“อ๊ะะ อ่าา ตะ ติณณ์ขา อ๊าา เอาแร็วๆค่ะ อ่าา อึ้กก อึ้กก .” เขาซอยเอวสอบถี่ขึ้นกดเน้นอัดกระแทกกระทั้นแกนกายลำใหญ่ใส่ร่องสวาทเธอต่อเนื่อง มือของเธอก็บีบนวดเต้าใหญ่ของตัวเองอย่างเสียวสยิวปล่อยให้เขาตอกอัดรสสวาทปรนเปรอเธออย่างเต็มที่
"ป้าบๆๆ ป้าบบๆๆ.."
“อืมม์ อ่าา ร่องคุณแน่นดีเอามันจริงๆไลลา อ่าส์...” ติณณ์โยกเอวสอบเสยแกนกายลำใหญ่เข้าใส่รัวๆเร็วสลับเข้าออกตรงลงลึกสุดร่องสวาทติดกันถี่ๆ
“โอ้ะ อ๊าา แรงกว่านี้ได้ไหม อ่าา ไลลาไม่ไหวแล้ว อ๊าาา.” เธอร้องขอเขาอย่างทนความกำหนัดที่มันพุง่สูงสุดขีดไม่ไหวเขาก็เร่งสอดใส่แกนกายลำใหญ่ถาโถมแรงทั้งหมดเข้าใส่ร่องสวาทจ้วงแทงร่างอวบอั๋นจนสั่นคลอนเต้าใหญ่ส่ายไปมาตามแรงกระแทกกระทั้นเป็นจังหวะใส่เธอ
“ป้าบบๆๆ ป้าบบๆๆ...”
“อ่าส์ คุณถึงใจผมมากไลลา อูยย อื้มม...” เขาคำรามในคออย่างกระสันซ่านเสียวปลายยอดแกนกายลำใหญ่เพิ่มแรงเร่งจังหวะซอยเอวสอบกระแทกแกนกายลำใหญ่ยาวๆติดกันสี่ห้าครั้งก็ร้องครวญครางออกมาพร้อมกันเมื่อเสร็จอารมณ์พิศวาสที่ต่างฝ่ายต่างปรนเปรอกันอย่างถึงอกถึงใจ
“อ๊ะะ อ้ายยส์...”
“โอ้ว อ๊าากกซ์....”
ทั้งสองถึงที่หมายตามกันโดยที่ติณณ์ส่งไลลาน้ำแตกไปก่อนและเขาแตกตามเธอไปติดๆไลลานอนหายใจแรงอย่างเหนื่อยจนแทบจะหมดแรงติณณ์ถอนแกนกายลำใหญ่ออกแล้วดึงเครื่องป้องกันทิ้งขยะไปอย่างไม่สนใจไลลาแล้วเดินเข้าห้องน้ำ
“ไหวไหมครับไลลา ผมอาบน้ำรอนะ” ติณณ์หันมาบอกไลลาที่นอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาตรงมุมห้อง
“อ่าา ติณณ์ขารอไลลาด้วยค่ะ” ไลลาร้องบอกเขาอย่างอ่อนระโหยแต่เธอยังไม่หมดแรงจึงลุกขึ้นในสภาพเปลือยเปล่าและเดินตามติณณ์เข้าไปในห้องน้ำจนร้อนแทบไหม้เพราะไฟพิศวาสที่ติณณ์และไลลาช่วยกันโหมกระพือจนหมดแรงกันทั้งคู่
วันนี้ติณณ์เตรียมตัวกลับเมืองไทยพร้อมเพื่อนๆที่เรียนจบกันหมดแล้วเขาจะกลับเมืองไทยก่อนเพื่อไปแก้ไขปัญหาของเขากับปนาลีให้เรียบร้อยก่อนแล้วจะตัดสินใจอีกครั้งว่าจะไปทำงานที่เยอรมันหรือเริ่มงานที่เมืองไทยเลย
“ติณณ์แกจะกลับไปแต่งงานจริงๆเหรอวะ” เนติธรถามเพื่อนรักที่เดินเคียงกันเข้าไปในสนามบิน
“นั่นสิวะติณณ์ แต่ถ้าแกเปลี่ยนใจบอกฉันนะเว้ยเพื่อน” จักกริชมิวายแซวเพื่อน
“ยังไม่รู้เหมือนกันว่ะ” ติณณ์ตอบเพื่อนและไม่รู้จริงๆว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง
“สาวไทยน่ารักจะตายนะติณณ์ ฉันไปหาสาวไทยเอามาเป็นเมียสักคนดีกว่าว่ะ” ไบรอันมาส่งเพื่อนๆกลับบ้านที่เมืองไทยกันแล้วเขาจะตามไปเที่ยวทีหลังเพราะตอนนี้กำลังช่วยงานแด๊ดเขาอยู่เลยยังไปพร้อมกับเพื่อนๆไม่ได้ เมื่อล่ำลากันแล้วเพื่อนๆก็เดินเข้าไปในห้องรับรองวีไอพีที่พวกเขาเป็นสมาชิก
สามหนุ่มนั่งติดกันในชั้นเฟิรส์คลาสของสายการบินชื่อดังของประเทศไทยต่างคนก็นอนพักกันเพราะอีกสิบสองชั่วโมงจะถึงเมืองไทย
“ติณณ์แกนอนหรือยังวะ” เนติธรชะโงกมาถามติณณ์ที่กำลังยกวิสกี้ขึ้นดื่ม
“ยังแกมีอะไรล่ะ” ติณณ์ถามเพื่อนที่มองเขาอยู่
“เปล่าหรอก ฉันคิดว่าแกจะตื่นเต้นที่ได้เจอว่าที่เมียน่ะ” เนติธรพูดแล้วก็กลับไปนั่งที่ของตัวเองหัวเราะให้เขาได้ยินอีกด้วย
“ไอ้บ้านี่” ติณณ์ว่าเพื่อนแล้วส่ายหน้ายิ้มกับคำพูดของเนติธรที่มักจะทำให้เพื่อนๆขำและหายเครียดกันได้
เวลาเดินทางยาวนานสิ้นสุดลงเมื่อกัปตันประกาศให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมเพราะเครื่องจะลงจอดแล้วเมื่อเครื่องลงจอดเรียบร้อยสามหนุ่มหล่อก็เดินมาด้วยกันจนเป็นที่สนใจของสาวน้อยสาวใหญ่ที่เห็นต่างก็ชื่นชมความหล่อเท่สมาร์ทราวกับพวกเขาเป็นดารานายแบบเลยทีเดียว
“ไม่ได้เห็นสาวไทยนานแล้ว อุ้แม่เจ้า โอ้ ขาวสวยอึมสเป็คฉันเลยว่ะ” จักกริชเห็นสาวสวยแต่ไม่หมวยเดินมาคนเดียวจึงมองชนิดเหลียวหลังเลยเชียว
“ไอ้กริชมากไปแล้วแก สำรวมหน่อยสิวะเพื่อน” ติณณ์เกี่ยวคอเสื้อของจักกริชให้หันกลับมาและเดินไปพร้อมกับเขาที่เดินออกไปจอดรถเพราะคนที่บ้านเขามารอรับ
“น้ำลายหกเลยนะแกไอ้บ้ากาม” เนติธรว่าให้เพื่อนที่มองสาวสวยตาเป็นมัน
“แหม,ทำอย่างกับแกไม่บ้ากามอย่างนั้นแหละไอ้หม่อม เห็นเอวไหวหยิกๆไม่หยุดเลยนะแก” จักกริชไม่ยอมก็ไอ้หม่อมมันก็หื่นพอๆกันกับเขาและไอ้ติณณ์นี่แหละ
“พวกแกนี่จะทะเลาะกันอีกนานมั้ยฉันจะได้กลับก่อน” ติณณ์บอกเพื่อนที่ยืนเท้าสะเอวเถียงกันดูแล้วมันก็ตลกดี
“ฉันไปคอนโดก่อนนะส่วนพวกแกจะกลับบ้านหรือไปคอนโดก็ตามสบาย” จักกริชถามเพื่อนและรู้อยู่แล้วว่าติณณ์กับเนติธรจะต้องกลับบ้านก่อนแล้วบางทีก็จะกลับไปนอนคอนโดหรูที่ได้ซื้อไว้คนละห้องติดกัน
“ฉันกลับบ้านก่อนนะ พวกแกไปกันเถอะเดี๋ยวเย็นๆฉันจะโทรหา” ติณณ์บอกจักกริชที่ยังไม่กลับบ้านเพราะเขาจะพักที่กรุงเทพก่อนกลับภูเก็ต
“งั้นเย็นนี้เราไปฉลองที่ได้กลับเมืองไทยกันดีมั้ยวะ” เนติธรถามเพื่อนทั้งสอง
“ไอ้หม่อมแกไม่เหนื่อยบ้างหรือไงวะมาถึงก็เที่ยวเลยนะ” จักรกริชว่าให้เนติธรที่ชอบเที่ยวชอบดื่มสนุกเฮฮา
“ก็เหนื่อยอยู่หรอกแต่เดี๋ยวนอนพักก็หายแล้วนี่หว่า” เนติธรตอบเพื่อนที่ส่ายหน้าให้กับความแรดของเขา
“เออๆ งั้นเดี๋ยวเย็นๆค่อยคุยกันอีกทีนะ ฉันไปล่ะรถมารอแล้ว” ติณณ์บอกเพื่อนและเดินไปที่รถตู้คันหรูที่มารับเขาเพราะจักกริชไปพร้อมกับเนติธรมีรถของที่บ้านมารับเนติธรเหมือนกัน
“สวัสดีครับคุณติณณ์” นักรบยกมือไหว้เจ้านายที่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆเพราะเขาเป็นลูกชายคนขับรถเก่าแก่ของที่บ้านจึงทำให้สนิทกัน
“สวัสดีนายรบ สบายดีมั้ย แกจะไหว้ฉันทำไมวะ” แต่ติณณ์ก็รับไหว้เพื่อนเล่นวัยเด็กของเขา
“อ้าว ก็คุณติณณ์เป็นเจ้านายนี่ครับ” นักรบตอบลูกชายเจ้านาย
“ไม่ต้องหรอกเราเป็นเพื่อนกันนะนายรบ” ติณณ์พูดแล้วก็เปิดประตูขึ้นไปบนรถโดยไม่รอให้นักรบเปิดให้เพราะนักรบเอากระเป๋าไปเก็บที่ท้ายรถ
“คุณติณณ์จะกลับบ้านเลยหรือเปล่าครับ” นักรบถามเจ้านาย
“กลับบ้านเลย ทำไมวันนี้นายว่างมารับฉันวะ” ติณณ์ถามนักรบปกติจะมีคนขับรถหลายคนที่คอยขับให้ที่บ้าน
“ก็คุณท่านสั่งนี่ครับผมเลยต้องโดดงานมารับครับ” นักรบเป็นเลขาของคุณเตวิชพ่อของติณณ์เพราะท่านส่งเสียนักรบเรียนต่อจนจบปริญญาตรีแล้วไปฝึกงานกับท่านและเขาก็เรียนต่อปริญญาโทอีกและก็จบแล้วพ่อของติณณ์ก็เลื่อนตำแหน่งให้เป็นเลขาของท่านเพื่อรอติณณ์กลับมาทำงานแล้วถึงจะให้นักรบย้ายไปทำงานร่วมกับติณณ์
“แล้วงานที่Y&Sเป็นไงบ้างวะ” ติณณ์ถามนักรบเพราะเขารู้ว่านักรบรู้เรื่องในบริษัทดีทุกอย่าง
“ก็งานเยอะดีจนคุณท่านไม่ค่อยได้มีเวลาพักเลยครับ แล้วเมื่อไหร่คุณติณณ์จะกลับมาช่วยงานสักทีละปีนี้คุณท่านแก่ลงไปเยอะแล้วนะครับ” นักรบพูดตามที่เขาเห็นว่าคุณเตวิชท่านเหนื่อยแต่ท่านก็ไม่บ่นได้แต่บอกว่าเมื่อติณณ์พร้อมเขาจะมารับช่วงต่อจากท่านเอง
“ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงดี ที่เยอรมันก็น่าสนใจแต่ที่นี่ก็อยากช่วยคุณพ่อฉันยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่ะ” ติณณ์ตอบนักรบอย่างครุ่นคิด
“คุณติณณ์ก็จบด๊อกแล้วนี่ครับ แค่นี้คุณสมบัติก็มากพอที่จะทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นแล้วถึงไม่จบด๊อกคุณติณณ์ก็มีความสามารถอยู่แล้วโดยไม่ต้องจบด๊อกก็ได้ครับ” นักรบบอกเจ้านายที่เขาติดต่อเรื่องออกแบบกับติณณ์อยู่ตลอดแม้ในบอรอ์ดผู้บริหารจะไม่มีใครรู้ก็ตาม
“แกเรียกให้จบได้ไหมวะรบ ด๊อกคำเดียวยังฟังได้แต่นี่ฉันเจอสามด๊อกเหมือนแกว่าฉันเลยว่ะเพื่อน” ติณณ์พูดแล้วยิ้ม
“ฮ่าๆๆ ผมลืมไปคิดว่าเรียกด๊อกมันสั้นดีครับ” นักรบหัวเราะเขาลืมไปเลยว่าด๊อกคำเดียวมันแปลว่าอะไรจากนั้นทั้งสองหนุ่มก็คุยกันเรื่องงานเรื่องต่างๆที่เขาไม่ได้อยู่เมืองไทยถึงแม้ว่าจะกลับมาบ่อยๆแต่ระยะแค่อาทิตย์เดียวหรือสองอาทิตย์เท่านั้น
เมื่อถึงคฤหาสห์หลังใหญ่ตั้งอยู่กลางสวนสวยล้อมรอบอยู่กลางเมืองพื้นที่กว้างถึงห้าไร่มีหมู่บ้านหรูล้อมอยู่รอบๆบริเวณคฤหาสห์หลังใหญ่ที่ปู่เขาสร้างขึ้นเล่นๆขายให้พวกเศรษฐีที่อยากอยู่บ้านกลางเมืองหลวงและยังเป็นรั้วบ้านชั้นดีให้คฤหาสห์ของครอบครัวเขาอีกด้วย
เมื่อรถจอดสนิทติณณ์ก็เปิดประตูรถลงไปและเดินเข้าไปในบ้านที่คิดว่าทุกคนน่าจะอยู่กันครบ
“สวัสดีครับคุณปู่คุณพ่อคุณแม่ คิดถึงทุกคนจังเลยครับ” ติณณ์เดินเข้าไปกราบคุณปู่ของเขา
“สวัสดีเจ้าติณณ์ปู่นึกว่าแกหลงสาวฝรั่งจนลืมเมืองไทยแล้วซะอีก” คุณปู่พูดประชดหลานชายที่อยู่ถึงอังกฤษท่านก็ยังได้ข่าวถึงความเจ้าชู้หนุ่มเพลย์บอยตัวพ่อของหลานชายเลย คุณบวรทัต ยศสวรรังสรรค์ คุณปู่ของติณณ์ที่ตามใจลูกหลานให้เลือกและตัดสินใจเองถึงแม้ว่ามันไม่ได้อย่างใจท่านก็ตามเพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาจะยอมรับได้เอง
“โธ่คุณปู่ครับผมต้องกลับอยู่แล้วสิครับ ไม่งั้นใครจะมาช่วยงานคุณพ่อละครับ” ติณณ์กอดคุณปู่แรงจนท่านจั๊กจี้ดันตัวเขาออก
“อึยย อย่ามากอดปู่มันจั๊กจี้ว่ะเจ้าติณณ์” คุณปู่มีสีหน้าดีใจที่หลานชายกลับมาสักทีท่านได้แต่หวังว่าหลานชายจะไม่กลับไปทำงานอย่างที่บอกหรอกนะ
“อย่ามาพูดให้พ่อดีใจเลยติณณ์ เดี๋ยวลูกก็ไปทำงานที่เยอรมันอีกไม่ใช่เหรอ” คุณเตวิชถามลูกชายที่เพิ่งมาถึงอย่างอดไม่ได้
“ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลยครับคุณพ่อ” ติณณ์ตอบพ่อของเขาและมองท่านที่แก่ลงไปจริงๆอย่างที่นักรบบอกเขาดูหงอกท่านสิแค่ไม่เจอกันหกเจ็ดเดือนเองนะ
“อ้าว พ่อนึกว่าแกตัดสินใจไปแล้วนะ” คุณเตวิชยังมีความหวังว่าลูกชายจะมาช่วยงานท่าน
“คิดถึงแม่จังเลยครับ” ติณณ์ลุกไปกอดและหอมแก้มทั้งสองข้างของแม่เขาที่นั่งมองและฟังเขาคุยกับคุณปู่กับคุณพ่ออยู่เงียบๆเพื่อเลี่ยงที่จะตอบคำถามของพ่อเขา
“คิดถึงแม่แต่ไม่มาหานี่นะ จะเชื่อได้มั้ยล่ะลูก” คุณธาวินี หรือคุณวิกอดลูกชายที่อ้อนท่านเหมือนเด็กๆ
“แกโตแล้วนะเจ้าติณณ์ ยังอ้อนแม่เหมือนเด็กๆอยู่ได้ อายเด็กในบ้านมันบ้างสิ” คุณปู่พูดอย่างหมั่นใส้หลานชาย
“หิวมั้ยลูกจะกินอะไรดีเดี๋ยวแม่จะบอกป้าจอยทำให้” คุณธาวินีถามลูกชาย
“ผมยังไม่หิวครับแม่ขอไปนอนพักก่อนได้มั้ยครับแล้วตอนเที่ยงผมจะลงมากินข้าวด้วยนะครับคุณปู่ คุณพ่อ” ติณณ์อยากนอนมากถึงแม้เขาจะนั่งเฟิรส์คลาสมาก็ตามแต่มันไม่ได้หลับสนิทเหมือนนอนอยู่บนเตียงและมีอาการเจ็ตแล็กเล็กน้อย
“ไปเถอะลูก เดี๋ยวพ่อจะไปทำงานก่อนแล้วตอนเย็นเจอกันนะ” คุณเตวิชบอกลูกชายและลุกขึ้นพร้อมกับคุณธาวินีที่จะเดินไปส่งสามีที่รถไปทำงานทุกวัน
“ครับคุณพ่อ” ติณณ์ลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นไปห้องของเขาที่แม่บ้าทำความสะอาดให้อย่างหอมกรุ่นไปทั้งห้องอย่างรู้ใจเขาพอได้อาบน้ำสระผมเขาก็ตาสว่างขึ้นผ่อนคลายจากอาการง่วงนอนได้เล็กน้อยจึงนึกถึงปนาลีเขาจึงโทรหาเธอ
"กริ้งๆกริ้งๆๆ"
“สวัสดีค่ะ พี่ติณณ์” ปนาลีรับสายที่คุ้นเคยเพราะต่างก็ใช้เบอร์เดิมไม่ได้เปลี่ยนและนานๆจะโทรคุยกัน
“สวัสดีครับหนูลี สบายดีมั้ยครับ” ติณณ์ถามปนาลีด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นเดิม
“สบายดีค่ะ พี่ติณณ์ละคะสบายดีมั้ยแล้วจะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่คะ” ปนาลีถามติณณ์เพราะเธอยังไม่รู้ว่าเขากลับมาเมืองไทยแล้ว
“พี่เพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้เองครับ เลยโทรมาหาหนูลีอยากคุยเรื่องของเราน่ะครับ” ติณณ์บอกปนาลีเพราะเขาอยากจะเคลียให้มันจบๆไป
“ได้ค่ะช่วงนี้หนูลีว่างค่ะ พี่ติณณ์ว่างเมื่อไหร่ก็โทรนัดหนูลีได้นะคะ” ปนาลีบอกติณณ์คนที่เธอนับถือเป็นพี่ชายมาตลอด
“ตกลงครับเดี๋ยวพี่ว่างแล้วจะโทรหาหนูลีนะครับ” ติณณ์คุยกับปนาลีต่ออีกนิดหน่อยก็วางสายแล้วล้มตัวนอนคิด เพลินๆและหลับไปอย่างไม่รู้ตัวจนเที่ยงแม่เขาขึ้นมาเคาะประตูห้องเพราะเห็นว่าลูกชายยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่มาถึง
"ก๊อกๆ ก๊อกๆ"
“ติณณ์ แม่เข้าไปได้มั้ยลูก” คุณธาวินีเรียกลูกชายก่อนที่ท่านจะเข้าไปในห้องของเขา
“ครับแม่” ติณณ์งัวเงียตอบรับแม่ของเขาและลุกขึ้นนั่งส่ายหน้าไปมาเพื่อเรียกสติตัวเองให้ตื่น
“อ้าว, แม่มาปลุกติณณ์หรือเปล่าลูกจะนอนต่อก็ได้นะเดี๋ยวแม่ค่อยมาใหม่” คุณธาวินีถามลูกชายเมื่อเห็นเขานั่งส่ายหน้าไปมาอยู่บนเตียงจึงถามเขากลัวว่าลูกชายจะเจ็ตแล็กเพราะเพิ่งลงจากเครื่องและปรับตัวเรื่องเวลาอีก
“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมหิวพอดีเลยครับ” ติณณ์บอกแม่ของเขาที่เป็นห่วงลูกชายเรื่องปรับตัว
“งั้นติณณ์ไปล้างหน้าล้างตาแล้วตามแม่ลงไปที่ห้องอาหาร คุณปู่รอกินข้าวกลางวันกับหลานชายอยู่น่ะลูก” คุณธาวินีบอกลูกชายเพราะปู่ของติณณ์ดีใจที่หลานชายกลับมาบ้านก่อนจะกุลีกุจอลงไปจัดการเรื่องอาหารให้ลูกชาย
“ครับแม่” ติณณ์รับปากแม่แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำและอาบน้ำอีกครั้งหนึ่งก็สดชื่นขึ้นและไปเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปที่ห้องกินข้าวที่คุณปู่นั่งรอกินข้าวกับเขาอยู่
“สวัสดีครับป้าสายมีอะไรให้ผมกินบ้างครับ” ติณณ์ยกมือไหว้ป้าสายกอดเธอและหอมแก้มของท่านและถามหาอาหารของเขา
“สวัสดีค่ะคุณหนูไม่เจอกันตั้งนานคิดถึงจังเลยค่ะ” ป้าสายยังเรียกเขาว่าคุณหนูเหมือนเดินแต่เขาโตจะมีเมียอยู่แล้วนะ
“ผมจะไม่คิดถึงป้าสายก็ตอนเรียกคุณหนูนี่แหละครับ เรียกติณณ์เถอะครับผมโตจนแม่หาเมียให้แล้วนะครับ” ติณณ์บอกแม่บ้านที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็กพร้อมกับนักรบลูกชายของเธอ
“ไม่ค่ะป้าจะเรียกคุณหนูอย่างนี้แหละจนกว่าคุณหนูจะมีคุณหนูๆตัวน้อยๆมาให้คุณท่านชื่นชมก่อนแล้วป้าจะไม่เรียกค่ะ” ป้าสายบอกคุณหนูตัวโตของเธอ
ติณณ์ส่ายหน้าให้ป้าสายอย่างเหนื่อยใจจนคุณปู่กับแม่ของเขาอดขำไม่ได้ทั้งที่ป้าสายจะเอาใจตามใจคุณหนูของเธอทุกเรื่องยกเว้นเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ป้าสายไม่ยอมทำให้ติณณ์ต้องยอมป้าสายต่อไป
“ฉันว่าแม่สายใกล้จะได้เรียกคุณติณณ์ล่ะ ใช่ไหมแม่วิ” คุณปู่บอกแม่สายที่รู้ดีพอๆกับท่านว่าลูกชายกับลูกสะใภ้จะให้ติณณ์แต่งงานกับปนาลีลูกสาวเพื่อนของลูกชายลูกสะใภ้ของท่าน
“ใช่ค่ะคุณพ่อ ติณณ์ว่าไงลูกตกลงแต่งงานกับหนูลีนะลูก” แม่ปู่ของลูกชายปูทางมาให้คุณธาวินีก็ถามลูกชายซะเลย
“โธ่แม่ครับ ผมเพิ่งมาถึงและยังไม่ได้คุยกับหนูลีเลยนะครับ” ติณณ์พูดไปกินไปกำลังอร่อยต้องชะงักช้อนคาปากก็ตอนที่แม่เขาถามเรื่องแต่งงานนี่แหละ
“คุยกับน้องก่อนก็ดีลูกไหนๆจะแต่งงานกันอยู่แล้วจะได้สนิทสนมกันมากขึ้นน่ะ” คุณธาวินียังไม่เลิกคุยเรื่องแต่งงานทำเอาติณณ์เซ็งเขาเลยยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“แล้วนี่นายรบไปทำงานต่อเหรอครับแม่” ติณณ์ถามแม่ของเขาเพราะต้องการเปลี่ยนเรื่อง
“ไปพร้อมกับคุณพ่อน่ะลูกเห็นว่างานมีปัญหาน่ะ” คุณธาวินีตอบลูกชายคนเดียวของท่านที่นั่งนิ่งไป
“คุณปู่จะไปห้องนั่งเล่นเลยหรือเปล่าครับ” ติณณ์ถามคุณปู่เพราะเขามีเรื่องจะคุยกับท่าน
“ไปสิปู่อิ่มแล้ว”คุณปู่ลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉงเดินนำหลายชายไปที่ห้องนั่งเล่นของท่านปล่อยให้คุณธาวินีสั่งงานกับคนในบ้านให้ทำความสะอาดในห้องอาหาร
“ติณณ์มีอะไรจะคุยกับปู่ล่ะลูก” คุณปู่ถามหลานชายอย่างรู้ใจเขาดีว่าทุกเรื่องที่หลานชายจะทำอะไรตัดสินใจอย่างไรมันมีเหตุและผลทั้งนั้น
“ผมยังไม่อยากแต่งงานคุณปู่คุยกับพ่อแม่ให้ผมหน่อยสิครับ” ติณณ์ลูกชายขอร้องคุณปู่แต่ท่านไม่สามารถก้าวก่ายเรื่องของครอบครัวจึงอยากให้พวกเขาคุยกันเอง
“ติณณ์ลองฟังเหตุผลของพ่อแม่หน่อยสิลูกถึงแม้ว่าปู่จะไม่เห็นด้วยก็ตาม” คุณปู่บอกหลานชาย
“เฮ้อ ผมจะทำยังไงดีครับคุณปู่” ติณณ์หมดหนทางที่จะปฏิเสธจึงได้แต่นั่งถอนหายใจอย่างเบื่อจนอยากกลับไปทำงานต่อที่เยอรมันเร็วเลยแหละ จากนั้นเขาก็โทรนัดเพื่อนๆว่าจะไปดื่มกันสักหน่อยแม้ว่าเพิ่งจะมาถึงแต่หนุ่มๆกลุ่มนี้อึดกันทุกคนนะขอบอก