ณ ห้องอาหารบนโรงแรมH ชั้น 30
“คุณปรารถนาใช่ไหมคะ”
“ค่ะ!”
“เชิญด้านนี้เลยค่ะ”
เด็กสาวในชุดเดรสสีขาวยาวคลุมเข่ารวบผมหางม้าหลวมๆ และแต่งหน้าอ่อนๆ พอให้สมวัย
เธอเดินตามบริกรสาวไปเรื่อยๆ จนถึงมุมพิเศษมุมหนึ่งที่มีไว้เพื่อรับรองเฉพาะแขกวีไอพีเท่านั้น
มุมที่ดีที่สุดบนตึกสูงระฟ้าใจกลางกรุงเทพมหานคร มองเห็นสะพานแขวนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาประดับประดาด้วยแสงไฟสีส้มจากหน้ารถขณะวิ่งสัญจรสวนกันไปมาทอดเป็นทางยาวตลอดสองฝั่งข้างทาง
เธอหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้บุนวมสีเข้ม บนโต๊ะพร้อมแล้วด้วยอาหารออเดิร์ฟเบาๆ เพื่อเรียกน้ำย่อย
สลัดผักจานน้อยๆ กับอะไรสักอย่างหนึ่งเป็นเครื่องเคียง
ดินเนอร์หรูในภัตตาคารบนตึกสูงที่เธอพอมีประสบการณ์แบบนี้อยู่บ้างเป็นครั้งคราว
“คุณท่านล่ะคะ”
“คุณท่านฝากแจ้งว่ากำลังมาค่ะ รถติดอาจจะล่าช้าสักนิดหนึ่ง ท่านยังฝากบอกอีกว่าให้คุณปรารถนาทานก่อนได้เลย” บริกรสาวกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงและท่าทางสุภาพเรียบร้อยขณะสนทนา
มารยาทพนักงานโรงแรมหรูก็ต้องขนาดนี้สินะ
สมแล้วกับสถานที่อันดีเยี่ยมก็ต้องแลกมาด้วยบริการที่ดีเลิศแต่ถึงกระนั้นคนอายุน้อยกว่าก็คอมศีรษะรับทุกครั้งที่สนทนาด้วย
“เดี๋ยวอีกสักครู่ อาหารจากหลักจะทยอยออกมาเรื่อยๆ นะคะ หากต้องการอะไรเพิ่มเรียกดิฉันได้เลยนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
หลังจากนั้นไม่นานเกินที่อาหารจานหลักจะเสิร์ฟถึงโต๊ะแขกวีไอพี
ชายสูงวัยรูปร่างโปร่ง สมาร์ต ดูดีแม้อายุจะเลยเลขหกมาแล้วก็ตาม
‘ท่านพุฒิพงศ์ ป้องกิจกรุณา’ ส.ส.ชื่อดัง เด่นในเรื่องความเมตตาและความเที่ยงธรรมก้าวเท้ามายังจุดหมายปลายทาง
เด็กสาวกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศและอาหารรสเลิศตกใจรีบวางช้อนส้อมลงทันที
เธอลุกยืนขึ้นพรวดพร้อมกับยกมือไหว้ทักทายท่านผู้ใหญ่ แม้ซอสครีมข้นๆ ยังเลอะมุมปากก็ปาดทิ้งโดยไม่รักษาคราบความเป็นคนหนูตามแบบชุดเดรสราคาแพงที่สวมอยู่แม้แต่น้อย
“หนูนิล! เราโตเป็นสาวแล้วนะ รักษาท่าทางหน่อย”
“นิลตกใจค่ะคุณท่าน ขอโทษด้วยค่ะ” เด็กสาวจัดกระโปรงให้เข้าที่ รวบส้อมและมีดบนจานให้เรียบร้อยพร้อมกับนั่งลงช้าๆ ด้วยท่าทางสุภาพ
คุณท่านชอบผู้หญิงเรียบร้อยจึงคอยตักเตือนเรื่องนี้
“ไปมหาลัยวันนี้เป็นยังไงบ้าง ได้ข่าวว่ามีกิจกรรมรับน้องด้วยไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะ! แต่ไม่ใช่ของคณะที่นิลเรียน รุ่นพี่เขาไม่ได้บังคับว่าต้องอยู่ทุกคนค่ะ ใครอยากไปร่วมกิจกิจกรรมหรือไม่ไปก็ได้ค่ะ แต่นิลไม่ชอบอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว”
อืม...
คนฟังคลี่ยิ้มอ่อนๆ ที่มุมปากทั้งสองข้าง
เด็กสาวคนนี้ช่างรู้จักพูดจาเอาใจคนแก่นัก
“เงินพอใช้หรือเปล่า”
“มีค่ะ นิลมีเหลือเก็บด้วยซ้ำ”
“ตั้งใจเรียนอย่างเดียวพอนะ งานพิเศษไม่ต้องทำถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกฉัน...เข้าใจมั้ย”
“แต่ว่า...” เด็กสาวกำลังจะอ้าปากขออนุญาตหางานพิเศษหลังเลิกเรียนเพิ่มด้วยอีกทาง เพราะเธอไม่อยากแบมือรอจากผู้มีอุปการคุณเพียงอย่างเดียว
ค่าที่อยู่อาศัย ค่าเทอม ค่ากินใช้ต่อเดือนก็มากมายแล้ว
เธอเข้าใจว่าท่านส.ส.ผู้ใจดี เต็มใจให้ แต่แม่สอนจนฝั่งในสมองแล้วว่าอย่าหวังแต่พึ่งพาจมูกคนอื่นเขา
ชีวิตของเราก็ต้องหายใจด้วยตัวเอง อย่าทำตัวเป็นกาฝาก ใครมีน้ำใจหยิบยื่นอะไรให้เราก็ใช่ว่าจะดีแต่แบมือรับอย่างเดียว
“มีอะไรปฐม!?” คุณท่านร้องถามเลขาหนุ่มที่เดินเข้ามาหา
นายปฐมเลขาหนุ่มที่ต้องคอยติดตัวราวกับเงาเปรียบเสมือนมือและเท้าของส.ส.พุฒิพงศ์ พี่ชายคนสนิทของปลานิลเช่นกันเดินเข้ามา อย่างเรียบเงียบ ทั้งสองทักทายกับผ่านสายตาก่อนที่ชายหนุ่มจะรายงานเรื่องด่วนให้ผู้เป็นเจ้านายรับทราบ
“สายจากคุณพิมสุดาครับท่าน” เลขาหนุ่มตอบสั้นๆ พร้อมกับยื่นมือถือส่งให้
ท่านพุฒิพงศ์จึงรับไว้และขอตัวลุกไปคุยสายกับคนสำคัญ ปล่อยให้เด็กสาวนั่งเดียวดายที่โต๊ะอาหารอีกครั้ง
เวลาผ่านมาเพียงชั่วครู่ร่างสูงก็กลับมาที่โต๊ะอาหารอีกครั้ง
“ฉันคงต้องขอตัวก่อนนะปลานิล”
“แต่คุณท่านยังไม่ทานอะไรเลยนะคะ” เด็กสาวชี้มือไปที่จานอาหาร
พอท่านพุฒิพงศ์มาถึงบริกรก็ยกมาเสิร์ฟแต่เจ้าตัวยังไม่ได้แตะแม้แต่น้อย
“ทานเยอะๆ เถอะเราน่ะ ฉันมีคนดูแลอยู่แล้ว” ชายสูงวัยเดินตรงมาหา ฝ่ามือสากหนาลูบศีรษะทุยด้วยความเอ็นดูรักใคร่ สายตาที่ท่านผู้ใหญ่มองเธอไม่ต่างไปจากลูกหลานแท้ๆ
แม้จะมีข่าวซุบซิบนินทาว่าจะมีชายแก่คราวพ่อคนใดส่งเสียเลี้ยงดูเด็กสาวรุ่นลูกไว้ทำลูกมากกว่าจะรับมาเป็นลูกในไส้
“อย่าลืมที่ฉันสั่ง ถ้าขาดเหลืออะไรบอกผ่านปฐมก็ได้นะ”
“ปลาขอบคุณ คุณท่านมากๆ นะคะ”
“อืม...”
การร่ำลาจบลงสั้นๆ เด็กสาวลุกขึ้นกราบสวัสดีแล้วชายต่างวัยสองคนก็เดินหายเข้าไปในลิฟต์โดยสาร
ปลานิลนั่งเหม่อมองท้องฟ้าสีหม่นรับกับแสงไฟมากมาย มันอดไม่ได้เลยที่จะคิดถึงแม่แท้ๆ ของเธอ
“อยากให้แม่มาอยู่ตรงนี้ด้วยจัง...”
6 ปีแล้วที่แม่จากไป
6 ปีกับการเป็นเด็กกำพร้า
6 ปีที่ได้มาเป็นเด็กในอุปการะของส.ส.มีชื่อท่านนี้
และ 6 ปี ที่ใครๆ ต่างมองว่าเธอโชคดีมากขนาดไหนกับชีวิตสุดหรูแสนสุขสบายแต่มันก็แค่เปลือกนอก
ภายใต้เสื้อผ้าแบรนด์ดังราคาแพง มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดที่ไม่เคยมีสักเครื่องจะได้ใช้เกินปี และคอนโดใจกลางเมืองที่ปลานิลอยู่คนเดียวมาตลอด6ปี ตั้งแต่วันที่แม่ของเธอจากไปเพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
แม้ความรักและความห่วงใยที่ได้รับจากส.ส.มีชื่อท่านนั้นจะมากมายเพียงใดแต่เธอก็ไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่าบุญคุณที่ต้องทดแทน
เธอคิดมาตลอดว่าสักวันจะสามารถยืนหยัดได้ด้วยสองขาของตัวเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาบารมีของผู้ใด
แต่ถึงอย่างไร เธอก็ยินยอมจะทดแทนบุญคุณอันท่วมท้นของท่านส.ส.ให้ต่อการทดแทนนั้นต้องแลกมาด้วยลมหายใจ เธอก็จะไม่ปฏิเสธแม้แต่คำเดียว