🃏 อาการที่ไม่เรียกว่าหึง

1632 Words
บ่ายวันนั้น ลานกิจกรรมหน้าคณะนิเทศคึกคักกว่าปกติ เพลงพิณยืนคุยกับทีมงาน ถือสคริปต์ในมือ สีหน้าจริงจัง แต่รอยยิ้มยังติดอยู่ที่มุมปาก ผู้ชายจากคณะอื่นเดินเข้ามาทัก พูดคุยแบบเป็นกันเอง หัวเราะกันเป็นช่วง ๆ ภาพนั้น ไม่ควรมีอะไรผิดปกติ แต่ขุนเขาที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม กลับหยุดเดินโดยไม่รู้ตัว เขาไม่ได้ตั้งใจมอง แต่สายตากลับไม่ยอมละไปไหน ผู้ชายคนนั้นยืนใกล้เกินไป เสียงหัวเราะของเพลงพิณดังเกินไป และรอยยิ้มแบบนั้น ไม่ควรจะเห็นง่าย ๆ “มึงเป็นอะไร” แทนถาม เมื่อเห็นเพื่อนหยุดยืนเฉย ๆ “เปล่า” ขุนเขาตอบทันที เสียงเรียบเกินไป แต่สายตายังจับอยู่ที่เดิม “กูว่าไม่เปล่านะ” โอมแซว “หน้ามึงเขียนชัดมาก” ขุนเขาขมวดคิ้ว “เขาคุยเรื่องงาน” “แล้วมึงไปซีเรียสทำไม” แทนถามตรง “ถ้าไม่ใช่เรื่องส่วนตัว” ขุนเขาไม่ตอบ เดินตรงเข้าไปในพื้นที่จัดงานทันที เพลงพิณหันมาเห็นเขา ชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มทักตามมารยาท “มีอะไรหรือเปล่า” เธอถาม ขุนเขามองผู้ชายข้าง ๆ เธอ ก่อนจะหันกลับมาที่เพลงพิณ “ผมมาคุยเรื่องงาน” เขาพูด น้ำเสียงราบเรียบ “อ๋อ” เธอพยักหน้า “งั้นเดี๋ยวฉันตามไป” ผู้ชายคนนั้นยิ้ม “งั้นเดี๋ยวคุยต่อทีหลังนะ” เพลงพิณพยักหน้า ยังไม่ทันพูดอะไร ขุนเขาก็พูดแทรกขึ้นมา “งานนี้ต้องใช้ประธานอยู่ตลอด” เขาว่า “คุยเรื่องอื่นทีหลังดีกว่า” น้ำเสียงไม่ได้แข็ง แต่ชัดเจนพอจะทำให้บรรยากาศเปลี่ยน ผู้ชายคนนั้นชะงัก ยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะเดินออกไป เพลงพิณหันกลับมามองขุนเขา เลิกคิ้วเล็กน้อย “นายพูดแรงไปไหม” เธอถาม เสียงไม่ได้ต่อว่า แค่แปลกใจ “ผมพูดตามความจริง” เขาตอบทันที “ตอนนี้งานสำคัญกว่า” เพลงพิณจ้องหน้าเขา เหมือนพยายามอ่านอะไรบางอย่าง “นายดูไม่ค่อยเหมือนคนคิดถึงแต่งานเท่าไหร่” เธอพูดเบา ๆ ขุนเขาขมวดคิ้ว “เธอคิดมากไปเอง” ประโยคนั้น ควรจะจบเรื่องได้ แต่กลับทำให้เพลงพิณยิ้มบาง ยิ้มแบบรู้ทัน “งั้นก็ดี” เธอว่า “ฉันก็จะได้ไม่เข้าใจผิด” เขาไม่ตอบ แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นอย่างน่าหงุดหงิด ⸻ ช่วงเย็น การประชุมทีมย่อยเริ่มขึ้นอีกครั้ง เพลงพิณนั่งคุยกับทีม ตั้งใจอธิบายงาน ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ แต่ขุนเขากลับรู้สึกว่า ทุกครั้งที่มีใครมองเธอนานเกินไป มันทำให้เขาเสียสมาธิ เขาเริ่มขัดไอเดียคนอื่นมากกว่าปกติ ตั้งคำถามถี่ขึ้น ทั้งที่ปกติเขาไม่เป็นแบบนี้ “มึงใจเย็นก่อน” แทนกระซิบ “มึงดูเหมือนกำลังหาเรื่อง” ขุนเขาหันไปมอง “กูแค่ไม่อยากให้งานพลาด” แทนเลิกคิ้ว “แน่ใจนะว่าเป็นเรื่องงาน” ขุนเขาไม่ตอบ เขาไม่อยากยอมรับ เพราะแค่คิด มันก็ดูเกินเส้นไปแล้ว ⸻ ค่ำวันเดียวกัน เพลงพิณเดินออกมาหน้าตึก กำลังจะกลับ ขุนเขาเดินตามออกมา โดยไม่รู้ตัวว่าทำไปทำไม “เพลงพิณ” เขาเรียก เธอหันมา “มีอะไร” “เมื่อกี้” เขาหยุดคำพูด เหมือนกำลังเลือกคำ “ถ้าผมทำให้เธอไม่พอใจ ผมไม่ได้ตั้งใจ” เพลงพิณมองหน้าเขานิ่ง ๆ ก่อนจะพูด “ฉันไม่ได้โกรธ” “แค่สงสัย” “สงสัยอะไร” “สงสัยว่านายไม่ชอบให้ใครอยู่ใกล้ฉัน” เธอพูดตรง แต่ไม่กดดัน ขุนเขาตอบทันที “ไม่ใช่” เร็วเกินไป “อืม” เพลงพิณพยักหน้า เหมือนรับคำตอบนั้น แต่แววตาไม่เชื่อทั้งหมด “งั้นก็ดี” เธอยิ้ม “ฉันจะได้ไม่เข้าใจผิดว่ามีใครหึง” คำว่า หึง เหมือนสะกิดอะไรบางอย่างในอก ขุนเขาขบกราม “ผมไม่ได้หึง” เพลงพิณหัวเราะเบา ๆ ไม่เถียง ไม่ซักต่อ “ฉันก็ไม่ได้พูดว่าคือนาย” เธอเดินจากไป ทิ้งให้เขายืนอยู่ตรงนั้น ขุนเขาหายใจเข้าลึก ๆ รู้สึกหงุดหงิดกับตัวเองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่รู้ว่าอาการนี้เรียกว่าอะไร รู้แค่ว่า เขาไม่ชอบเห็นเธออยู่ใกล้คนอื่น และไม่ชอบที่ตัวเองรู้สึกแบบนี้เลย แต่ยิ่งพยายามปฏิเสธ อาการนั้นกลับยิ่งชัด และเขาก็รู้ดีว่า ต่อให้ไม่ยอมรับ ความรู้สึกนี้ มันเริ่มควบคุมยากขึ้นทุกที 🃏 เรื่องงาน (ที่ไม่ใช่แค่เรื่องงาน) ช่วงเย็นของวันเดียวกัน ลานกิจกรรมเริ่มคึกคักขึ้นอีกครั้ง ทีมงานเดินเข้าออกไม่ขาดสาย เสียงคุย เสียงหัวเราะ ดังสลับกับเสียงเรียกชื่อกันไปมา เพลงพิณยืนเช็กงานหน้าเวที ถือวิทยุสื่อสารในมือ สีหน้าจริงจัง แต่ท่าทางยังสบาย ๆ ไม่ไกลนัก ขุนเขายืนคุยกับทีมวิศวะ สายตาเหมือนจะจดจ่อกับงานตรงหน้า แต่จริง ๆ แล้วกลับเลี้ยวไปอีกทางบ่อยเกินไป ผู้ชายจากคณะบริหารเดินเข้ามาทักเพลงพิณ ยืนคุยใกล้ หัวเราะกันเบา ๆ เพลงพิณไม่ได้คิดอะไร เพราะมันคือเรื่องปกติ แต่ขุนเขากลับหยุดพูด หันไปมองโดยไม่รู้ตัว “ไฟฝั่งซ้ายเช็กหรือยัง” เขาถามเสียงเข้ม ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งเช็กไปแล้ว “เช็กแล้วครับพี่” รุ่นน้องตอบงง ๆ ขุนเขาพยักหน้า แต่ยังไม่ละสายตาไปไหน “มึง” แทนกระซิบ “นี่มันเกินเรื่องงานแล้วนะ” “กูจริงจังกับงาน” ขุนเขาตอบทันที น้ำเสียงแข็งกว่าปกติ แทนเลิกคิ้ว แต่ไม่พูดต่อ ขุนเขาเดินตรงเข้าไปหาเพลงพิณ จังหวะเดียวกับที่เธอหัวเราะกับผู้ชายคนนั้นพอดี เสียงหัวเราะนั้น ทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาแบบไม่ต้องมีเหตุผล “เพลงพิณ” เขาเรียก เสียงดังพอให้คนรอบข้างได้ยิน เธอหันมา เลิกคิ้วเล็กน้อย “มีอะไร” “ขอคุยเรื่องงาน” เขาพูด ไม่มองใครอื่น เพลงพิณหันไปหาผู้ชายข้าง ๆ ยิ้มบาง ๆ “เดี๋ยวคุยต่อทีหลังนะ” อีกฝ่ายพยักหน้า ก่อนจะเดินออกไป ทันทีที่เหลือกันสองคน เพลงพิณก็หันกลับมา “เรื่องอะไร” เธอถาม น้ำเสียงเรียบ “เธอคุยกับเขานานเกินไป” ขุนเขาพูด แล้วชะงักไปนิดหนึ่ง เหมือนรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา เพลงพิณเลิกคิ้ว “แล้วมันเกี่ยวกับงานตรงไหน” “มัน…” เขาหยุด ก่อนจะเปลี่ยนคำพูด “มันทำให้งานชะงัก” เธอจ้องหน้าเขา นิ่ง ๆ ก่อนจะยิ้มมุมปาก “นายสังเกตละเอียดดีนะ” เธอว่า “ขนาดฉันคุยยังรู้เลยว่ากี่นาที” ขุนเขาขบกราม “ผมดูภาพรวม” “อ๋อ” เพลงพิณพยักหน้า “ภาพรวมที่รวมฉันด้วยสินะ” เขาไม่ตอบ แต่สีหน้าฟ้องชัดว่าหงุดหงิด ⸻ หลังจากนั้น เพลงพิณเริ่มสังเกตมากขึ้น ไม่ใช่เพราะอยากจับผิด แต่เพราะมันชัดเกินไป ทุกครั้งที่มีใครเดินเข้ามาคุยกับเธอ ขุนเขาจะโผล่มาใกล้ ๆ เสมอ อ้างเช็กงาน อ้างถามรายละเอียด อ้างเรื่องระบบ เรื่องเวลา เรื่องลำดับ จนแพรวาทนไม่ไหว กระซิบข้างหูเพื่อน “นี่ถ้าไม่เรียกว่าหึง กูไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว” เพลงพิณยิ้ม แววตาเริ่มเป็นประกาย เหมือนคิดอะไรบางอย่างออก ⸻ เย็นวันถัดมา การประชุมทีมย่อยจัดขึ้นอีกครั้ง เพลงพิณตั้งใจแต่งตัวเรียบ แต่ดูดีเป็นพิเศษ ผมปล่อยสบาย ๆ รอยยิ้มชัดเจนกว่าทุกวัน ระหว่างประชุม เธอหันไปคุยกับทีมงานชายบ่อยขึ้น ถามความเห็น หัวเราะ พยักหน้ารับ ไม่ได้เกินเลย แต่ก็ชัดเจนพอ ขุนเขานั่งฝั่งตรงข้าม มือกอดอก สีหน้าเริ่มตึง “ขอให้โฟกัสงานนะครับ” เขาพูดขึ้น เสียงเรียบ แต่แข็ง เพลงพิณหันมามอง ทำหน้าใสซื่อ “ฉันก็โฟกัสอยู่” “หรือว่าฉันคุยมากไป” เขาไม่ตอบ แต่สายตากลับไม่ละจากคนที่นั่งข้างเธอ “ถ้ามีอะไรไม่ชัด” เพลงพิณพูดต่อ “ถามได้นะ” ขุนเขาหัวเราะหึ “ผมไม่มีปัญหา” คำพูดนั้น สวนทางกับอาการทั้งหมด พักเบรก เพลงพิณลุกออกไปหยิบกาแฟ ชายคนนั้นเดินตามไป คุยกันเบา ๆ ไม่ถึงนาที ขุนเขาก็เดินตามไปติด ๆ “กาแฟตรงนี้หวานไป” เขาพูดขึ้น เหมือนพูดลอย ๆ แต่ยืนขวางพอดี เพลงพิณหันมามอง กลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ “นายชิมแล้วเหรอ” เธอถาม “ผมแค่บอก” เขาตอบทันที “เดี๋ยวมันจะไม่ดีต่อสมาธิ” ชายคนนั้นมองสลับไปมา ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ “งั้นผมขอตัวก่อนนะ” พอเหลือกันสองคน เพลงพิณก็หันไปพิงโต๊ะ “ขุนเขา” เธอเรียก เสียงเบา แต่ชัด “อะไร” “นายแน่ใจนะ” เธอพูดช้า ๆ “ว่าสิ่งที่นายทำอยู่เนี่ย มันคือเรื่องงาน” เขาชะงัก สบตาเธอ “แน่ใจ” เขาตอบ เร็ว และหนักแน่นเกินไป เพลงพิณยิ้ม ยิ้มแบบที่รู้คำตอบอยู่แล้ว “โอเค” เธอว่า “งั้นฉันจะถือว่า ประธานสโมสรวิศวะ แค่รับผิดชอบสูง” ขุนเขาไม่พูดอะไร แต่หัวใจกลับเต้นแรง อย่างคนที่กำลังถูกจับได้ ทั้งที่ยังไม่ยอมรับ เพลงพิณเดินจากไป ทิ้งให้เขายืนอยู่ตรงนั้น เขาหงุดหงิด ไม่ใช่เพราะเธอ แต่เพราะตัวเอง เพราะยิ่งพยายามอ้างเรื่องงาน ความรู้สึกบางอย่าง กลับยิ่งชัดขึ้นทุกที และเขาเริ่มรู้แล้วว่า ถ้าเธอแกล้งอีกนิดเดียว เขาอาจจะคุมอาการไม่อยู่จริง ๆ 😏👉
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD