18 ต่อปากต่อคำ
ปึก!
“สรุปจะกินข้าวไหม ถ้าไม่กินฉันจะได้เอาไปให้หมา” เขาว่าพรางยืนค้ำเอวมองอีกฝ่าย แต่คนตัวเล็กก็ยังเมินเฉย เบือนหน้าหนี “ฉันถามว่าจะกินไหม!”
“ไม่กิน! เชิญคุณเอาไปให้หมาเถอะ” ปิ่นมุกนั่งซบหน้าลงบนเข่า ปล่อยให้น้ำตาไหลรินอย่างช้าๆ ภายใต้ผ้าห่มผืนนี้มันช่างเหน็บหนาวเหลือเกิน เธออยากกลับบ้าน อยากหนีไปให้พ้นจากคนใจร้าย
“ถ้าไม่กิน แล้วเกิดตายในบ้านฉันขึ้นมาจะว่ายังไง”
“แล้วตอนนี้มันต่างจากตายตรงไหนคะ”
ปริยภัทรสูดลมหายใจเข้าอย่างช้าๆ พยายามบังคับให้ใจเย็นเข้าไว้ เท้าหนาสาวเข้าไปหาคนตัวเล็ก ปิ่นมุกเมื่อรู้ตัวว่าอันตรายกำลังเข้ามาเยือนก็รีบขยับตัวหนี แต่ก็ถูกร่างสูงดึงข้อเท้าเอาไว้
“จะ...จะทำอะไร ปล่อยนะ!!”
“ถ้าอยากกลับบ้านก็กินข้าวซะ”
เธอรีบหันหน้าขวับโดยไม่รู้ว่าใบหน้าของปริยภัทรอยู่ห่างแค่คืบ ทำให้ปลายจมูกเล็กเฉียดแก้มสากไปเพียงนิดเดียว ดวงตากลมโตหยุดนิ่งอยู่ที่ใบหน้าหล่อเหลา ทั้งๆที่เขาเป็นคนพรากความบริสุทธิ์ไปจากเธอ แต่ทำไมหัวใจต้องเต้นแรงกับผู้ชายแบบนี้ด้วย เขามันก็แค่ซาตานในคราบเทพบุตร!
“ไง...สรุปจะกินไหม” เสียงเข้มดังขึ้นเมื่อคนตัวเล็กจ้องหน้านานเกินไป เธอเบือนหน้าหนีแสร้งหลบตาอย่างเขินๆ ปริยภัทรจึงถือโอกาสนั้นสำรวจเสี้ยวหน้าเนียนสวย
ปิ่นมุกดูอ่อนเยาว์เหลือเกิน เขาคงไม่ได้รังแกเด็กใช่ไหม
“ถ้ากินแล้วคุณจะไปส่งฉันใช่ไหม”
“ขอคิดดูก่อน”
“นี่ไงคือเหตุผลที่ฉันไม่ยอมกิน คนอย่างคุณมันไว้ใจไม่ได้ ไม่รู้เอายาพิษให้ฉันกินหรือเปล่า ฉันขออดตายดีกว่า!” เธอยืนกรานเสียงแข็ง
“นี่เธอคิดว่าฉันเป็นคนใจดำขนาดนั้นเลยหรอ”
“แล้วคิดว่าไงล่ะ เมื่อคืนคุณก็เพิ่งขืนใจฉันไปไม่ใช่หรอ แบบนี้ไม่ให้เรียกว่าใจดำแล้วจะให้เรียกว่าอะไร” ลำคอตีบตันด้วยก้อนสะอื้นที่แล่นขึ้นมาไม่อาจทำให้ปิ่นมุกกลั้นน้ำตาไว้ได้ ปล่อยให้น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาต่อหน้าตาต่อคนใจร้าย ที่ปริยภัทรนิ่งไปโดยไม่ได้พูดอะไร เพราะเขาเพิ่งสังเกตเห็นดวงตาคู่สวยบอบช้ำจนบวมเป่ง ริมฝีปากหยักค่อยๆเม้มเข้าหากัน เกิดเป็นคำถามอยู่ในใจ หากผู้ชายคนนั้นเป็นปุณวิชญ์จะร้องไห้แบบนี้หรือเปล่า
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ลืมๆมันไปซะเถอะ เพราะถึงยังไงเธอก็ต้องอยู่ที่นี่กับฉันต่ออีกสามวัน”
“ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ฉันอยากกลับบ้าน ได้โปรดปล่อยฉันไป ฮือ...”
“ฉันยังปล่อยเธอไปตอนนี้ไม่ได้ เพราะว่าคนพวกนั้นกำลังตามหาเธอจนวุ่นเลย ฉันชอบ....เวลาที่พวกมันร้อนใจจนนั่งไม่ติด”
“เอาเลยค่ะ จะทำอะไรก็เชิญ เพราะสุดท้ายฉันก็เป็นได้แค่สนามอารมณ์ของพวกคุณอยู่ดี หรือคุณโกรธที่ฉันทำให้คุณถูกคุณหญิงตี ก็เลยภาพความบริสุทธิ์จากฉันไป!”
“เรื่องนั้นฉันไม่เก็บมาคิดให้ปวดหัวหรอก”
“ถ้าคุณไม่ได้ติดใจอะไรกับเรื่องในอดีตจริงๆ แล้วคุณมาทำแบบนี้กับฉันทำไม คุณย่ำยีฉันเพียงเพราะอยากให้พี่เปรมเจ็บปวด แต่เขาไม่มีทางเจ็บปวดหรอก เพราะเขาไม่ได้ชอบฉัน!”
“นี่เธอดูไม่ออกขนาดนั้นเลยหรอปิ่นมุก” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความสงสัย ในใจเกิดคำถามขึ้นมากมาย นี่ปิ่นมุกโง่หรือไม่รู้จริงๆว่าปุณวิชญ์ชอบเธอนานแล้ว ตอนแรกเขาเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อ จนกระทั่งได้เป็นคนแรกของเธอถึงรู้ว่าปุณวิชญ์ชอบปิ่นมุกจริงๆจนไม่กล้าทำอะไร
“เขาจะชอบฉันได้ยังไง ในเมื่อฉันเป็นแค่เด็กที่คุณท่านอุปการะ ไม่มีอะไรคู่ควรกับเขาเลยสักนิด ฉันไม่เหมาะสมกับคนดีๆอย่างพี่เปรมหรอก”
“คนดีๆงั้นหรอ” เขาหลุดขำอย่างไม่ได้ตั้งใจ ถ้าปุณวิชญ์เป็นคนดี ผู้ชายทั้งโลกคงบวชเป็นพระไปแล้ว “อะไรที่ทำให้เธอคิดว่ามันเป็นคนดี”
“เพราะพี่เปรมไม่เคยคิดร้ายกับใครเหมือนคุณ”
“ฉันจะพูดอะไรให้ฟังนะสาวน้อย” เขาใช้มือเชยคางมน รั้งใบหน้าของเธอเข้ามาใกล้ เธอจ้องตาเขากลับอย่างกินเลือดเนื้อ “บางคนก็เปรียบเสมือนน้ำนิ่งไหลลึก พูดอีกอย่าง แต่คิดอีกอย่าง คนแบบนี้มีเยอะแยะ บางครั้งสิ่งที่เธอคิดว่าดี....ความจริงอาจจะไม่ดีก็ได้”
“นี่คุณกำลังปั่นให้ฉันเกลียดพี่เปรมใช่ไหม บอกเลยว่ามันไม่ได้ผลหรอก เพราะฉันเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นเท่านั้น และฉันก็เชื่อว่าพี่เปรมไม่ได้เป็นคนแบบนั้น!” ปิ่นมุกสะบัดหน้าออกจากมือใหญ่ ขยับร่างออกห่างเหมือนรังเกียจ แต่ทันใดนั้นเสียงท้องของเธอก็ประท้วงขึ้นมาหลังจากที่ไม่ได้ทานข้าวมาตั้งแต่เมื่อวาน เธอก้มหน้าจิกหมอนข่มอาการเขิน
ท้องบ้า! ทำไมต้องมาร้องต่อหน้าเขาด้วย....น่าอายชะมัด
ปริยภัทรยอมขยับตัวออกห่าง หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มุมปากหยักยิ้มกรุ้มกริ่มทอดตามองสาวน้อยที่เอาแต่ก้มหน้างุด
“ฉันจะวางกับข้าวไว้ตรงนี้ แต่ถ้าเธอไม่กล้ากินก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันสั่งให้ลูกน้องมาเอาไปให้หมา” เขาอมยิ้มนิดๆ กลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ ทำเป็นใจแข็งแต่ท้องประท้วง “เดี๋ยวฉันจะกลับมาอีกครั้ง หวังว่าอาหารถาดนี้จะหมดนะ”
ปิ่นมุกไม่ตอบ เอาแต่สะบัดหน้าหนีแต่หางตาชำเลืองมองตลอดเวลา จนกระทั่งร่างสูงเดินออกจากห้องไป หญิงสาวผู้หิวโหยรีบตรงไปยังถาดอาหารทันที เธอนิ่งไปพักหนึ่งพร้อมกับรอยขมวดคิ้วจางๆ
แกงมัสมั่นไก่?
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเธอชอบทานแกงมัสมั่นไก่ แม้กระทั่งปุณวิชญ์เองก็ยังไม่รู้ แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าเธอชอบทานอะไร
“เป็นไปไม่ได้หรอก มันต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่ๆ” ปิ่นมุกพูดกับตัวเองเบาๆ เมื่อก่อนปริยภัทรไม่ได้คลุกคลีกับเธอบ่อยเท่าปุณวิชญ์เลยด้วยซ้ำ แล้วเขาจะรู้ได้ยังไงว่าของโปรดของเธอคือแกงมัสมั่นไก่ คิดว่ามันคงเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า
หญิงสาวสลัดความสงสัยทั้งหมดทิ้งแล้วทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย เก็บแรงเอาไว้หาทางหนีจากคนใจร้ายที่ไม่รู้ว่าจะกลับมาทำร้ายเธออีกเมื่อไหร่
ชายหนุ่มที่แอบมองอยู่หลังประตูเผยรอยยิ้มจางๆ ก็นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็ทนความหิวไม่ได้ ทำเป็นปากเก่งไปเถอะ ยังไงปุณวิชญ์ก็ไม่มีทางหาเธอเจอหรอก เพราะที่นี่เป็นบ้านพักกลางหุบเขา มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเขาคือเจ้าของที่นี่