ณ สถานีตำรวจ
“ก็บอกแล้วไงว่าผมยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย”
“คุณทั้งกอด ทะ ทั้ง....”
“ทั้งอะไร เล่าให้คุณตำรวจเขาฟัง...หึ่ม!?” ใบหน้าอ่อนล้า ดวงตาแดงก่ำตามแบบคนเมาเวลายิ้มช่างกวนบาทา
คู่กรณีของปลานิลช่างยียวนกวนประสาทจนเธออยากฟาดหน้าเขาอีกสักที
“ไอ้คนลามก โรคจิต วิตถาร”
“คุณเป็นฝ่ายเข้ามาหาผมในรถเองนะ กล้องวงจรปิดก็มีเป็นหลักฐาน ผมยังไม่ทำอะไรทั้งนั้น มีแต่คุณที่ทำร้ายร่างกายผม”
ภาพกล้องวงจรปิดบริเวณลานจอดรถบันทึกไว้ได้และเป็นตามจริงอย่างที่ชายคนนั้นว่า
แต่ทว่า..!! มันกลับไม่เห็นตอนที่ปลานิลถูกดึงแขนแล้วล้มฟุบซุกหน้าชายคนนั้น
หลักฐานเดียวว่ามีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นก็คือริ้วมือแดงๆ บนแก้ม
คลิปวิดีโอที่ตำรวจหาได้จากบริเวณนั้นฉายชัดเจนว่าเธอเป็นฝ่ายกระโดดเข้าไปในรถจนกระทั่งกระทดตัวออกมาตบหน้าชายร่างยักษ์
ส่วนคนเมาก็ไม่คิดจะยอมแพ้แน่ๆ เขาจึงหมายจะจับตัวหญิงที่ทำร้ายเขาเพื่อสั่งสอน จึงเกิดการยื้อยุดฉุดกระชาก
โชคดีที่คุณตำรวจสายตรวจผ่านมาเจอหญิงสาวร้องโวยวายขอให้ความช่วยเหลือพอดี
ทั้งสองจึงต้องมาไกล่เกลี่ย เคลียร์กันที่สน.
“คุณอายุเท่าไร ทำงานอะไร ขอดูเอกสารด้วยครับ”
“31 ปี เป็นหมอ”
“สภาพนี้อะนะหมอ? หมอดูมากกว่ามั้ง” ปลานิลค่อนขอดในใจกับคู่กรณี
หน้าดำ ผิวคล้ำ หนวดยาวรุงรัง เหมาะเลยถ้าเป็นหมอผี มากกว่าหมอดู
“แล้วคุณล่ะครับ อายุเท่าไร ดึกป่านนี้ออกมาทำอะไรมืดๆ ในลานจอดรถ”
“หนูทำงานที่นั่นค่ะ”
“เอ่อ! ก็ตกลงราคากันที่ห้าพันทำเป็นจำไม่ได้”
“นี้คุณ!!”
สายตาคู่กรณีและตำรวจจ้องมองมาที่ปลานิล
ทำงานที่ว่าคือบาร์เทนดี้ชงเครื่องดื่มหน้าบาร์ไม่ใช่หญิงค้าบริการ
แต่ตอนนี้ทุกคนบนสน.ดูถูกดูแคลนเธอไปแล้วด้วยคำพูดนั้น
“ดิฉันขอแจ้งความข้อหาสบประมาทเพิ่มด้วย”
“แต่คุณจะได้รับโทษเนื่องจากผิดกฎหมายการค้าประเวณีนะครับ”
“คุณตำรวจ! ดิฉันไม่ใช่!!”
เรื่องราวกลับตาลปัตรเมื่อปลานิลผู้เสียหายกลายเป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะค้าประเวณี
เพราะเหตุการณ์ สถานการณ์ คำให้ปากคำจากชายที่อ้างตัวว่าเป็นหมอปรามาสเธอ
เมื่อปลานิลเห็นว่าเรื่องมันชักจะวุ่นวายไปใหญ่ สุดท้ายจึงตัดสินใจโทรหาคนช่วย และคนคนนั้นก็ไม่พ้น....
“ไอ้กลม!”
“คุณภัทร!”
“ห้ะ!! คะ คุณ...พะ ภัทร”
พี่ปฐมคนที่ปลานิลโทรไปขอความช่วยเหลือกลางดึกกลับรู้จักกับคู่กรณีของเธอเป็นอย่างดี
หญิงสาวจึงนั่งหน้าเจื่อน ถอดสี และได้แต่หลบสายตาลูกชายของผู้มีพระคุณ ทั้งตบหน้าเขาและแจ้งความด้วย แต่ก็สมควรแหละเพราะเขามาล่วงเกินเธอก่อน ทั้งทางร่างกายและคำพูด
ตัวเองเข้าใจผิดไม่พอ ยังพูดชี้นำให้ตำรวจทั้งสน.ดูถูกว่าเธอเป็นโสเภณี
“ลงมาเมื่อไรครับ”
“เมื่อเช้า...ก็เพราะข่าวนั่นแหละ”
“อ้อ! คุณท่านปลอดภัยดีแล้วครับตอนนี้”
“เอ่อ! วันนี้ไปที่โรงพยาบาลมา รู้แล้ว”
“อ้าว! แล้วทำไมไม่เข้าไปเยี่ยมในห้องครับ”
เฮอะ!!
ตั้งแต่ออกมาจากสน. ปลานิลก็นั่งก้มหน้าบีบมือชื้นเหงื่อฟังคำสนทนาระหว่างลูกชายผู้มีพระคุณกับพี่ปฐม
คืนนี้ความลับเธอทั้งหมดแตกโพละก็เพราะเขา
เรื่องไม่ได้กลับเข้าไปเรียนคาบบ่าย เรื่องแอบมาทำงานพิเศษที่คลับเฮ้าส์ และดันมีเรื่องกับคุณพุฒิภัทรเพราะเธอจำหน้าเขาไม่ได้
“นี้เด็กของพ่อฉันสินะ”
เอ่อ....
ปฐมอึกอักน้ำท่วมปากที่จะต้องพูด
เรื่องละเอียดอ่อน ส่วนตัว และมีผลกับทุกคนที่กล่าวถึง แต่ก็จะตอบแบบบัวไม่ให้ช้ำ
“คุณปลานิลเธอรับทุนจากท่านพุฒิพงศ์ครับ”
“รวมถึงรถบีเอ็มคันนั้นด้วยใช่ไหม”
คร้าบ...
เพียงเท่านี้ก็มากพอให้เขาเข้าใจอะไรๆ ได้ชัดเจนขึ้น
ภาพพจน์อันดีงามที่ใครๆ ก็มองอดีตส.ส.ว่าช่างเป็นคนใจดีมีเมตตา เบื้องหลังก็คือคนแก่บ้าตัณหาที่มักนิยมเลี้ยงดูเด็กสาว ขาวๆ สวยๆ เอาไว้กิน
“ทุนการศึกษาที่ไหนวะ ให้ทั้งเงินเดือน รถและก็คอนโด”
“แต่คุณปลานิลเธอไม่ใช่แบบนั้นนะครับคุณภัทร”
“ไม่ใช่แบบนั้นแล้วแบบไหน อย่าบอกว่าจะ...”
“อะไรคะ! คุณภัทรจะพูดอะไรคะ!” เด็กสาวทนฟังคำถากถางตัวเองไม่ไหวจึงได้พูดขึ้น
เธอไม่สนหลอกนะว่าเขาจะเป็นลูกของคนที่มีพระคุณ เพราะพ่อของเขาแท้ๆ ยังไม่เคยพูดจาดูถูกเธอสักครั้ง มีแต่ความรักความห่วงใย
“ก็พวกเอาตัวเข้าแลกกับความสบาย”
คุณภัทร!!
ไม่เคยมีใครด่าเธอได้เจ็บแสบรุนแรงเท่าชายคนนี้เลยจริงๆ
เหตุใดนะคนที่ไม่เคยรู้จักกันจึงดูถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเธอจนไม่มีชิ้นดี
พ่อเขาก็ดูเป็นคนดี แต่ทำไมลูกชายจึงเป็นลูกไม้ตกไกลต้นเป็นกิโล
“คุณภัทรกลับเถอะครับคุณเมามากแล้ว,คุณนิลรีบกลับบ้านนะครับ แล้วก็! ขับรถดีๆ นะ”
“หวังว่าฉันคงไม่เจอยัยนี้ที่บ้านนะ ใครก็อย่ามาแทนที่แม่”
“โอ๊ย! ไปกันใหญ่แล้ว...”
อ่า...
หญิงสาวยืนอ้าปากค้างกับคำสบประมาทที่พุฒิภัทรพูดถึงตน
ใครจะไปเจอหน้าเขาที่บ้านอีกเล่า แล้วใครที่ไหนจะไปแทนที่แม่ ทำไมชายคนนี้จึงมีทีท่าจงเกลียดจงชังเธอตั้งแต่รู้ว่าเธอคือเด็กในอุปการะของพ่อเขา
20 นาทีต่อมา
“มึงจะพากูไปไหนวะไอ้กลม!” ระหว่างทางที่ปฐมกำลังขับรถพาลูกชายอดีตส.ส.กลับบ้าน
บ้านใหญ่ชานเมืองราวกับวังขนาดย่อมๆ
“กูไม่กลับ”
“แล้วคุณภัทรจะไปไหนครับ”
“คอนโด”
“อ๋อ!...เฮ้ย! ไม่นะครับ ไปที่นั่นไม่ได้”