19 เจ้าเล่ห์
หลังทานข้าวเติมพลังเสร็จปิ่นมุกก็เริ่มหาทางหนี เธอไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน แต่ที่แน่ๆมันต้องอยู่กลางหุบเขาแน่ๆเพราะถ้ามองจากหน้าต่างจะเห็นว่าพื้นที่โดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยป่าไม้และภูเขา พอชะโงกหน้ามองลงไปก็เห็นลูกน้องของปริยภัทรเฝ้าอยู่เต็มไปหมด
ให้ตายเถอะ! จะขังกันไว้แบบนี้ทั้งวันเลยหรือไง ถ้าออกไปได้เมื่อไหร่จะแจ้งตำรวจข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวและกระทำชำเรา
ดวงตากลมโตกวาดมองรอบๆห้อง ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆนอกจากเตียงนอนและเก้าอีกยาวหนึ่งตัวอยู่ที่มุมห้อง มองไปมองมาเหมือนเป็นห้องใต้หลังคามากกว่า อย่างน้อยมันต้องมีทางหนีสิ จะรอให้เขาเข้ามาขืนใจอีกรอบหรอ
มือเล็กพยายามเปิดประตู แต่ดึงยังไงก็ดึงไม่ออกเหมือนมันถูกล็อกเอาไว้จากด้านนอก ทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรจากนักโทษเลยด้วยซ้ำ ร่างเล็กหน้าหงอย กำลังจะเดินกลับไปยังเตียงนอนแต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงปริยภัทรคุยกับลูกน้องอยู่ที่หน้าห้อง เธอใช้หูแนบประตู แอบฟังอย่างตั้งใจ
“ส่งรูปพวกนั้นไปให้ไอ้ปุณวิชญ์เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“เรียบร้อยแล้วครับ สายของเรารายงานมาว่าตอนนี้ที่นั่นกำลังวุ่นวายกับการออกตามหาคุณปิ่นมุก”
“เหอะ!” ปริยภัทรเค้นหัวเราะในลำคอด้วยความสะใจ “ช่วยไม่ได้ อยากส่งแม่นั่นมาวุ่นวายกับฉันก่อนทำไม”
“แล้วนายจะเอายังไงต่อครับ ถึงคุณโกศลจะสั่งไม่ให้คุณปุณวิชญ์แจ้งตำรวจ แต่ถ้าจับตัวคุณปิ่นมุกไว้แบบนี้ ที่บ้านของเธอต้องเป็นห่วงแน่ๆ”
“ฉันแค่จะเล่นเกมส์กวนประสาทพวกมันเฉยๆ ยังไงก็ต้องปล่อยตัวแม่นั่นอยู่แล้ว ฉันไม่เก็บไว้รกหูรกตาหรอก”
“ตะ...แต่นายไม่น่าทำแบบนี้กับเธอเลยนะครับ ทั้งๆที่นาย...”
“เพื่อความสะใจไงล่ะ ที่ฉันทำไปทั้งหมดก็เพื่อความสะใจทั้งนั้น ฉันต้องการให้ไอ้น้องชายต่างแม่มันกระอักเลือดตาย ยิ่งถ้ามันรู้ว่าปิ่นมุกโดนฉันทำอะไร...มันคงคลั่งเหมือนคนเป็นบ้า” เขาหัวเราะลั่นด้วยความสะใจ ทำให้หญิงสาวที่แอบฟังอยู่หลังประตูกำหมัดแน่น ข่มอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่านขึ้นมา ตอนนี้เธอโกรธจนร่างสั่นสะท้าน “เตรียมส่งรูปเซ็ตใหม่ไปให้มันได้เลย รับรองว่าคราวนี้มันคงจะดิ้นตายเหมือนหมาถูกน้ำร้อนลวก”
กร๊อด!
ปิ่นมุกขบกรามแน่น! ผู้ชายคนนี้ทำเรื่องชั่วๆได้มากกว่าที่คิด เขาทำเพื่อความสะใจโดยไม่สนว่าใครจะรู้สึกยังไง เธอก็เป็นคน มีความรู้สึกเหมือนกัน เขาทำแบบนี้ได้ยังไง!
เพี้ยะ!!
ทันทีที่ร่างสูงเปิดประตูเข้ามาปิ่นมุกก็ตบหน้าเขาไปฉาดใหญ่ด้วยความโกรธ...โกรธจนน้ำตาไหลออกมา การที่เขากระทำย่ำยีก็ว่าเจ็บแล้ว นี่แอบยังส่งรูปไปเยาะเย้ยผู้ชายที่เธอชอบอีก แล้วแบบนี้จะกล้าสู้หน้าปุณวิชญ์ได้ยังไงกับเรื่องน่าอับอายที่เกิดขึ้น
เขาจงใจทำให้ปุณวิชญ์ขยะแขยงเธอ!
“คนเลว! ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะกล้าทำแบบนี้ คุณตั้งใจจะทำให้ฉันกับพี่เปรมมองหน้ากันไม่ติดทั้งๆที่คุณก็รู้ว่าฉันชอบเขา!!” เธอโกรธจนหูอื้อตาลาย น้ำตาไหลอาบจนบดบังใบหน้าของคนใจร้าย
“นี่เธอแอบฟังฉันคุยกับลูกน้องหรอ”
“ถ้าไม่แอบฟังจะรู้หรอว่าคุณทำอะไรลงไป ฮึก! แล้วแบบนี้ฉันจะสู้หน้าพี่เปรมได้ยังไง อื้อๆๆ!!”
“แล้วเธอจะไปแคร์มันทำไมนักหนา ก็แค่ผู้ชายคนเดียว”
“คุณไม่เคยชอบใครไม่มีวันเข้าใจหรอก ฮือ...ที่ฉันแคร์ เพราะฉันชอบเขา!!”
ปริยภัทรรีบเบือนหน้าหนี เม้มริมฝีปากเข้าหากันท่ามกลางเสียงร้องไห้ของปิ่นมุก ดวงตาคมเข้มอ่อนลง เหม่อมองพื้น เก็บความรู้สึกบางอย่างที่พูดออกมาไม่ได้เอาไว้ในใจ เขารู้ดีว่าการแอบชอบใครสักคน แล้วเธอคนนั้นไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยมันเป็นยังไง เข้าใจความรู้สึกนี้ดี...ความรู้สึกที่เก็บมานานหลายปี
พรึ่บ!!
ร่างของปิ่นมุกทรุดอวบลง ยกมือปิดหน้า ร้องไห้สะอื้นอย่างอดสู หลังจากนี้เธอคงไม่กล้ากลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกแล้ว ไม่กล้าสู้หน้าปุณวิชญ์ ไม่กล้าสู้หน้าคนในบ้าน ไม่กล้าสู้หน้าใครทั้งนั้น
เสียงร้องไห้บาดลึกเข้าไปในใจคนฟัง ปริยภัทรปลายตามองร่างเล็กที่เอาแต่ร้องไห้จนตัวสั่น กำลังจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็ก แต่ก็ฉุดคิดขึ้นได้ว่าไม่ควรทำแบบนี้ เพราะถึงอย่างไรคนที่เธอชอบก็คือปุณวิชญ์....ไม่ใช่เขา
ร่างสูงปรับเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติ ทั้งที่ในใจอยากก้มลงไปปลอบร่างเล็ก แต่เขาไม่สามารถแสดงมันออกมาได้ จึงซ่อนความรู้สึกที่มีไว้ภายใต้ใบหน้าอันแสนเย็นชา เอื้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร
“คนที่เธอควรแคร์คือตัวเองมากกว่า เพราะยังไงสิ่งที่เสียไปก็เอากลับคืนมาไม่ได้อยู่แล้วนิ”
“เพราะใครกันล่ะ”
“ก็ถ้าเธอไม่ตามฉันมา เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นไหม ฉันเตือนไปหลายรอบแล้วแต่เธอก็ไม่ฟัง แล้วยังมีหน้ามาร้องไห้ขี้มูกโป่งเรียกร้องความสนใจจากฉันอีก ไม่เห็นเก่งเหมือนที่เคยพูดเลย”
“ฉันทำไปทำไมคุณก็น่าจะรู้ดี” เธอเงยหน้าที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนักสบตากับร่างสูง อีกฝ่ายยืนนิ่ง มองหน้าสวยด้วยสายตานิ่งเรียบ “คุณท่านเป็นคนขอร้องให้ฉันทำเรื่องพวกนี้ เพราะท่านอยากเจอคุณก่อนตาย ก่อนหน้านี้ท่านเพิ่งรู้ตัวว่าป่วยเป็นโรคร้ายและอาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ท่านแค่อยากชดใช้ในสิ่งที่เคยทำกับคุณ แต่ก็ไม่มีใครเข้าหาคุณได้สักคน แล้ววันนั้นท่านก็บังเอิญเห็นคุณมาส่งฉันที่บ้าน ฉันก็เลยต้องมาทำเรื่องพวกนี้ไง ทั้งๆที่ไม่อยากทำเลย"
“อยากให้ฉันกลับบ้าน แต่คนในบ้านไม่มีใครต้อนรับ พวกนั้นอยากให้ฉันตายด้วยซ้ำ”
“เรื่องนั้นฉันไม่รู้ค่ะ แต่ที่ฉันทำเพราะฉันแค่อยากตอบแทนคุณท่าน ไม่คิดว่า...ฮึก...จะมาเจอเรื่องแบบนี้ ฮื้อๆๆ”
“เป็นเมียฉันมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ”
“คะ...ใครเมียคุณ! ฉันไม่ใช่เมียคุณนะ อย่ามากล่าวหากันแบบนี้สิ!!”
“ถ้าไม่ใช่เมีย...แล้วเมื่อคืนเรียกว่าอะไร” ปริยภัทรคลี่ยิ้มบางๆด้วยสายตาเจ้าเล่ห์หวังกวนประสาทอีกฝ่าย และมันก็ได้ผลจริงๆ ปิ่นมุกรีบขยับร่างหนีเพราะกลัวสายตาไม่น่าไว้ใจคู่นั้น
“เมื่อคืนคุณขืนใจฉัน และฉันก็ไม่ได้สมยอมด้วย!”
“แล้วถ้าวันนี้ฉันทำให้เธอสมยอมล่ะ”
“…” ปิ่นมุกเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ดวงตาหวาดหวั่นตวัดมองร่างสูง ฉับพลันร่างกายก็ขนลุกซู่ หัวใจสูบฉีดเลือดอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นอาการตื่นตระหนก “ยะ...อย่าเข้ามานะ! ถอยออกไปนะไอ้คนชั่ว!!”
“ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเลยนะ โทษฐานที่เธอ...ตบปากฉันจนแตก”
“มันก็สมควรแล้วไม่ใช่หรอ คุณทำเรื่องชั่วๆพวกนั้นก่อน แค่นี้มันยังน้อยไป!”
“งั้นหรอ” เขายิ้มอย่างมีเลศนัย สาวเท้าเข้าไปใกล้เรื่อยๆ จนกระทั่งสายตาไปปะทะกับจานข้าวที่วางอยู่บนเก้าอี้ ปากก็บอกว่าไม่หิว แต่ทานจนหมด “ถ้างั้นฉันจะอนุญาตให้เธอตบอีกรอบ...แต่หลังงจากนั้นจะเป็นคิวของฉัน”