Ep.3

1939 Words
3 “จุก!” พูดได้แค่นั้น เพราะเนื้อตัวเขาเจ็บร้าวไปทุกส่วน ราชันย์ตาเหลือกถลนรีบดึงตัวเจ้านายให้ย้ายมานั่งข้างหน้า “ขอโทษครับ ๆ ” พร่ำคำขอโทษหลายครั้งหลายหนแต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่โบกมือและส่ายหัว “…” พูดไม่ออก “เดี๋ยวพอไปส่งคุณสิงห์ถึงบริษัทแล้ว ผมจะกลับไปเก็บของที่บ้านพักนะครับ” เจ้าของใบหน้าเศร้าสร้อยกล่าวอย่างรู้สึกผิดแล้วขับรถไปถึงชั้นจอดรถของบริษัทนำเข้า-ส่งออกอัญมณีของสิงหา ตรวจร่างกายเจ้านายว่าไม่มีบาดแผลฉกรรจ์แล้วจึงปลดเข็มขัดทำท่าจะออกจากรถ “พี่…” ท่อนแขนแข็งแรงถูกดึงไว้ทันที “อย่าลาออก” “แต่ผมทำคุณเจ็บตัว” “สิงห์ไม่เจ็บ” ว่าพลางใช้แขนอีกข้างทุบต้นแขนตนสองสามครั้ง “แค่จุกนิดหน่อย” “ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมบกพร่องในการดูแลเจ้านายอย่างคุณ ขอโทษด้วยครับ” “สิงห์…ชอบกินขนมไทย” “ทันทีเลยครับ” เรื่องลาออกไว้ค่อยคิดหลังจากที่สิงหาได้กินของที่ต้องการก็แล้วกัน เพราะอยากไถ่โทษ ราชันย์จึงรีบวิ่งไปร้านสะดวกซื้อที่เขาเพิ่งเห็นป้ายผ่านตาในตอนที่เลี้ยวรถเข้าสำนักงานเมื่อครู่นี้ มือกวาดขนมไทยหลายชนิดใส่ตะกร้าโดยไม่สนใจแววตาผิดหวังของคนที่กำลังต่อคิวหยิบขนมจากเขาเลยแม้แต่น้อย เครื่องดื่มที่มีรสหวานก็เช่นกัน เขาหยิบมาชนิดที่ว่า ถ้าสิงหาดื่มมันหมดรวดเดียวในวันนี้ อีกเจ็ดวันเตรียมเข้าห้องผ่าตัดหั่นขาตัวเองได้เลย เบาหวานแดก! ไม่ลืมจะพาตัวเองเลี้ยวไปโซนยาสามัญประจำบ้าน หยิบยาพารา น้ำมันนวด พลาสเตอร์ปิดแก้ปวด และแคปซูลใบบัวบกแก้ช้ำในไปด้วย พนักงานมองของในตะกร้าแล้วช้อนตามองคนตรงหน้า ยิ้มเจื่อน ๆ ส่งไปให้ชายหนุ่มคล้ายตั้งคำถามว่า แน่ใจใช่มั้ยว่าซื้อหมดนี่ “ขอด่วน ๆ เลยครับ ผมรีบ” เธอพยักหน้ารัว รีบหยิบสินค้าแล้วคิดเงินให้ แต่ถึงรีบอย่างไรก็กินเวลาไปเกือบ 10 นาที สินค้าในถุงใหญ่หลายถุงถูกหิ้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินกลับมาหาคนในรถ สิงหามองถุงใบใหญ่ที่มีของอยู่เต็มแน่น แล้วมองราชันย์ตาปริบ ๆ “พี่เหมาร้านสะดวกซื้อมาเหรอครับ” “ก็…คุณไม่ได้ระบุว่าเป็นขนมแบบไหนนี่ครับ” บอกพลันเข้ามานั่งตำแหน่งเดิม คุ้ยหายาที่ต้องการในถุงใบเล็ก “แล้วน้ำพวกนี้ล่ะครับ” สิงหาจำได้นะ เขาไม่ได้บอกซะหน่อยว่าต้องการมัน “เผื่อคุณคอแห้ง” ราชันย์หยิบยาพาราและแคปซูลใบบัวบกยื่นให้คนที่กำลังจะเป็นอดีตเจ้านายก่อนหยิบน้ำดื่มมาเปิดให้ “ถอดเสื้อให้ผมดูหน่อยครับ” “ห้ะ?” ตะปรบยาเข้าปากทั้งที่ยังมีสีหน้างงงวย “ถอดเสื้อครับ ผมจะดูรอยช้ำให้” “ไม่เป็นไรจริง ๆ ครับ” ครั้นพอตั้งสติได้ สิงหาก็รีบยกมือห้ามทันควัน “พี่คิงส์ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลอะไรเลยครับ” “แต่ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ผมก็จะลาออกไปทั้ง ๆ ที่ยังมีความรู้สึกติดค้างอยู่นะครับ” “ก็บอกแล้วไง สิงห์ไม่ให้พี่ลาออก!” ชายหนุ่มประกาศกร้าวใบหน้าขึ้นสี “ชัดนะครับ เข้าออฟฟิศกันเถอะ” ราชันย์ยังคงอึ้งกับปฏิกิริยาดุดันของอีกฝ่ายไม่หาย เรื่องที่ควรโกรธดันเฉยชา แต่กลับมาเดือดดาลตอนที่เขายืนยันจะลาออกเนี่ยนะ แม่ง! เป็นคนย้อนแย้งในตัวเองสุดขีด ขนมและเครื่องดื่มที่ราชันย์อุตส่าห์ทุ่มเทเงินทองและแรงกายซื้อมา ถูกสิงหานำไปแจกจ่ายให้เหล่าพนักงานชายหญิงเสียแล้ว “ใจร้ายมากเลยนะครับ” ชายวัยใกล้เลขสามพึมพำเบา ๆ จ้องมือที่กำลังหยิบขนมแจกจ่ายด้วยสายตาละห้อย ไม่อยากกินก็บอกดี ๆ สิบักคุณสิงห์ เอามายื่นให้คนที่เราไม่รู้จักต่อนี่แม่ง! …โคตรใจดำ “สิงห์จะเก็บไว้อย่างละสองชิ้นแล้วกันนะครับ” ใจจริงอยากเก็บไว้แค่อย่างละชิ้น แต่เห็นหน้ายู่หูตกแบบนั้นก็อดสงสารไม่ได้ “…” ราชันย์ก้มหน้าสงบเสงี่ยม โดยไม่รู้ว่า ตอนนี้ตัวเขากำลังถูกทุกสายตาของพนักงานจับจ้องอยู่ “ไปกันเถอะครับ” เขาไม่คิดแนะนำตัวลูกน้องคนใหม่ให้คนอื่น ๆ รู้จัก อย่างไรเสีย ไม่นานราชันย์ก็ต้องเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว ชายคนนี้มีมนุษยสัมพันธ์ดีกว่าเขามากโข “กินของที่ผมซื้อให้ด้วยสิครับ” ไม่ทันจะถอดชุดสูท สิงหาก็โดนคนที่เดินตามหลังกดดันซะแล้ว “อย่างน้อยก็กินสักนิดเพื่อให้ผมรู้สึกผิดน้อยลงหน่อยก็ได้” “ครับ” พลันเสื้อสูทก็ถูกผู้ดูแลถอดแล้วนำไปแขวนกับราวตั้งให้ ก่อนกลับมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอีกครั้ง “เดี๋ยว!” มือหนาคว้าหมับ ออกแรงดึงให้ละจากการกระทำเช่นนี้ “ไม่ต้องอายหรอกครับ เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน” “สิงห์…” ราชันย์เห็นอาการตัวสั่นของเจ้านายก็พ่นลมหายใจแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมไม่ทำอะไรคุณสิงห์แน่ ๆ ถึงจะถนัดในเรื่องชั่ว ๆ แต่ผมไม่คุกคามทางเพศคนที่ไม่เล่นด้วยแน่นอน” “มันน่าเกลียด” “หมายถึงการกระทำของผมน่ะเหรอครับ” ยอมรามือจากการปลดเปลื้องเสื้อของเจ้านาย แต่ครั้นจะดึงมือกลับ สิงหาดันไม่ยอมปล่อย “แผล…” แววตาคมหลุบต่ำ “ผมรับได้ครับ” ราชันย์ขืนมือปลดกระดุมเสื้อสิงหาอีกครั้ง คราวนี้แม้อีกฝ่ายจะมีสีหน้าแย่ยังไง เขาก็ไม่ยอมหยุด กระทั่งผืนผ้าออกพ้นตัว ดวงตาเรียวหรี่ไล่มองรอยแผลเป็นนูนของสิงหาด้วยคำถามในหัวหลากหลาย คงโดนอะไรต่อมิอะไรมาไม่น้อย ทั้งมีด ทั้งปืน “บอกแล้วใช่มั้ยครับ มันน่าเกลียด” สิงหาเข้าใจเอาเองว่า ราชันย์รังเกียจ เพราะอากัปกริยาที่เงียบเกินไปของอีกฝ่าย “เพราะแบบนี้รึเปล่า คุณถึงอยากถอนตัวจากการเป็นมาเฟีย” “…” สิงหาไม่คิดถามว่าราชันย์รู้ได้ยังไง เพียงพยักหน้าเล็กน้อย เพราะแผลเป็นแบบนี้ ทำให้เขาไม่กล้าพอจะเปิดเผยให้คนอื่นได้เห็น “ต่อไปนี้ คุณจะมีแผลเป็นติดตัวไปตลอดชีวิต” ราชันย์จับไหล่แกร่งไว้มั่น ยื่นหน้าประชิดอีกฝ่าย เอ่ยถ้อยคำดั่งสัญญา “ผมจะไม่ยอมให้คุณมีบาดแผลใหม่แน่นอน” “…” จู่ ๆ ผู้ฟังก็หลุดขำกับท่าทีจริงจังนั้น “เฮ้!ผมกำลังพูดคำเท่ ๆ อยู่นะ” น่าน้อยใจมั้ยล่ะ ไอ้บ้าคุณสิงห์ แทนที่จะตอบรับด้วยความจริงจังกลับมาหัวเราะใส่กันซะได้ “พี่เพิ่งทำสิงห์เจ็บตัวไปนะ ลืมแล้วเหรอ” “อันนั้นไม่นับครับ ผมหมายถึงหลังจากนี้ต่างหาก” ในเมื่อเจ้านายยอมถอดเสื้อแล้ว ราชันย์จึงพาเขาไปนั่งบนเก้าอี้ทำงาน “เดี๋ยวนวดให้นะครับ” “พี่นวดเป็นด้วยเหรอ” ดูจากท่าทางแข็งแรงของอีกฝ่ายแล้ว สิงหาควรโทรหาหมอกระดูกไว้เลยดีรึเปล่า “บอกแล้วไงครับ ผมทำได้ทุกอย่าง” โน้มใบหน้าย้ำเตือนแก่คนเบื้องหน้า หันมาบีบน้ำมันนวดใส่ฝ่ามือแล้วลงมือนวดตามต้นคอ แผ่นหลัง และกล้ามแขน มีเสียงครางหลุดเมื่อจับโดนเส้นที่ขมวดปมเป็นครั้งคราว ทำเอาคนนวดให้ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ เสียงของสิงหาน่าฟังอยู่แล้วแม้ในยามกล่าววาจาปกติ “เอ่อ…คืนนี้ ผมขออนุญาตออกไปเที่ยวได้รึเปล่าครับ” ไม่ไหว ๆ ถ้าไม่ได้ปลดปล่อยต้องแย่แน่ ๆ “อันที่จริงคืนนี้สิงห์มีนัดที่คลับ กะจะชวนพี่คิงส์ไปด้วยกันหน่อย ถ้าพี่ไม่ว่างก็ไม่เป็นไรครับ” “ไปครับ” มีคนเลี้ยงก็อย่าชักช้า ไปเลยไม่ต้องคิดเยอะ “ถือซะว่าเป็นการทำโอทีแล้วกันนะครับ” สิงหายิ้มบาง ขยับตัวให้ราชันย์นวดได้สะดวกขึ้น เลิกคิดละอายต่อรอยแผลเป็นไปแล้ว ร่างสันทัดมองตามรอยแผลทั้งตัวของเจ้านายก็ได้แต่คิดตาม แสดงว่าข้อมูลที่ภานุบอกก็เป็นเรื่องจริง สิงหาเริ่มหันไปจับกิจการอื่น ๆ แทนเรื่องผิดกฎหมายตั้งแต่ผู้เป็นพ่อเสียไป ดังนั้น เพื่อกระตุ้นให้กิจการผิดกฎหมายของบ้านราชนุสุรณ์รุ่งโรจน์แทนที่อย่างรวดเร็วจึงจำเป็นต้องมีตัวกระตุ้นอย่างราชันย์ ขอโทษนะคุณสิงห์ คุณเป็นคนดี ผมต่างหากที่เลว “พอแล้วก็ได้ครับ สิงห์ดีขึ้นแล้ว” กล่าวก่อนยื่นมือรอรับเสื้อจากเลขา ราชันย์พยักหน้ารับแล้วหยิบมาสวมให้ ติดกระดุมให้เรียบร้อยกำลังจะเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง สิงหาก็ออกคำสั่ง “ลากเก้าอี้มานั่งข้างสิงห์สิครับ จะสอนงานให้” “ครับ ๆ ” บ้าเอ๊ย! กะจะเนียนขอไปเข้าห้องน้ำซะหน่อย ถ้านั่งใกล้ ๆ กันแบบนี้ โดนล้อตายชัก “พี่ไม่อยากเรียนรู้งานเหรอครับ” เขาฉงนเมื่อเห็นว่าราชันย์เอาแต่ยืนนิ่งหันหลังให้ “สักครู่นะครับ” “…?” ชายวัยยี่สิบห้า ผู้ไม่เคยแตะต้องเรื่องอย่างว่าฉงนเล็กน้อย มองอีกฝ่ายจัดกางเกงทำงานขมักเขม้นอย่างไม่เข้าใจ ผ่านไปเกือบ 10 นาที ราชันย์จึงดึงเก้าอี้มานั่งข้างแล้วพยักหน้าให้เจ้านายสอนงานต่อได้ “กิจการที่สิงห์เป็นเจ้าของจะมีด้วยกันหลัก ๆ คือสามตัวนะครับ หนึ่งคือบริษัทนำเข้าอัญมณีที่นี่ สองคือไนท์คลับที่เราจะไปกันคืนนี้ ส่วนสามคือกิจการค้าอาวุธที่มีโกดังอยู่แถบชานเมือง” ราชันย์แค่แสร้งพยักหน้าเออออไปอย่างนั้น เรื่องพวกนี้เขาได้รับรู้มาหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องฟังอีกก็ได้ “สิงห์จะเน้นที่กิจการสองตัวแรกมากกว่า เพราะอย่างที่พี่รู้” “บอกเรื่องกิจการที่สามกับผมได้ง่าย ๆ แบบนี้ คุณสิงห์ไม่กลัวว่าผมจะเป็นสายสืบปลอมตัวมาเหรอครับ” คำพูดทีเล่นทีจริงไม่ได้ทำให้สิงหารู้สึกหวั่นวิตก “ไม่กลัวครับ ถ้าพวกนั้นรู้จักจดจำบทเรียน คงไม่ส่งใครมาตายซ้ำอีก” มุมปากกระตุกหยันรวดเร็ว “และถ้ารู้จักจำ คงไม่มีใครต้องหายสาบสูญ” “นั่นสิครับ” ราชันย์หลุบสายตาลงต่ำ พอคาดเดาอนาคตที่จะเกิดกับตัวเองได้ แต่คนอย่างเขาก็ถูกทำให้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้อยู่แล้ว จะไปคิดมากให้มันได้อะไร “พี่จะกินด้วยมั้ยครับ” ห่อขนมไทยถูกแกะแล้วยกขึ้นตรงหน้าราชันย์ “ผมไม่ค่อยถนัดขนมหวาน ๆ ครับ” “เห็นพี่กินสมูทตี้ เลยคิดว่าคงชอบขนมด้วย” “ชอบแต่เครื่องดื่มหวาน ๆ น่ะครับ มันคือยาชูกำลังของผม” สิงหาคลี่ยิ้มแล้วกินขนมไทยต่อโดยมีสายตาราชันย์จับจ้องไม่คลาด เสมือนพ่อแม่กำลังกดดันให้ลูกน้อยฝืนกินข้าวให้หมดก่อนจะออกไปเล่นกับเพื่อน “จ้องแบบนี้สิงห์ไม่กล้ากินเหลือแน่ ๆ ครับ” “เดี๋ยวคุณสิงห์จะชินกับการถูกผมจ้องเองแหละครับ เพราะต่อไปนี้ผมจะเฝ้าคุณทุกการกระทำ ไม่ยอมให้คุณเกิดแผลแน่ ๆ ครับ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD