยืนนิ่งหันหลังให้
“สักครู่นะครับ”
“…?” ชายวัยยี่สิบห้า ผู้ไม่เคยแตะต้องเรื่องอย่างว่าฉงนเล็กน้อย มองอีกฝ่ายจัดกางเกงทำงานขมักเขม้นอย่างไม่เข้าใจ
ผ่านไปเกือบ 10 นาที ราชันย์จึงดึงเก้าอี้มานั่งข้างแล้วพยักหน้าให้เจ้านายสอนงานต่อได้
“กิจการที่สิงห์เป็นเจ้าของจะมีด้วยกันหลัก ๆ คือสามตัวนะครับ หนึ่งคือบริษัทนำเข้าอัญมณีที่นี่ สองคือไนท์คลับที่เราจะไปกันคืนนี้ ส่วนสามคือกิจการค้าอาวุธที่มีโกดังอยู่แถบชานเมือง”
ราชันย์แค่แสร้งพยักหน้าเออออไปอย่างนั้น เรื่องพวกนี้เขาได้รับรู้มาหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องฟังอีกก็ได้
“สิงห์จะเน้นที่กิจการสองตัวแรกมากกว่า เพราะอย่างที่พี่รู้”
“บอกเรื่องกิจการที่สามกับผมได้ง่าย ๆ แบบนี้ คุณสิงห์ไม่กลัวว่าผมจะเป็นสายสืบปลอมตัวมาเหรอครับ” คำพูดทีเล่นทีจริงไม่ได้ทำให้สิงหารู้สึกหวั่นวิตก
“ไม่กลัวครับ ถ้าพวกนั้นรู้จักจดจำบทเรียน คงไม่ส่งใครมาตายซ้ำอีก” มุมปากกระตุกหยันรวดเร็ว “และถ้ารู้จักจำ คงไม่มีใครต้องหายสาบสูญ”
“นั่นสิครับ” ราชันย์หลุบสายตาลงต่ำ พอคาดเดาอนาคตที่จะเกิดกับตัวเองได้ แต่คนอย่างเขาก็ถูกทำให้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้อยู่แล้ว จะไปคิดมากให้มันได้อะไร
“พี่จะกินด้วยมั้ยครับ” ห่อขนมไทยถูกแกะแล้วยกขึ้นตรงหน้าราชันย์
“ผมไม่ค่อยถนัดขนมหวาน ๆ ครับ”
“เห็นพี่กินสมูทตี้ เลยคิดว่าคงชอบขนมด้วย”
“ชอบแต่เครื่องดื่มหวาน ๆ น่ะครับ มันคือยาชูกำลังของผม”
สิงหาคลี่ยิ้มแล้วกินขนมไทยต่อโดยมีสายตาราชันย์จับจ้องไม่คลาด เสมือนพ่อแม่กำลังกดดันให้ลูกน้อยฝืนกินข้าวให้หมดก่อนจะออกไปเล่นกับเพื่อน
“จ้องแบบนี้สิงห์ไม่กล้ากินเหลือแน่ ๆ ครับ”
“เดี๋ยวคุณสิงห์จะชินกับการถูกผมจ้องเองแหละครับ เพราะต่อไปนี้ผมจะเฝ้าคุณทุกการกระทำ ไม่ยอมให้คุณเกิดแผลแน่ ๆ ครับ”