“กวนผูเล่อรูปงามมาก” แมวดำกระตุ้นให้ชิงเซียนคนใหม่มีความอยากรู้จักและรักใคร่เพื่อชดใช้ความผิดต่อจนครบ
“หมายถึงหล่อมาก?”
“เป็นเช่นนั้น”
“ช่างเถอะ ข้ายังอายุน้อย” ‘นั่นหมายถึงชาติที่จากมาอายุแค่สิบแปด’ “ตอนนี้ข้าอายุเท่าไหร่”
“สิบแปดหนาว” ที่จริงแล้วนางมารน้อยอายุเกือบพันปีแล้วต่างหาก เพียงแต่แมวเช่นเขาไม่พูด ‘มารทุกตนจะสภาพคงเดิมเมื่อฝึกวิชาแก่กล้า เหมือนเช่นท่านจอมมารที่อายุขัยมากกว่าสามพันปีแต่กลับมีใบหน้าราวกับบุรุษหนุ่มวัยกำหนัด’
“เท่ากันเลย” ก้มมองรูปร่างตัวเอง “แต่ชิงเซียนดูอวบอิ่ม ที่ใดควรใหญ่ก็ใหญ่ที่ใดควรเล็กก็เล็ก” น่าอิจฉาจริงๆ นะ
“ร่างกายนี้เป็นของเจ้า เพราะฉะนั้นก็ใช้มันให้คุ้มค่า ยามนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปเพราะผิดที่ผิดเวลาแต่ข้าเชื่อว่าสุดท้ายเจ้าจะต้องได้สมรักกับกวนผูเล่อ” ร่างตุ้ยนุ้ยเดินนำสตรีตัวบางทรงผมรุ่ยร่ายไปตามทางเข้าหมู่บ้านที่สัตว์เช่นเขารู้จักดี “ตามข้ามา”
ชิงเซียนค้านที่จะพูดอะไรอีก นอกจากเดินตามแมวพูดได้ไปช้าๆ ‘ที่ตัดสินใจตามต่อเป็นเพราะว่านางกำลังคิดหาหนทางใหม่...หนทางที่ต้องพบปะใครๆ เพื่อพานางกลับบ้าน’ และยิ่งหลงทิศหลงทางมาเช่นนี้ จะรู้จักก็เพียงแมวที่คอยแต่จะยัดเยียดสามีให้นาง ถึงเวลานั้นขอเพียงพบผู้คนบ้างสองข้างทางมีผลไม้รูปทรงประหลาดประปราย ความหิวทำให้นางตัดสินใจเด็ดหนึ่งในพวกมันเข้าปาก รสชาติเปรี้ยวเผ็ดทำให้นางต้องรีบคายผลไม้นั้นออกมา “แหวะ ไม่เห็นอร่อยเลย” ใช้ชายเสื้อเช็ดริมฝีปากพร้อมกับพยายามเด็ดผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีผลสีน้ำตาลอ่อนขนาดเท่าลูกแอปเปิ้ลสีแดง ‘ฮึ่บ!!’ กระโดดมากกว่าสามครั้ง
ขวับ!! แมวน้อย (ที่ตัวไม่น้อย) หันกลับมามองอย่างรวดเร็ว “เจ้าทำสิ่งใดน่ะ?”
“กำลังจะทานผลไม้น่ะสิ ข้าหิว” ฟึ่บๆๆ พยายามกระโดดคว้าผลไม้นั้นแต่มันสูงจนน่าขัดใจ “ผลเมื่อครู่รสชาติเปรี้ยวเผ็ดไม่อร่อยเลย ความเผ็ดยังอยู่ในปากข้าต้องหาอย่างอื่นมาทานแทนแล้วเพื่อล้างปาก แมวน้อยช่วยข้าหน่อย” ประโยคตอนท้ายมีน้ำเสียงอ้อนวอน
เจ้าของนามแมวน้อยตาโตกับคำพูดของนาง “เมื่อครู่เจ้าทานผลจับปัว (ชื่อสมมุติ) งั้นรึ?”
“ข้าไม่รู้จักชื่อมันหรอก เห็นเป็นผลไม้ข้าก็ทานเลย ทำไมรึ” ‘ในใจนางเชื่อมั่นว่าในยุคสมัยนี้ พืชผักผลไม้คงไม่มียาฆ่าแมลงเป็นแน่เว้นเสียแต่รสชาติของมันเท่านั้นที่จะปกป้องตัวมันเองจากแมลงได้’ ยังกระโดดคว้าไม่หยุด “ฮึ่บๆ”
แมวอ้วนก้มมองพื้นเห็นเศษซากของผลที่ว่าก็ถึงกับส่ายหน้า “ผลจับปัวมีรสชาติเผ็ดเปรี้ยวมันเป็นผลไม้พิษผู้ใดทานเข้าไปไม่เกินครึ่งชั่วยามจะเกิดอาการคัน”
ตึ่ก! ‘ห้ะ’ ชิงเซียนหยุดการกระทำทันที ใบหน้าสีแดงก่ำเพราะการกระโดดก่อนจะเปลี่ยนเป็นซีด ‘คันอะไร’ “ผลไม้พิษรึ”
“อืม” -_- ‘เรื่องเดิมยังไม่ทันแก้กลับมีเรื่องใหม่เพิ่มเข้ามาอีกแล้ว’
“คันอะไร” ถามเสียงสั่น
“ทั้งตัว”
“ไม่เว้นตรงนั้นเหรอ” หน้าแย่ลงเมื่อนึกถึง จุ๋มจิ๋ม
=_= “ไม่เว้นทุกตรง”
“_” ‘อ่อย’ ตายแน่ๆ พอรู้ว่าจะคัน...ก็คัน ทั่วทั้งร่างสั่นระริก มือไม้เริ่มถูไถเนื้อตัว ช่วงขาเสียดสีกันไปมา ปากถาม “คันนานหรือไม่”
“สองชั่วยาม” (สี่ชั่วโมง) แมวอ้วนคิดในใจ ‘จบสิ้นกันทีกับการพบกันในวันนี้ของชิงเซียนและกวนผูเล่อ’ ใจแค่ภาวนาว่าขอให้ท่านจอมมารผ่อนปรนการลงโทษให้ด้วยเพราะสตรีไร้ยางอายที่บิดกายเร่าๆ ตรงหน้ามิใช่บุตรสาวที่แท้จริงของท่าน ซึ่งถ้าหากเป็นนางจริงๆ อาการคันเช่นนี้ทำอะไรนางมิได้หรอกนอกจากเรื่องพิษสกัดของผูเล่อที่แม้จะเลี่ยงหรือขจัดได้ แต่นางก็ต้องร่างสลายไปอยู่ดีเพราะธาตุไฟเข้าแทรก
ใบหน้างามถอดสี สองชั่วยามที่ว่าคือสี่ชั่วโมง ข้อนี้นางรู้ เพราะนิยายจีนที่เคยอ่านบอกเอาไว้ เหนือสิ่งอื่นใดคือคำถามต่อมา “เกา...ได้หรือไม่”
‘ไร้ยางอายอย่างที่สุดจริงๆ’ -_- แมวดำหน้านิ่งหมดคำจะกล่าว “อืม” จึงทำเพียงแค่ครางตอบรับ เท่านั้นล่ะ สตรีตรงหน้าที่เขาเห็นมาเกือบสี่ร้อยชาติก็ลงมือทันทีจะดีหน่อยก็แค่นางไม่เลื่อนมือลงไปเกาส่วนลับ สี่ขาแมวหันหลังเดินนำไปช้าๆ เพื่อติดตามบุรุษวัยกลางคนตัวใหญ่ที่แบกกวนผูเล่อขึ้นหลังไปโดยที่ไม่คิดจะสนใจสตรีนางนั้นอีก
ด้านหลังแมว มีสตรีไร้ยางอายเดินเการ่างกายขาวไปตลอดทาง
๑-------------------๑
หมู่บ้านชายป่า
“หากไม่เจอเจ้า บุรุษผู้นี้คงไม่รอด” หมอหญิงชราในหมู่บ้านทำการใส่ยารักษาแผลก่อนจะใช้แผ่นไม้ประกบขาที่หักทั้งสองข้าง
“คงไม่ชินเส้นทางขอรับ ดูจากลักษณะท่าทางกับการแต่งกายคงเป็นบุรุษผู้มีความรู้”
หมอชราพยักหน้ารับทราบและยังคงรักษาอย่างต่อเนื่อง โชคดีที่ดวงชะตายังไม่ถึงคาดแต่การเดินทางไปยังเมืองหลวงนี่สิจะลำบาก “ถ้าเดาไม่ผิด คงเดินทางไปสอบบัณฑิต”
“_” บุรุษตัวใหญ่วัยกลางคนมีสีหน้าเคร่งเครียดทันที ไหนจะการเดินด้วยขาที่ไม่สะดวก ‘ผู้ใดจะอุ้ม?’ สรุปแล้วคือตนแบกตัวภาระมาด้วยเช่นนั้นรึ ยังคงไร้คำตอบออกมาจากปากเขาจนหมอชราท้วงถาม
“เซาเตี่ย”
เจ้าของนามมองหน้าพลางตอบรับ “ขอรับ”
“เจ้าอยากจะไปส่งบุรุษผู้นี้หรือไม่”
ใบหน้าดุขมวดขรึม ความลำบากใจฉายชัดในแววตา การเดินทางไปส่งนั้นหาได้ยากเย็นเทียบเท่ากับระยะเวลาอันยาวนานแรมเดือน นั่นหมายความว่าเขาต้องทิ้งบุตรสาวของตนไว้ในกระท่อมเพียงลำพัง “หากบุรุษหนุ่มผู้นี้จะเข้าเมืองหลวงเพื่อไปสอบจริง ข้าย่อมอยากช่วยเหลือแต่ปัญหาของข้าหาใช่เรื่องไปส่ง แต่มันคือเรื่องบุตรสาวของข้าต่างหากเล่าท่านหมอ”
“บุตรสาวเจ้า” หมอชรานึกตาม เซาเตี่ยเป็นพ่อหม้าย ฮูหยินนั้นเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ทิ้งให้เขาเลี้ยงดูบุตรสาววัยปักปิ่นเพียงลำพัง ทุกวันนี้เหล่าบุรุษในหมู่บ้านล้วนพึงใจบุตรสาวของเซาเตี่ยเพราะนางเพิ่งเข้าสู่วัยที่ควรออกเรือน ติดตรงที่นางยังไม่ปักใจรักใคร่ผู้ใดจึงทำให้ผู้เป็นบิดาต้องดูแลบุตรสาวอย่างใกล้ชิด ซึ่งยามนี้นางนั้นคงกำลังร่ำเรียนวิชาเย็บปักไม่ไกลจากโรงหมอแห่งนี้ “เซาอ้ายอัน” คือนามของนาง
“ขอรับ” ไม่ทันขาดคำ เสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้น
“ท่านพ่อ!!” เสียงแหลมร้องเรียกบิดาเมื่อรู้ข่าวว่า ท่านพ่อแบกบุรุษผู้หนึ่งเข้ามาในหมู่บ้าน อ้ายอันมีท่าทางร้อนรนปนห่วงใยด้วยหวาดกลัวว่าครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของนางจะเป็นอันตราย นางจึงละทิ้งการเย็บปักมาหาบิดา “เกิดเรื่องใดขึ้นเจ้าคะ”
เซาเตี่ยส่ายหน้า “มิได้เกิดเรื่อง แต่นำเรื่องมาต่างหากเล่า”
“นำเรื่องหรือเจ้าคะ” อ้ายอันมองไปยังเตียงรักษาและพบเข้ากับ ‘บุรุษหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคายนอนหลับอยู่’ หัวใจของนางเต้นกระหน่ำราวกับกลองรบ ใบหน้าคนผู้นั้นหมดจดสะอาดสะอ้าน ตามลำคอและหน้าอกมีบาดแผลคล้ายๆ กับถูกบาด ช่วงขาถูกประคบด้วยไม้ เดาได้ไม่ยากนักว่าเขาขาหัก “บุรุษผู้นี้คือใครเจ้าคะ”
“พ่อไม่รู้ว่าบุรุษผู้นี้คือใคร รู้แต่เพียงว่าเขาตกมาจากเส้นทางรถม้าด้านบนจึงเข้าช่วยเหลือ” (หมู่บ้านนี้อยู่ปลายทางร่องเขา) “โชคดีที่ยังไม่ตาย”
“ดียิ่งเจ้าค่ะ” อ้ายอันยิ้ม ‘พรหมลิขิตนำพาบุรุษรูปงามมาส่งให้นางถึงหมู่บ้าน’ เพราะฉะนั้น “เดี๋ยวข้าจะช่วยท่านพ่อดูแลบุรุษผู้นี้นะเจ้าคะ”
ผู้เป็นบิดาขมวดคิ้ว “ดูแลเรื่องใด มิใช่ว่าเจ้าจะต้องไปเรียนการบ้านการเรือนหรอกรึ”
“ข้ารู้แจ้งทุกอย่างแล้วมิเป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ให้ข้าอยู่ช่วยนะเจ้าคะเผื่อวันหน้าข้ามีสามีจะได้ปรนนิบัติดูแลยามป่วยไข้อย่างไรเล่า”
เซาเตี่ยมิได้กล่าวสิ่งใด นอกจากมองบุตรสาวแตะเนื้อต้องตัวบุรุษอยู่เช่นนั้น ‘มิใช่ว่านางพึงใจชายหนุ่มผู้นี้ใช่หรือไม่’ แต่นั่นคือเรื่องที่ต้องรอดู ถึงแม้ว่ายามนี้บุตรสาวจะกระทำสิ่งไม่ถูกต้องอยู่ก็ตาม
๑-------------------๑
หนึ่งชั่วยามต่อมา
หนึ่งแมวสีดำตัวอ้วนกับสตรีบอบบางทรงผมยุ่งเหยิงก็เดินมาถึงหมู่บ้าน