เอี๊ยด!!
“น้องปลานิลคนโปรดของคุณท่านอย่างนั้นเหรอ...เอ่อ! เดี๋ยวได้เห็นดีกัน”
เมื่อเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดไม่คาดฝันเกิดขึ้นข้างถนนระหว่างปรารถนากับพุฒิภัทร
ด้วยความอยากเอาชนะคนปากดีเขาจึงเผลอจะใช้วิธีจูบกระชากวิญญาณเป็นการสั่งสอนเด็กดื้อ แต่พอเจ้าสาวกระทดตัวหนีออกนอกรถด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดหัวใจ ชายหนุ่มไม่ใช่ยักษ์ใช่มารที่ไหน เขาเองก็รู้สึกผิดและตกใจเช่นกันที่อารมณ์ชั่ววูบบุ่มบ่ามทำอะไรโง่ๆ กับเธอโดยไม่ทันคิด
พุฒิภัทรหมายจะขับรถไปคืนให้เจ้าของและขอโทษกับการกระทำอันชั่วร้ายที่เกิดขึ้น แต่เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าน้องปลาอะไรนั้นอาศัยอยู่ตรงส่วนไหนของกรุงเทพฯ
คอนโดมิเนียมของพ่อที่ซื้อแจกเด็กสาวอยู่มีเป็นสิบๆ หลังจะไปตามตัวอย่างไรพบ
และคนที่น่าจะให้ข้อมูลได้ดีที่สุดก็ไม่พ้นไอ้ปฐม แต่มันดันพูดจากวนตีนว่า “ห้ามยุ่งกับน้องปลานิล เพราะเธอคือผู้หญิงที่ท่านพุฒิพงศ์ เอ็นดูและโปรดปรานที่สุด ราวกับลูกแท้ๆ” อันนี้พุฒิภัทรคิดเองเออเองปฐมไม่ได้อวย
เพราะว่า รถหรูที่ปลานิลขับราคาเป็นล้าน
“ตัวแสบ! อย่าให้ฉันเจอนะ” คนขี้โมโหนั่งบ่นพึมพำอยู่คนเดียวแล้วสายตาก็ดันเผลอไปมองที่คอนโซลหน้ารถ
ภายในนั้นคงมีข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อย
กองใบเสร็จค่าน้ำมัน บิลค่าเทอม และสลิปเงินเดือน และกระดาษรายชื่ออะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ
“หึ! เงินเดือนแค่นั้นจะไปพอใช้อะไรวะ ทำงานพาร์ทไทม์บังหน้าแน่ๆ” ชายหนุ่มนั่งดูตัวเลขไม่กี่พันในสลิปเงินเดือนพนักงานพาร์ทไทม์ชงเหล้า
ที่ยัยเด็กปลาเน่านั่นเลือกโรงแรมหรูขนาดนั้นเพราะหวังจะจับลูกค้ารวยๆ สักคนเป็นผะ....
“ทำไมคุณภัทรถึงได้ขับรถน้องนิลกลับมาล่ะคะ” เสียงหวานร้องถามในขณะที่พุฒิภัทรโกยเอกสารในรถปลานิลมานั่งดูบนโต๊ะทานข้าว
พอคุณท่านอาหารและทานยาเรียบร้อยแล้วก็เข้าห้องพักผ่อน คุณหมอสาวสวยจึงได้พักผ่อนตามอัธยาศัย
“รถพ่อผมต่างหาก” ชายหนุ่มตอบเสียงนิ่งทั้งที่ไม่หันมองหน้า เขาไม่อยากเสวนากับพิมสุดาเท่าไรนัก
“ค่าา...หิวรึเปล่าให้พิมหาอะไรให้ทานไหม” หญิงสาวตอบอย่างประชดประชันแล้วเดินไปเปิดดูของสดในตู้เย็น
พิมสุดาวางตัวว่าตนสนิทกับพุฒิภัทรมาก
และเธอก็วางตัวคุ้นเคยรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนในบ้านดีไปหมดทุกอย่างเหมือนเป็นเจ้าของ
“ไม่ต้อง!”
“แต่คุณภัทรยังไม่ทานอะไรเลยนะคะ” หญิงสาวยังคงคะยั้นคะยอ เธอยินดีดูแลคุณผู้ชายบ้านนี้ทั้งพ่อและลูกชาย
“เอาเวลาของคุณไปดูแลพ่อผมเถอะ เรื่องของผม คุณไม่ต้องยุ่ง!” พุฒิภัทรเน้นหนักที่ประโยคสุดท้ายก่อนจะรวบเอกสารกองพะเนินเพื่อจะเดินหนีพิมสุดาแต่ทว่า!!
ตุบ!
“คุณท่านหลับไปแล้วค่ะ ตอนนี้พิมมีเวลาว่างพอดี พิมดูแลคุณได้นะคะ...คุณภัทร” หญิงสาวเข้ามายืนในระยะประชิดจนชายหนุ่มเผลอชนเธอโดยมิตั้งใจ แต่ใช่ว่าเจ้าสาวจะหลบทางให้เขาเดิน
พิมสุดายังคงแทรกกายเข้ามาใกล้จนหายใจรดกันและช้อนสายตามองหน้าในเชิงสื่อความหมาย
“หมออายุรกรรมอย่างเธอคงดูแลคนแก่ๆ เก่งสินะ”
“คนหนุ่มๆ พิมก็เก่งเหมือนกันนะคะ ถ้าคุณภัทรไม่เชื่อจะลองดูไหม”
“ลอง!? ยังไงห๊ะ!?” พุฒิภัทรแสดงสีหน้าสนใจข้อเสนอ เขาอยากรู้จังว่าพิมสุดาจะมาไม้ไหน
และเธอมีไม้เด็ดอะไรมัดใจพ่อของเขา
ปัง!!
“กลับมาแล้วเหรอ”
ก่อนที่อะไรๆ จะเกินเลยไปเกินกว่านี้ ชายชราที่สุดของบ้านตื่นขึ้นมาพอดีและเดินออกมาจากห้อง
อดีตส.ส.พุฒิพงศ์เห็นลูกชายตัวดียืนสนทนากับคุณหมอประตัวในระยะประชิดจึงร้องทัก
“คุณท่าน!!”
“พิม! ฉันหิวน้ำ”
“พิมกำลังจะเอาขึ้นไปเติมให้พอดีเลยค่ะ พิมขอตัวนะคะคุณภัทร” หญิงสาวค้อมหัวลาพุฒิภัทรในท่าทางสุภาพก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไปยังห้องของคนเป็นพ่อ
แต่ก่อนที่เธอจะปิดประตูยังส่งสายตาหวานเชื่อมหยาดเยิ้มกับรอยยิ้มหยดย้อยมาให้
“หึ! เผยธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ”
พรึ่บ!
เรื่องของปลานิลที่ทำให้พุฒิภัทรหงุดหงิดนั้นพลันสลายหายไปในบัดดล
ชายหนุ่มหายโมโหกลับกลายเป็นอารมณ์ดีแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยในทันควัน
เขาจึงแสดงน้ำใจเป็นการไถ่โทษด้วยการเก็บเอาเศษกระดาษทุกอย่างที่อยู่รถน้องปลานิลคนโปรดของพ่อทิ้งลงถังขยะให้...ซะเลย
.
.
.
“คุณหนูปลาเน่า! ทำไมวันนี้นั่งรถเมล์มาคะ”
“สงสัยเหมือนเราเลยภีม เนี้ย!? ตอนเจอบนรถเมล์ก็ตกใจเหมือนกัน”
“...”
ก็อีแค่นั่งรถเมล์มาเรียนไม่เห็นจะเป็นเรื่องผิดแปลกอะไรแต่เพื่อนๆ กลับแซวกันสนุกปากกันเลยทีเดียว
สภาพอากาศที่ร้อน การจราจรติดขัดก็ทำเอาปลานิลเพลียได้ตั้งแต่หัววันเพราะไม่คุ้นชิน
“ปลานิล! รายชื่อบริษัทที่รับนักศึกษาฝึกงานล่ะ”
“อ้อ! อยู่ในรถ”
“วันนี้เดดไลน์นะ ตกลงพวกเราจะสมัครที่บริษัทไหน”
“ห๊ะ! วันนี้เหรอ”
อืม!!
เนื่องจากรายชื่อบริษัทที่ทางมหาลัยแนะนำมาให้ไม่ได้รับเด็กฝึกงานตรงสาขาที่ปลานิลและขิมเรียน พวกเธอจึงออกล่ารายชื่อบริษัทอื่นๆ ที่ยินดีรับนักศึกษาฝึกงานตามสาขาวิชาตกแต่งและออกแบบภายในกันเอง
แต่ปัญหามันติดอยู่ที่ว่ารายชื่อบริษัทพวกนั้นต้องส่งให้อาจารย์พิจารณาและอนุมัติเสียก่อนจึงจะสามารถออกใบขออนุญาตฝึกงานกับบริษัทนั้นๆ ได้
“มีปัญหาอะไรเหรอปลานิล” ขิมเห็นหน้าเพื่อนสาวซีดเผือดลงได้ชัด อย่าบอกนะว่า....
“งั้นเดี๋ยวเรานั่งแท็กซี่กลับไปเอารถก่อนนะขิม แล้วเจอกัน”
“นิลไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”
“บ๊า!! ไม่มี๊!!” น้ำเสียงที่ปลานิลปฏิเสธขิมจะสูงไปไหน
ท่าทางเลิ่กลั่กมือไม้สั่นนั้นก็ดูไม่ออกเลยว่ามีปัญหา
ปลานิลรีบปลีกตัวออกมาจากมหาลัยเพื่อหาทางกลับไปเอารถ
แม้จะยังไม่รู้ด้วยว่าจะตามทั้งตัวคนและตัวรถได้จากที่ไหน แต่เรื่องนี้มันคือความเป็นความตายของอนาคต เต็มที่ก็แค่โทรฟ้องพ่อเขาว่าเธอโดนรังแกยังไงบ้างเมื่อคืนนี้
“เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน”