บทที่ 1.1 คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว

746 Words
บทที่ 1.1 คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว สิบสามปีก่อน ‘นันทพร’ หญิงสาววัยสามสิบปลาย ๆ เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินเลี้ยง ‘ณัฐนิชา’ ลูกสาววัยเจ็ดขวบสุดรักสุดดวงใจคนนี้ให้อยู่อย่างสุขสบาย หากแต่ชีวิตกลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทั้งยังเต็มไปด้วยขวากหนามเสียมากกว่า เธอจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนใช้ชีวิตต่อไป “แม่จ๋า หนูหิวข้าวแล้ว” เด็กหญิงเอ่ยบอกพร้อมลูบท้องตนเองป้อย ๆ หลังเลิกเรียนเธอจะต้องมาอยู่ที่ร้านกับมารดาตลอด แม้จะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ก็พอหยิบจับอะไรที่พอเป็นประโยชน์ได้ นันทพรเปิดร้านขายข้าวแกงเล็ก ๆ เช่าพื้นที่หน้าตลาดเพื่อตั้งร้านประจำ แม้จะมีลูกค้าที่มาอุดหนุนกันตลอด เพราะติดใจในรสมือของเธอ แต่ก็ใช่ว่าจะพอกินพอใช้ในยุคเศรษฐกิจอย่างนี้ บ้านก็ยังต้องเช่า ไหนจะต้องเก็บเงินไว้ส่งเสียณัฐนิชาจนกว่าจะจบปริญญาอีก ลำพังแค่สองมือเล็ก ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่ง อาจไม่มากพอในการที่จะมอบช่วงชีวิตดี ๆ ให้กับลูกสาวก็เป็นได้ “ได้จ้ะ มากินข้าวกันนะ นิชาของแม่อยากกินอะไรเอ่ย” “เอาต้มจืด” เด็กหญิงชี้ไปที่หม้อต้มจืด ผู้เป็นแม่รีบตักขาวใส่จานพร้อมด้วยกับข้าวที่ลูกสาวอยากกินส่งให้ เธอจัดเตรียมปู่เสื่อเอาไว้สำหรับให้ณัฐนิชาได้นั่งเล่นรอระหว่างยังขายไม่หมด มีพัดลมตัวเล็ก ๆ หนึ่งตัว คอยเปิดให้ตลอดเวลา มรสุมชีวิตของเธอกับลูกไม่ได้มีอยู่เพียงเท่านี้ ก่อนหน้าที่เด็กหญิงจะกลายเป็นลูกกำพร้าพ่อ ก็เคยเป็นเด็กปกติ ใช้ชีวิตทั่วไปและมีครอบครัวสมบูรณ์อย่างคนอื่น ทว่าอุบัติเหตุกลับพรากชีวิตบิดาของณัฐนิชาไปอย่างไม่มีวันกลับ จนสูญเสียเสาหลักของครอบครัว สามีเป็นเพียงคนงานก่อสร้าง แต่ก็ขยันอดทนมากกว่าใคร จึงไม่เคยปล่อยให้ลูกเมียต้องลำบาก แม้จะไม่สุขสบายมีชีวิตติดหรู แต่ก็ไม่เคยอดอยากเลยสักครั้ง เป็นครอบครัวเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความสุขจนหลายคนอิจฉา กระทั่งสูญเสียเทวดาของครอบครัวไป สองแม่ลูกจึงต้องระหกระเหเร่ร่อนไปเรื่อย กว่าจะเจอถิ่นฐานที่สามารถลงหลักปักฐานได้อย่างทุกวันนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะผ่านมานานถึงสองปีแล้ว นันทพรเลือกกลับมาอยู่บ้านเกิดหลังลองไปอยู่ที่อื่นมาก่อน สุดท้ายเมื่อถึงเวลาที่ณัฐนิชาต้องขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จึงตัดสินใจกลับมาในสถานที่ที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กจะดีกว่า เกือบหนึ่งปีแล้วที่ได้มาอยู่ตรงนี้ ทุกอย่างอาจไม่เหมือนเดิมแต่ก็พอจะจำได้บ้างว่าอะไรเป็นอะไรและผู้คนที่นี่นิสัยเป็นแบบไหน “อร่อยจังเลยจ้ะ” เด็กหญิงเคี้ยวข้าวไว้เต็มปากจนแก้มตุ่ย มองดูมารดาด้วยสายตาใสซื่อมีความสุขตามประสาเด็กน้อยทั่วไป เธอคือพลังในการใช้ชีวิตเพียงหนึ่งเดียวที่ผู้เป็นแม่มีในตอนนี้ “อร่อยก็กินเยอะ ๆ นะจ๊ะ แม่มีให้นิชากินหม้อใหญ่เลย” “ถ้ากินหมด หนูจะเป็นน้องหมูไหมคะ” เด็กหญิงตัวน้อยถามพลางเอามือไปดึงจมูกตนเองขึ้น ทำท่าคล้ายหมูจริง ๆ เล่นเอานันทพรถึงกับหัวเราะขำในท่าทางของลูกสาว ความน่ารักนี้ทำเอามันเขี้ยวจนอดไม่ได้ ต้องก้มลงไปหอมแก้มซ้ายขวาฟอดใหญ่จนณัฐนิชาจักจี้ คิกคิก.. “พร นั่นพรใช่หรือเปล่า” เสียงหนึ่งขัดจังหวะการฟัดกันของสองแม่ลูก คนถูกเรียกหันกลับไปมองต้นเสียงที่แสนคุ้นเคย ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “จะ...จิตตาหรือ” “พรจริง ๆ ด้วย นันทพรเพื่อนรักของฉัน!” เจ้าของเสียงยังคงพูดด้วยความดีใจ ‘คุณนายจิตตา’ เศรษฐินีที่ใครต่อใครก็รู้จัก เพราะเป็นทั้งเจ้าของตลาดที่หญิงสาวเช่าพื้นที่ขายของอยู่ และยังเป็นเจ้าของตึกแถวอีกมากมายให้เช่าไปทั่วทั้งอำเภอ เธอมากับลูกชายวัยสิบห้าปี ‘คิมหันต์’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD