คณะมัณฑนศิลป์
“ปลาเน่า! งานที่จะส่งอาจารย์ธงชัยสุดสัปดาห์นี้แกทำเสร็จยัง”
“ภีม! ปลาขึ้นโครงไว้แล้วแต่ยังไม่ได้เก็บรายละเอียดงานเลย”
“อ้าว!! เหลือเวลาอีกแค่สามวันเองนะแกจะทำเสร็จไหมเนี้ย”
“ก็ปั่นอยู่เนี้ยไงเล่า!!” สายงานที่ใฝ่ฝันและตั้งใจต่อให้ยากเย็นเท่าไรก็ไม่เคยย่อท้อกับมัน
นางสาวปรารถนานอกจะทำงานพิเศษช่วงหลังเลิกเรียนแล้ว เธอยังเป็นนิสิตนักศึกษาที่ลงเรียนสาขาวิชาตกแต่งภายใน ณ มหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังและยอมรับในสังคมไทย และนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสาขาวิชาที่ได้ชื่อมหาโหดแห่งความยาก ถ้าใจไม่รักและไม่มุ่งมั่นกับมันจริงๆ คงถอดใจทิ้งด้านนี้ไปแล้ว
แม้สาขาวิชาที่ปลานิลเลือกเรียนจะยากแสนยากเพียงเธอก็ไม่เคยถอดใจ และยังโชคดีมีเพื่อนสนิทมากมายคอยซัพพอร์ตให้ในยามอับโชคเช่นครั้งนี้
“ปลา! ฉันว่าโครงตึกมันเบี้ยวๆ นะ”
“ไหน? ไม่เห็นจะเบี้ยวเลย ภีมก็!”
“เฮ้ย! มันเบี้ยวจริงๆ นะ” ขั้นพื้นฐานของการออกแบบคือการเข้าใจโครงสร้างของตึก รวมไปถึงระบบการวางระบบท่อประปา และอื่นๆ ปลีกย่อย
แต่ถ้าลายพิมพ์เขียวมันเบี้ยวตั้งแต่โครง ส่วนของสาธารณูปโภคอื่นๆ ก็ต้องเอียงตามไปด้วย
ถ้าปลานิลลอกแบบหอเอนปิซ่าก็คงจะดีแต่นี้ไม่ใช่ “แล้วเราต้องแก้ยังไงภีม” เจ้าของพิมพ์เขียวได้แต่นิ่วหน้า
เหลือเวลาสามวันถ้าต้องลอกแบบใหม่แล้วมานั่งใส่รายละเอียดทั้งหมดคงไม่ทันเป็นแน่
“ถ้าเป็นฉันนะปลา ฉันจะลบทิ้งแล้วทำใหม่”
“มันไม่ทันแล้วป้ะ”
“ขืนแกส่งอาจารย์แบบเอียงๆ แกก็ติดเอฟอยู่ดีเปล่าวะ”
“เวรกรรมอะไรของฉันกันนะเนี้ย...โอ๊ย!!” ปลานิลนั่งโอดครวญด้วยเสียงเศร้า
เจ้าของชิ้นงานไม่รู้เลยว่าวัดองศาตรงไหนพลาด แบบพิมพ์เขียวจึงเบี้ยวได้ขนาดนี้
“ขิม! ช่วยเพื่อนเราหน่อยได้ไหม” ภีมตะโกนเรียกอีกคนที่กำลังเดินผ่าน ส่วนตัวหญิงสาวที่ถูกทักจึงเดินมาหาที่โต๊ะ
“ภีม! ไปขอให้เขามาช่วยได้ไง เราไม่รู้จักเขาสักหน่อยนะ”
“มีแต่แกที่ไม่รู้จัก นั้นขิม! เด็กท็อปคะแนนอันดับหนึ่งของคณะ โคตรเก่งเรื่องเขียนแบบเลยนะเว้ย!” นิสัยสนใจเรื่องชาวบ้านต้องยกให้นางภีม
ถ้าใครอยากรู้อะไรมาเซิร์ชที่ภีมได้เลยไม่ต้องพึ่งอากู๋
“เกินไปแล้วภีม เราไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก” เจ้าตัวได้ยินคำอวยยศสรรเสริญ เธอยิ้มอ่อนพร้อมกับดึงแปลนงานของปลานิลมาช่วยตรวจดูหาข้อบกพร่อง
“นี่ไง! แกนตึกมันเบี้ยว” เพียงไม่กี่วินาทีขิมก็ชี้มือไปที่ฐานรากของตึกในรูป
“ไม่น่าจะเบี้ยวนะขิม” แต่ทว่าเจ้าของชิ้นงานพูดแย้งขึ้น
ปลานิลมั่นใจว่าลอกแบบมาจากต้นฉบับเป๊ะทุกองศา จะเอาตรงไหนไปเบี้ยว
“เราแนะนำให้ลบเส้นนี้ดูแล้วลองทำใหม่ แค่นี้แหละที่เหลือก็แค่ใส่ดีเทลเข้าไปไม่ต้องลบทำใหม่ทั้งหมด” คำแนะนำจากเพื่อนร่วมสถาบันจบลงที่โต๊ะของปลานิลและภีม
เมื่อขิมพูดจบแล้วเจ้าตัวก็กลับนั่งที่โต๊ะของตัวเองและเพื่อนสาวแสนสนิทของเธอ
“ขิม!”
ห๊ะ!?
“ขอบคุณมากๆ เลยนะ”
“ยินดีจ้ะ^^”
และแล้วจากวันนั้นกลุ่มก้อนเด็กอาร์ตปีหนึ่งก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกรวมเป็นห้าชีวิต ประกอบไปด้วย
ปลานิลและขิม สาขาวิชาตกแต่งภายใน
ภีม สาขาออกแบบเครื่องประดับ
นินิว สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์
และชายหนุ่มเพียงคนเดียว ชื่อไทม์ สาขาประยุกตศิลป์ศึกษา ทั้งห้าเป็นเพื่อนรักที่เคมีลงตัวเข้ากันและช่วยกันในยามจำเป็นไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือเรื่องส่วนตัว
“เดี๋ยวนี้ฉันไม่ใช่เพื่อนสนิทของเธอแล้วมั้งปลา” เสียงแว้ดดังขึ้นจากด้านหลัง ภีมตะโกนแซวเพื่อนรักเพราะตั้งแต่วันนั้นปลานิลและขิมก็ตัวติดกันราวกับปาท่องโก๋
“หัวล้านรึไง ขี้น้อยใจไปได้” เจ้าตัวหันมาแซวภีมเล่น ใครจะมาสนิทเกินเพื่อนที่คบหามาตั้งแต่ประถมได้
“โอ๊ยเซ็ง! สร้อยทับทิมที่ฉันออกแบบส่งอาจารย์ยังได้เกรดเอ แต่พ่อฉันบอกว่าเอฟก็ยังมากเกินไป”
“ถ้าปลาเรียนออกแบบเครื่องประดับอย่างภีมก็คงพอช่วยอะไรได้บ้าง...โทษทีนะภีม” คนไม่มีพ่อแม่ได้แต่อิจฉาเพื่อนสนิทอย่างภีมกลายๆ
เธอไม่มีใครให้บ่น ให้ว่า ให้สร้างแรงกดดันเหมือนอย่างเพื่อนสนิทเช่นเธอ
“เอาน่า...!! ไม่ต้องเครียดไปหรอกนะภีม ก็พ่อเขาคาดหวังว่าภีมจะรับช่วงธุรกิจที่บ้านต่อได้ เขาก็อาจจะพูดเพื่อให้ภีมพัฒนาตัวเองขึ้น”
“ขิม! ฉันอยากมีแม่ใจดีแบบขิมบ้างจัง โคตรอิจฉาแกเลยวะจริงๆ”
ภีม!!!
คนที่ถูกพูดถึงร้องเตือนสติภีมเสียงดัง
เพราะคนที่น่าอิจฉาที่สุดในทั้งสามคนน่าจะเป็นคนพูดมากกว่า เพราะภีมคือลูกคุณหนูทายาทธุรกิจเมืองเพชรพลอยแห่งจังหวัดจันทบุรี
ส่วนขิมก็แค่ลูกแม่ค้าอาหารตามสั่งย่านชานเมือง กับปลานิลเด็กกำพร้าที่ท่านส.ส.พุฒิพงศ์รับเธอมาดูแล
“คืนนี้ไปทำงานที่บ้านเราไหมภีม,ปลา” แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะยังไม่สำนึก ขิมจึงเปลี่ยนเรื่อง
“ไปๆ เราอยากกินข้าวหมูกระเทียมฝีมือแม่ขิม” คุณหนูเมืองจันพูดขึ้น
“พอดีวันนี้เราไม่สะดวกอะทุกคน” ปลานิลก็พูดขึ้น
“อะไรนางปลาเน่า? วันนี้แกไม่ต้องไปทำงานพิเศษนะฉันจำได้” สายตากดดันจ้องจับผิดของภีมมองมาที่ปลานิล เธอรู้สึกประหม่าที่เพื่อนสนิทใช้สีหน้าคาดคั้นจะเอาความลับจากตัวเอง
“บอกไม่ได้ ความลับ!?”