ตอนแรก: แด่คราบน้ำตา…

1851 Words
ร่างบอบบางยืนอยู่ด้านนอก สายฝนปรอย กำลังค่อยๆ แรงขึ้นเป็นฝนเทกระหน่ำ “ชิงเกอ” คือชื่อของเธอ แม่หวังว่าเธอจะสดใสได้เหมือนชื่อที่ตั้งให้ แต่ตอนนี้มันกลับตรงกันข้าม สายตาของเธอเจ็บปวดอย่างที่สุด มองคู่หมั้นสวมสร้อยคอราคาแพงให้แก่ผู้หญิงอื่น คนที่เขาบอกว่าคิดกับเธอแค่พี่น้อง หึ! พี่น้อง…ที่นอนร่วมเตียง พี่น้อง…ที่กอดจูบกันในที่สาธารณะ พี่น้อง…ที่เพียงเธอต้องการ… เขาก็พร้อมจะวิ่งไปหาเหมือนสุนัขเชื่องๆ เขาทิ้งเธอไว้กลางทางที่มีแต่ป่ารกร้างน่ากลัว ไม่มีบ้านคนหรือรถแล่นผ่าน เนื่องจากเป็นเส้นทางไปสุสานของพ่อแม่เธอ จึงห่างไกลอย่างมาก สาเหตุที่เขาทิ้งเธอไว้นั่นช่างน่าขัน เพราะเขาอยากไปหาผู้หญิงที่อยู่ในใจ เขาไม่ต้องการให้เธอคนนั้นไม่สบายใจ ถึงขั้นทิ้งเธอโดยไม่สนใจว่าผู้หญิงที่ต้องอยู่ลำพังท่ามกลางป่ารกร้าง ไร้ผู้คนจะเป็นอย่างไร เธอจะกลับบ้านได้ไหม? เขาไม่แม้จะเป็นห่วงเธอสักวินาที ไม่ต้องพูดถึงในฐานะคู่หมั้น แต่ฐานะเพื่อนมนุษย์เขาก็ไม่มี “ช่างดีเสียจริง! “ชีหวายอัน” นี่หรือที่นายทำกับฉัน” เธอเย้ยหยันตัวเองในใจ น้ำตาถูกกลบหายไปด้วยน้ำฝนที่ชะล้าง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอรู้ว่าเขาชอบใคร ที่ไม่เข้าใจคือทำไมเขาจึงมาขอคบกับเธอ ในเมื่อรักผู้หญิงคนนั้นมาก ทำไมไม่ทุ่มเทเพื่อให้ได้อยู่กับเธอไปเลย กลับดึงตนให้เข้ามาอยู่ในความสัมพันธ์สามเส้า ให้เธอกลายเป็นตัวตลก ถูกเพื่อนและคนรู้จักหัวเราะ ล้อเลียนว่าเส้นผมของเธอมันมีสีเขียว เยว่ชิงเกอเคยได้ยินมา... ว่าผู้หญิงคนนั้นดูถูกเขา ปฏิเสธเขา ทำให้เขาอับอายอย่างร้ายกาจต่อหน้าคนมากมาย ในช่วงมัธยมปลาย เขาได้สารภาพรักออกไป แต่ไม่สมหวัง และแล้ว…เขาจึงหันมาชอบเธอ ที่ดูใจดีกว่า ตลอดเวลาที่คบกันทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แม้จะไม่หวานชื่นนัก แต่เขาให้ความอบอุ่นดูแลเธอในฐานะแฟนหนุ่ม เขาไม่เคยบกพร่องเลย จนหลังเรียนจบพวกเราจึงหมั้นกัน เขาบอกให้เธอรอในวันที่เขาประสบความสำเร็จ เธอก็รออย่างเชื่อฟัง พยายามไม่ทำตัวงี่เง่าตอนเขาออกไปดื่มกับลูกค้า เพียงสามปี หน้าที่การงานของเขามั่นคงมาก เธอจึงถามเขาว่ามองอนาคตข้างหน้าอย่างไร ซึ่งเขาก็บอกเล่าอย่างละเอียด ทว่าเธอกลับไม่สบายใจตอนได้ฟัง เพราะอนาคตที่เขาวาดไว้ไม่มีเธออยู่ ถึงอย่างนั้นชิงเกอเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ เพราะกลัวถูกมองว่าจุกจิก เธอพยายามทำตัวให้ปกติ ยิ้มหัวเราะน่ารักสดใส แต่พอ “หลี่หยางหยาง” กลับมา นัยน์ตาเขาไม่มีเธออยู่ในนั้นอีกเลย ทั้งหมดคือหลี่หยางหยางที่ผลิบานราวดอกทิวลิป ชิงเกอเคยตัดสินใจถามเขาอย่างตรงไปตรงมาว่า… เขาคิดอย่างไรกับความสัมพันธ์นี้ระหว่างเธอกับเขา ชีหวายอันก้มหน้าไม่ยอมสบตา เลี่ยงจะตอบ เมื่อเธอเซ้าซี้ เขาเพียงบ่ายเบี่ยงว่าต้องเลือกชิงเกออย่างแน่นอน แต่ดูสิ คำพูดของเขามันสวนทางกับการกระทำทั้งหมด ตั้งแต่หลี่หยางหยางปรากฏตัว หวายอันไม่กลับบ้าน ไม่โทรหาเธอทุกวันเหมือนแต่ก่อน เพราะกำลังสนุกสนานมีความสุขกับหลี่หยางหยาง เขาบอกเธอเพียงสั้นๆ ว่าสองคนเป็นพี่น้องกัน และหลี่หยางหยางช่วยเขาคุยกับลูกค้า จนเจรจาทำสัญญาสำเร็จ ทำให้เขาได้รับเสียงชื่นชมจากคนในบริษัท เธอกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เพราะเขาไม่ได้อธิบายเรื่องความสัมพันธ์แต่กำลังบอกชิงเกอเป็นนัยๆ ว่าเธอคือคนไร้ประโยชน์ ไม่สามารถช่วยเขาให้ก้าวหน้า ในสายตาของเขามันว่างเปล่าเมื่อมองมา คล้ายว่าชิงเกอเป็นสายลมวูบหนึ่งที่ผ่านมาแล้วผ่านไป “มี” ดีกว่า “ไม่มี” อีกสองเดือนข้างหน้า จะเป็นวันแต่งงานของเรา แต่เขากลับไม่บอกเลิกเธอ ทั้งที่เขามอบตัวและใจให้คนที่รัก ตกลงเขาคิดอะไรอยู่กันแน่? “ฮึก! ทำไมยังเจ็บอยู่อีก! นี่ฉันควรทำอย่างไรดี? แม่คะ! พ่อ! ช่วยบอกฉันได้ไหม? ฉันคิดอะไรไม่ออกแล้ว” ชิงเกอมองแหวนราคาถูกบนนิ้ว ตอนนั้นเขายังไม่ร่ำรวยจึงใช้แหวนในแผงตลาดนัดใช้หมั้นเธอ รอยยิ้มคำสัญญา ที่บอกว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป มันทำให้เธอสับสนอย่างยิ่ง ทั้งอยากยุติความสัมพันธ์นี้ แต่เธอยังไม่อยากเสียเขาไปให้หลี่หยางหยางง่ายดายนัก! “....” หันขวับ! ดูเหมือนการมีอยู่ของเธอจะถูกพบเข้า หลี่หยางหยางแสยะยิ้ม มองเธอผ่านแผ่นกระจกใสในร้านอาหาร จงใจกอดเข้าซบอกชีหวายอัน ใช้ปลายนิ้วเขี่ยสะกิดเพื่อยั่วยวนเขา ยังกระซิบบางอย่างข้างใบหู จังหวะนั้นเอง ชิงเกอเห็นว่าหลี่หยางหยางใช้ริมฝีปากเล็กงับติ่งหูเขา ชีหวายอันหน้าแดงซ่าน ก่อนจะก้มลงมองคนในอ้อมกอดด้วยสายตากระหาย คราวนี้หัวใจของชิงเกอแตกสลายแล้วจริงๆ มือขวาของชีหวายอันแอบบีบขย้ำก้นของหลี่หยางหยาง เจ้าตัวกลับไม่ปัดออก ยังจงใจเอาหน้าอกที่อวบอิ่มเบียดถู เมินว่าจะถูกคนอื่นเห็น พวกเขาไม่รู้จักอายบ้างรึไง! “พี่หวายอันคะ! ฉันหนาวมาก... กอดฉันให้แน่นกว่านี้สิ” “แต่ฉันกลับร้อน ยิ่งเธอเบียดแน่นแบบนี้” ทุกการกระทำของคู่ชายหญิงไม่สนใจสายตาคนทั้งร้าน พวกเขาแสดงความรักความใคร่อย่างโจ่งแจ้ง ชิงเกอร้องไห้หนัก หัวใจของเธอถูกพวกเขาฉีกกระชากเธอทนมองไม่ไหวอีกต่อไป! “ชีหวายอันนายคือขยะ! ฉันไม่เอานายแล้ว!” เยว่ชิงเกอไม่สามารถยืนดูต่อไปได้อีก เธอหันหลังเดินฝ่าฝนกลับบ้านด้วยสองเท้าเปล่า เพราะเธอต้องเดินหลายสิบกิโลเพื่อหารถกลับเข้าเมือง รองเท้าคู่นั้นจึงพัง เธอไม่ได้ซื้อคู่ใหม่ เพราะต้องรีบขึ้นรถไฟกลับมา หากช้าจะไม่ทันรถเที่ยวสุดท้าย เธอก้มหน้าลงเมื่อถูกคนมากมายจ้องมองกับการไม่สวมรองเท้าในที่สาธารณะ ยังมีรอยบวมแดงและพอง แต่สายตาคนพวกนั้น… ไม่อาจเทียบกับความเจ็บที่อยู่ในหัวใจ สิ่งที่เธอคิดไม่ใช่วิ่งกลับบ้าน ไม่ใช่ร้านรองเท้า ไม่ได้ไปหาหมอเพื่อทำแผล แต่อยากตามมาดูว่าที่เขาบอกหลี่หยางหยางไม่สบายจนทิ้งเธอไว้แท้จริงคืออะไร ตอนนี้เธอเห็นชัดแล้ว เขาก็แค่คิดถึงชู้รัก ไม่อยากอยู่ห่างจากเธอสักวินาทีเดียว ชิงเกอเดินสะเปะสะปะ ร่างกายของเธออ่อนล้าและเหน็ดเหนื่อย ความจริง เธอมักได้รับข้อความท้าทายจากหลี่หยางหยาง แต่เธอเลือกปล่อยผ่าน ตราบใดที่ชีหวายอันยังไม่ยกเลิกการแต่งงาน แสดงว่าในใจเขาเธอนั้นสำคัญ ทว่าวันนี้เขาทิ้งเธอไว้ แล้วในอนาคตล่ะ? เมื่อเธอกลายเป็นแม่บ้านเต็มเวลาที่ต้องพึ่งพาเขา ชีวิตที่เคยสดใสของเธอจะเป็นอย่างไร มืดมนแค่ไหน ไม่อยากคิด... จู่ๆ คำพูดของแม่กลับดังขึ้นมา “ชิงเกอของแม่ ลูกต้องจำไว้ว่านี่คือชีวิตที่แม่มอบให้ลูก จงอย่าได้ทำลายมันเพราะใคร และต้องไม่เสียเวลาที่จะไล่ตามความสุข ยิ่งถ้าคนนั้นเป็นคนเลวอย่าเสียดายเขาเด็ดขาด! ลูกทำให้แม่ได้ไหม” ในตอนนั้นชิงเกอไม่เข้าใจ แต่เธอรับปากแม่อย่างดี ถ้าไม่เพราะความรักอันเปี่ยมล้นที่แม่มอบให้เธอ บางที เธออาจคิดสั้นเพราะอยากหนีความเจ็บปวด “แม่คะหนูเจ็บจังเลย! แม่ช่วยมากอดหนูหน่อยได้ไหมฮื่อๆ” ดังเรือน้อยที่ถูกพายุซัดใส่จนแทบแตกสลาย โหยหาใครสักคนที่พอจะยื่นมือมา ดวงตาของเธอหรี่แคบลง สติเริ่มเลือนรางทุกขณะ ดูเหมือนใกล้จะดับลง แต่เพราะแรงดึงที่ไม่เบาไม่แรง มาพร้อมกับแตรรถเสียงดังทำให้เธอสะด้งตื่นขึ้นมาจากภวังค์อีกครั้ง ปรี๊นๆๆๆ!!!!!!!!!!!! “บ้าเอ๊ย! เดินหัดมองทางซะบ้าง! แกอยู่บนถนนนะไม่ใช่ทางเท้า!” เจ้าของรถมองตาขวางสบถด่าอย่างหัวเสีย ชิงเกอมองเห็นหน้าเขาไม่ชัด เพราะม่านน้ำตากับม่านฝน ทว่าก่อนเขาจะพูดอะไรอีก ร่างกายที่พังทลายของเธอกลับล้มลง “เฮ้! เธอเป็นอะไรมั้ย!” เสียงนั้นเป็นประโยคสุดท้ายที่เธอได้ยิน ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในโรงพยาบาล แสงสว่างจ้าจากหลอดไฟ ทำให้เธอลืมตาขึ้นได้ยากลำบากมาก กว่าจะปรับการมองเห็นได้ก็ต้องพยายามครู่หนึ่ง แต่สิ่งแรกที่เธอเห็นกลับไม่ใช่พยาบาล หากแต่เป็นเด็กผู้ชายตัวเปียกจนหมาดคนหนึ่ง สภาพของเขามอมแมมเล็กน้อย “เธอเป็นใคร?” “ฟังพูดเข้า ผมคือผู้มีพระคุณของพี่ไง! ตอนนั้นพี่สาวเกือบถูกรถชนแล้ว เป็นผมที่ดึงเธอไว้” ชิงเกอหลับตาลงครุ่นคิด เธอพอจำได้เลือนรางว่ามีคนดึงเธอออกจากข้างถนนจริง รถคันนั้นถึงได้ไม่ชนเธอ “ขอบคุณเธอมาก แล้วจะให้ฉันตอบแทนเธออย่างไร ไว้รอฉันหายดีจะต้องทำแน่” “เกรงว่าชาตินี้พี่จะตอบแทนฉันไม่หมด ไม่เพียงดึงพี่ออกจากอุบัติเหตุ แต่ยังต้องโบกรถ แบกพี่มาส่งโรงพยาบาล แต่ฉันเป็นแค่เด็กแปดขวบคนหนึ่ง ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาให้หรอก ยังดีที่ไม่ต้องจ่ายค่ารถ” มองเขาพูดทำหน้ามุ่ย ชิงเกอกลับหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างน้อยในโลกนี้ก็มีคนที่ไม่มองว่าชีวิตเธอไร้ค่า เธอรู้สึกว่าแท้จริงโลกนี้ไม่ได้ใจร้ายกับเธอเท่าไร แต่เป็นคนต่างหากที่ทำร้ายเธอ สลัดความคิดเกี่ยวกับชีหวายอันทิ้ง จึงหันมาสำรวจเขาอย่างจริงจัง มองเสื้อผ้าที่ยังไม่ถูกเปลี่ยนของเด็กคนนี้ กับชุดคนไข้ของตนที่ใหม่และสะอาด ชิงเกอรู้สึกละอายใจเหลือเกิน “น้องชาย เธอเป็นห่วงฉันขนาดนี้ ไม่แม้จะกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยหรือ พ่อแม่เธอรู้ไหม พวกเขาอาจเป็นห่วง” เขาก้มหน้าลง มือสองข้างบนตักกำแน่น เธอสังเกตว่าขอบตาเขาแดงคล้ายกำลังข่มกลั้นไม่ให้ร้องไห้ จึงขยับตัวลุกขึ้น เอื้อมมือดึงเขาให้ขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ “เด็กดี... เกิดอะไรขึ้นกับเธอ บอกพี่สาวได้ไหม เราจะได้แก้ไขถูก”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD