ตอนที่ 5 รักแรกพบของซงจื่อรุ่ย

1478 Words
..ซงจื่อรุ่ย เกือบถึงประตูจวนอ๋องแล้ว แต่ข้าก็ต้องสะดุดตากับร่างของหญิงสาวที่ทำท่าเก้กังอยู่บนสันกำแพง นางพยายามทิ้งตัวลงมาแต่ก็คงลืมไปว่าขาของตัวเองสั้นแค่ไหน เท้าทั้งสองข้างปีนป่ายตะเกียกตะกายหาที่ยึดเกาะไปทางโน้นทีทางนี้ทีช่างเป็นภาพที่ชวนขบขัน ชายกระโปรงผ้าไหมเนื้อดีที่ถูกตัดเย็บให้เฉพาะสตรีสูงศักดิ์ตอนนี้ปลิวไสวไปมาช่างดูน่าอาย ไม่ทันที่ข้าจะทันได้ละสายตาจากร่างเล็กๆ ของนาง นางก็ตกมาอยู่ในอ้อมแขนข้าเสียแล้ว ผิวสัมผัสที่เนียนเรียบขาวราวกับหิมะแรก แววตาของนางทอประกายประหนึ่งเพชรพลอยที่ถูกประดับไว้บนฝากฟ้า ปากบางเป็นกระจับแต่กับอวบอิ่มแดงระเรื่อ กลิ่นกายที่หอมอ่อนแตกต่างจากเครื่องหอมที่ขายตามร้านค้าชวนให้ข้าหลงใหลไปชั่วขณะ พลันนาทีที่นางมองสบตาข้า ประหนึ่งว่าใบไม้ที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้าได้หยุดเคลื่อนไหว เสียงหัวใจที่เคยเต้นเชื่องช้าที่บ่งบอกการมีอยู่ของร่างกายนี้มันกลับเต้นรัวเร็วไม่เป็นจังหวะ ไม่รู้ว่าตัวข้าตกอยู่ในภวังค์นี้นานเท่าไร่ แต่ที่รู้ตอนนี้ข้าสามารถยิ้มออกมาโดยไม่ต้องอาศัยสิ่งอื่นใดนอกจากใบหน้าของนางเท่านั้น หรือนี่จะเรียกว่า "รักแรกพบ" "นี่ คะ คุณ เอ่อ คุณชายปล่อยข้าลงได้แล้ว" อิงฟ้าส่งสายตาให้ชายหนุ่มปล่อยตัวเธอลง "ฮะ! เข้าใจแล้ว" เขาค่อยๆ บรรจงวางเธอลงอย่างเบามือ "เจ้าเจ็บที่ใดหรือไม่" แม้ในใจจะเอ่ยถามไปอย่างนั้น แต่ภายในใจชายหนุ่มกลับเสียดายที่จะต้องปล่อยวางเธอลง ทั้งที่ในใจอยากจะอุ้มกลับจวนตัวเองด้วยซ้ำ "ขอบคุณ คุณชายมาก ข้าไม่เป็นอะไร" เธอตอบด้วยน้ำเสียงกุกกักอย่างคนขัดเขิน .............. "อยู่นั่น ตามจับมาเร็ว" เสียงทหารดังแว่วมาแต่ไกล อิงฟ้าได้ยินเสียงตะโกนไล่หลังเธอมา เธอหันมองตามเสียงที่ได้ยินก่อนจะรีบร้อนขอตัวลาชายหนุ่ม "คุณชายข้าจำเป็นจะต้องขอตัวก่อน" มือทั้งสองข้างของเธอพร้อมใจกันถลกกระโปรงขึ้นก่อนจะออกวิ่ง "เดี๋ยว..เดี๋ยวก่อน เจ้าชื่อ" ไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากถาม ตอนนี้หญิงสาวที่เป็นรักแรกของเขาก็วิ่งหายไป ด้วยท่าทางที่กุลสตรีทั่วไปไม่ปฏิบัติกัน ซงจื่อรุ่ย อดที่จะยิ้มกับภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ได้ ไม่ซิอันที่จริงตั้งแต่ที่เจออิงฟ้าเขายังไม่หุบยิ้มเลยต่างหาก "แคกๆ โอ๊ยเหนื่อย วิ่งหนีจนเหนื่อยแล้วเนี่ย โอ๊ยทั้งเหนื่อยทั้งหิวรู้แบบนี้หยิบเงินมาด้วย" อิงฟ้ายืนพิงกองฟืนที่อยู่ภายในซอยเพื่อบรรเทาอาการเหนื่อยหอบ "นี่ นี่" "ตกใจหมดเลย ..คุณชายเมื่อเช้านี่เอง" เสียงเรียกของชายหนุ่มทำให้เธอสะดุ้งลุกขึ้นมาอย่างตกใจ หัวใจที่เคยเต้นแรงเพราะความเหนื่อยตอนนี้มันเต้นแรงกว่าเดิม เธอค่อยๆ ลูบหน้าอกเบาๆ เป็นการปลอบใจตัวเอง "เราพบกันอีกแล้ว สงสัยจะเป็นโชคชะตา" คนพูดไม่พูดเปล่าเขาเผยยิ้มออกมาอย่างดีใจ ไม่เพียงแค่ชายหนุ่มที่ยิ้ม ตอนนี้อิงฟ้าเองก็เผลอยิ้มออกมาเช่นกัน (อิงฟ้าแกจะยิ้มทำไมเนี่ย) "แฮะๆ" เธอยกมือเกาหัวตัวเองอย่างไม่เข้าใจ "ข้าได้ยินว่ามีคนแถวนี้บ่นว่าหิว" ชายหนุ่มเสียงอ่อนนุ่มเอ่ยออกมาอย่างเป็นมิตร "ใครหิว ท่านคงเข้าใจผิดแล้ว" (ฉันพูดเบาๆ เขาก็ได้ยินด้วยหรือ) โครก...เสียงท้องเจ้ากรรมของหญิงสาวร้องดังลั่นไม่ไว้หน้าเจ้าของ "เฮอะๆ" หญิงสาวหัวเราะแก้เขินกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "เจ้าหิวขนาดนี้ทำไมไม่หาอะไรกิน" ชายหนุ่มพูดยิ้มกับท่าทางที่ยิ่งมองก็ยิ่งน่าเอ็นดู "ข้าไม่มีเงิน" อิงฟ้ายิ้มแห้งๆ ให้กับคนที่อยู่ตรงหน้า "เช่นนั้นข้าขอเป็นคนเลี้ยงเจ้าเองได้หรือไม่ มีโรงเตี๊ยมเปิดใหม่ข้างหน้าได้ยินว่าอาหารเลิศรสไม่แพ้ร้านใดในละแวกนี้" ชายหนุ่มรูปงามแถมใจดีเอ่ยปากชวน "ก่อนหน้านี้คุณชายช่วยรับข้าไว้ ข้ายังไม่ได้ตอบแทนเลย ตอนนี้ท่านยังจะเลี้ยงข้าวข้าอีก เกรงว่าคงไม่ค่อยเหมาะ" เธอปฏิเสธอย่างถ่อมตน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะหิวจนสามารถกินช้างได้ทั้งตัวก็ตาม "ถ้าเจ้าเกรงใจ งั้นหลังจากทานข้าวเสร็จเจ้าก็เป็นเพื่อนข้าเดินเที่ยวงานโคมไฟคืนนี้แล้วกัน" เขายื่นข้อเสนอให้เธอ "งานโคมไฟหรือ ได้ตกลง" เธอตอบรับชายหนุ่มอย่างเต็มใจ (กินข้าวฟรี แถมได้ควงหนุ่มหล่อเที่ยวงาน จะมีอะไรดีไปกว่านี้อิงฟ้า) "เป็นอย่างไรบ้าง อาหารรสชาติถูกปากเจ้าหรือไม่ " ซงจื่อรุ่ย คีบซาลาเปาชิ้นใหญ่ใส่ในชามให้หญิงสาว เขานั่งมองเธอหยิบนู่นหยิบนี่เข้าปากไม่ขาดสายอย่างเอร็ดอร่อย ท่าทางของเธอราวกับเด็กเล็กช่างน่าขบขัน "อืมอร่อยมาก ท่านก็กินด้วยซิอย่ามัวแต่มองข้ากิน" อิงฟ้าเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มที่กำลังมองมาที่เธอพลางเชื้อเชิญให้เขากินบ้าง "เจ้าเป็นคุณหนูจวนไหนกัน ทำไมถึงกินจุขนาดนี้" ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงน่าเหลือเชื่อเมื่อเห็นจำนวนอาหารที่หญิงสาวกินเข้าไป เขามองหน้าเธอก่อนจะส่ายหัวเล็กน้อย อิงฟ้าหันมาแยกเขี้ยวใส่ชายหนุ่มอย่างน่าเอ็นดู แก้มทั้งสองข้างของเธอป่องจนแทบจะหุบปากไม่ลง พูดเสร็จเธอก็ก้มหน้าก้มตากินต่ออย่างเอร็ดอร่อย เสียงเรอที่ดังมาจากหญิงสาวชวนให้ชายหนุ่มเงยหน้ามายิ้ม แม้เสียงจะเบาแต่เขาก็ยังได้ยิน อิงฟ้าวางตะเกียบไว้บนชามอย่างเบามือก่อนยิ้มหวานให้เขาอย่างเขินอายกับกิริยาที่ไม่สามารถควบคุมได้ "อิ่มแล้ว" เธอยิ้มให้เขา ต่างจากเขาที่ตอนนี้มองชามข้าวที่วางอยู่ข้างเธออย่างตะลึง ............................. เทศกาลโคมลอยถูกจัดขึ้นเป็นประจำ ร้านค้าน้อยใหญ่ตั้งเรียงรายอยู่ตลอดทั้งสองข้างทาง เสียงพ่อค้าแม่ขายตะโกนเสียงดังเรียกลูกค้าไม่ขาดสาย เด็กน้อยชายหญิงตอนนี้กำลังวิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนานภายใต้แสงจันทร์ โคมไฟที่ถูกปล่อยจากทั่วทุกมุมเมืองลอยระยิบระยับประดับอยู่บนท้องฟ้า ชายหนุ่มหญิงสาวหลายคู่จูงมือคลอเคลียกระเซ้าเย้าแหย่กันอยู่ข้างธารน้ำใสช่างเป็นภาพที่น่าอิจฉา "โอ้โฮ! สวยมากเลย นี่..นี่..ท่านดูซิ" อิงฟ้าชี้ให้ชายหนุ่มดูโคมไฟมากมายที่ลอยล่องตามแรงลม "เจ้าชอบไหม" เขาเอ่ยถามหญิงสาวขึ้น "ชอบซิ" เธอหันมายิ้มให้กับเขา "ข้าดีใจนะที่เห็นเจ้าชอบ" ซงจื่อรุ่ย เอ่ยกับหญิงสาวแววตาของเขาประทับอยู่ที่เธอไม่ไปไหน "ข้ายังไม่ได้ถามชื่อเจ้าเลยไม่ทราบแม่นางชื่ออะไร" "ชื่อหรือ นั่นซิชื่ออะไรดี ท่านเรียกข้าว่าเอ่อฉิงแล้วกัน" "ชื่อเพราะความหมายดีเหมาะกับแม่นางยิ่งนัก" "แล้วท่านล่ะ ชื่ออะไร" "ข้าชื่อ ซงจื่อรุ่ย" "ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ" เธอยื่นมือออกไปแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าที่นี่แตกต่างจากที่เธอมา "เจ้ากลับบ้านเถอะนี่ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวคนที่บ้านเป็นห่วง" "คือท่านช่วยข้าอีกเรื่องได้หรือไม่ ข้าอยากจะรบกวนคุณชายให้ไปส่งตรงที่เราพบกันเมื่อเช้าได้หรือไม่ คือว่าข้าจำทางกลับบ้านไม่ได้ แฮะๆ" อิงฟ้ายิ้มแห้งแก้เขิน คนฟังได้ยินถึงกับยิ้มหัวเราะร่วนออกมาด้วยความเอ็นดู "ฮ่าๆ ได้เดี๋ยวข้าเดินไปส่งเจ้าเอง นี่ก็มืดแล้วเจ้าเดินระวังด้วย" "ขอบคุณ คุณชาย" ..ทั้งคู่เดินคุย หัวเราะ ตลอดทางโดยไม่ทันสังเกตว่ามีคนคอยแอบซุ่มดูความเคลื่อนไหวอยู่ไกลๆ ..... "มาแล้วหรือ" เสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูเยือกเย็นเอ่ยถามขึ้น "พ่ะย่ะค่ะ" เสียงขององครักษ์ฮ้าวอี้ขานรับ ก่อนจะเข้าไปกระซิบข้างหูผู้เป็นนาย ซึ่งตอนนี้กำลังขบกรามแน่น แววตาเยือกเย็นทวีความเหน็บหนาวยิ่งกว่าเดิมด้วยความโกรธจัด "เตรียมม้าข้าจะกลับจวน" ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนมือใหม่ด้วยนะคะ ทุกๆ คอมเม้นต์ ทุกๆ❤️ เป็นเหมือนกำลังใจไรท์จ้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD