เสี่ยหมูผู้มีรูปร่างเหมาะสมกับชื่อเรียก เขาพยายามอดกลั้นความขุ่นเคืองกัดฟันยิ้ม
“เฮียพูดแบบนี้ งั้นก็แปลว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วน้าเฮีย น้องเขยคงไม่ปล่อยให้พี่เมียต้องลำบากจริงๆหรอก ใช่ไหม?”
“หึ! เล่นกับหมา หมามันก็ชวนกินขี้เปล่าๆ เหม็นเน่าสิ้นดี” คำสบทในลำคอ เหลือบมองคู่สนทนาด้วยสาตาดูถูก
“ไอ้แทน ไอ้โก้ มึงสองคนจะไม่ช่วยใช้หนี้ให้พี่เมียของพวกมึงหน่อยเหรอวะ?”
คำพูดหยอกเย้าแต่ทว่าเป็นเรื่องจริง ชายตัวโตพูดพลางหันไปยิ้มให้กับลูกน้องที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ด้วยคำพูดและท่าทางของกลุ่มชายฉกรรจ์ภายในห้อง สร้างความมึนงงชวนสงสัยให้กับแขกอยู่ไม่น้อย
“โห้นายครับ พวกผมก็แค่เอาสนุกๆ จะมาให้ช่วยใช้หนี้เป็นสิบๆล้านไม่ไหวมั้งครับ”
“นั้นสิครับนาย อีกอย่างมีแค่พวกผมสองคนซะเมื่อไหร่ ไอ้ที่ยืนอยู่หน้าห้องก็เอากันทุกคน”
“มะ หมายความว่าไง พวกมึงทำอะไรกับน้องสาวกู”
สรรพนามแทนตัวถูกเปลี่ยน ดวงตาตี๋เบิกกว้างด้วยอารมณ์โมโห ตอนนี้ชายร่างท้วมสั่นสะท้าน ทั้งใบหน้าแดงก่ำลามไปจนถึงใบหู กรามอวบกัดฟันแน่น ราวกับเตรียมพร้อมที่จะระเบิดอารมณ์โกรธเกรี้ยวออกมาอย่างเต็มกำลัง
“เสี่ยหมูครับ ใจเย็นๆก่อน คนกันเองทั้งนั้น นั่นก็น้องเขยเสี่ย นี้ก็ผัวอาหมวย แต่น่าเสียดายที่ไม่มีผมอยู่ในนั้น”
ผมมองหน้าเสี่ยหมูที่กำลังโกรธจัด ยิ่งเขาแสดงอาการไม่พอใจมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกสนุกมากขึ้นเท่านั้น นอกจากกลิ่นหอมจากตัวสาวๆ อีกอย่างที่ผมชื่นชอบคือการเล่นกับความรู้สึกของผู้คน ไม่ว่าจะความโลภ โกรธ หลง หรือแม้แต่ความเจ็บปวดจนแทบอยากตาย แต่ก็ตายไม่ได้
“เห็นแก่ที่เสี่ยหมูเป็นลูกค้าที่ดีของบ่อนเรามาโดยตลอด ผมจะให้โอกาสอีกสักครั้ง”
ใบหน้านิ่งไร้อารมณ์ น้ำเสียงเรียบเย็นแฝงไปด้วยความน่ากลัว
“เฮียเต้พูดจริงๆใช่ไหม ไม่ได้หลอกอั๊วเล่นใช่หรือเปล่า”
“ผมเป็นเพื่อนเล่นกับคุณหรือไง?”
ดวงตาดุจ้องใบหน้าอ้วนกลม สายตาคู่นั้นเป็นดั่งมีดคมกริบเสียบแท่งเข้าไปในจิตใต้สำนึกสะกิดให้รู้ถึงความน่ากลัวที่อยู่ในร่างนั้น
“เสี่ยหมู ผมว่าเสี่ยออกไปก่อนดีกว่า ตอนนี้นายผมเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้ว”
สิ้นคำเตือนของแทนไท เสี่ยหมูก็เดินก้มหน้าเดินเลี่ยงออกไปจากห้องโดยมีโก้เดินตามหลังค่อยประกบออกไปด้วย
“จัดการเอาเอกสารให้มันเซ็นต์ แล้วเอาเข้าตลาดขายให้หมด”
“ครับนาย”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูทำให้การสนทนาของคนที่อยู่ภายในห้องหยุดลง ก่อนที่แทนไทจะเดินออกไปดูว่าคนที่มาเคาะเป็นใคร
แกร็ก!
“มีอะไร?”
“โซน3 มีลูกค้าโวยวายหาว่าบ่อนเราโกงครับพี่แทน ตอนนี้ลูกค้าคนอื่นๆ ต่างตกใจแตกตื่นกันหมด เริ่มสงสัยแล้วก็ไม่เชื่อใจบ่อนเราครับ”
ชายตัวสูงพูดด้วยเสียงเหนื่อยหอบ คำรายงานจากลูกน้องเฝ้าบ่อนดังรอดไปจนถึงหูของชายตัวโตที่อยู่ด้านใน ทำให้อารมณ์ที่สงบนิ่งกลับแปลเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิด
“มันเป็นใคร?”
“เดี๋ยวผมไปจัดการเองครับนาย”
“ไม่ต้อง! กูจะไปดูเอง ว่าใครที่มันกล้ามาก่อเรื่องในที่ของกู” สิ้นคำ ร่างกำยำก็เดินออกไปจากห้อง พร้อมกับลูกน้องอีกสองคนที่วิ่งตามไปติดๆ
ห้องโถงขนาดใหญ่หลายห้อง ถูกแยกแบ่งออกเป็นโซน แต่ละโซนขึ้นอยู่กับขั้นต่ำของเงินเดิมพัน แม้จะเป็นโซนล่างสุด แต่การดูแลและการตกแต่งก็หรูหราไม่แพ้โซนอื่นที่มีราคาเริ่มต้นสูงกว่า
“เห็นไหม? โกงกันชัดๆ คิดจะแหกตากันหรือไง?”
“ใช่ๆ ขี้โกง”
ทันทีที่ก้าวผ่านธรณีประตูเสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังไปทั่วทั้งโถง ลูกค้าที่เข้ามาเสี่ยงโชคต่างแตกตื่นซุบซิบพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้จะมีการ์ดเข้ามาควบคุมแต่ทว่ากลับไม่สามารถจัดการให้สงบลงได้
“พวกมึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร? ลูกเขยกูเป็นถึงเจ้าของที่นี่เชียวนะ พวกมึงระวังตัวไว้ดีๆ กูจะสั่งให้ลูกเขยกูไล่ออกให้หมด ไอ้พวกขี้ข้า”
ปัง!
กรี๊ด~~
อร้ายย~
เสียงดังกังวานก้อง กลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้ง ตามด้วยเสียงกรีดร้องของผู้คนพร้อมหมอบราบลงกับพื้นด้วยอาการหวาดกลัว ก่อนทุกอย่างจะสงบเงียบลงเพียงไม่กี่อึดใจ
“เมื่อกี้ มึงบอกว่าเจ้าของที่นี่เป็นลูกเขยมึง มันชื่ออะไร?”
“เฮียเต้ น่ะ มึงรู้จักไหม?” เสียงพูดดัง ทุกคนที่อยู่ภายในห้องต่างหันมองมาที่ชายหนุ่มร่างกำยำที่ยืนตระหง่านอยู่กลางโถง
“มึงว่าอะไรนะ?”
เสียงเข้มเค้นถาม ดวงตาแดงก่ำจ้องชายวัยแตะเกษียรด้วยความโกรธหมาดคาดเอาชีวิต
“เอ๊ะ ไอ้ห่านี้มึงหูแตกหรือไง เดี๋ยวกู..!” คำพูดหายเข้าไปในลำคอ ใบหน้าขาวซีด ริมฝีปากสั่นระริก เข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้นทันทีที่เห็นว่าชายตรงหน้าเป็นใคร
“กูไปเป็นลูกเขยมึงตั้งแต่เมื่อไหร่?” นัยน์ตาแดงก่ำราวกับจะฉีกร่างของคนตรงหน้าออกเป็นชิ้นๆ ทุกอย่างภายในห้องเงียบสนิท มีเพียงเสียงลมหายใจของคนที่กำลังหวาดกลัวเท่านั้น
ดวงตาคมมองร่างที่กำลังสั่นเทาด้วยความสมเพช แต่เมื่อมองดีๆ เขากลับรู้สึกเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน ทั้งท่าทางและสถานการณ์ก็ไม่ต่างจากตอนนี้สักเท่าไหร่
“นายครับ” แทนไทกระซิบเรียก ทำให้ชายตัวโตเหลือบมองด้วยหางตา
“เขาเป็นพ่อของน้องพรีม”
หึ!
มุมปากหนากระตุกยิ้ม เค้นขำในลำคอ ความคิดเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาในหัว
“ดี งั้นก็ลากมันไปที่ห้อง”
สิ้นคำ ชายร่างใหญ่สองคนก็เดินเข้าไปหิ้วปีกคนก่อเหตุ ลากตัวออกไปจากห้องทันที
“เฮียครับ ฟัง ฟังผมก่อนนะครับเฮีย อย่า ปล่อยกู ปล่อย อย่ามาจับกู เฮียครับ”
“ตอนนี้ทุกอย่างปกติแล้ว เชิญลูกค้าทุกท่านเล่นกันได้ตามปกติได้เลยครับ” น้ำเสียงสุภาพใบหน้าคมคายยิ้มหวาน ต่างจากเมื่อครู่ราวกับเป็นคนละคน
เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาพวะปกติ ชายตัวโตก็หันหลังเดินกลับมาที่ห้องทำงานเพื่อจัดการตัวปัญหาของค่ำคืนนี้ให้เรียบร้อย
กึก กึก กึก
ฝีเท้าหนักเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าคน
“เงยหน้าขึ้นมา” เสียงเค้นในลำคอมองร่างที่นั่งหมอบอยู่บนพื้น
“เฮียครับ ผม ผมไม่ได้ตั้งใจจะเอาเฮียมาอ้างนะครับ ยังไงลูกสาวผมก็อยู่กับเฮีย ตะ ตามศักดิ์ ผมว่า ผมก็พูดไม่ผิด”
“ฮ่าๆ ลูกเหรอ? กูจำได้ว่าตอนนั้นมึงบอกจะไปหาเงินมาใช้หนี้ แต่ผ่านไปสองปีกว่าแล้ว ทำไมกูถึงยังไม่ได้เงินคืนสักบาท”
ร่างใหญ่ย่อตัวนั่งลงตรงหน้าชายมีอายุ กระบอกปืนช้อนปลายคางให้ใบหน้าเหี่ยวย่นเงยขึ้นมาสบตา
“ทำไม? ลืมแล้วเหรอ หื้ม”
“ปะ เปล่าคับเฮีย แตะ แต่ผมดวงไม่ค่อยดี เลย..”
“กูให้มึงไปทำงานหาเงิน ไม่ใช่ให้เข้าบ่อน” เสียงตะคอกดัง จนทุกคนที่อยู่ภายในห้องก้มหน้าหลบด้วยความตกใจ
“ผะ ผมขอโทษครับเฮีย ผมจะไม่เล่นอีกแล้ว ฮือ ผมไม่ทำแล้ว” เสียงร้องไห้ฟูมฟายไม่ต่างจากเด็ก ยิ่งทำให้ชายตัวโตรู้สึกสมเพชและรังเกียจ
“ไปเอาเอกสารในลิ้นชักมา”
แทนไทเดินไปหยิบเอกสารออกมาให้ผู้เป็นนาย ก่อนที่เขาจะทิ้งมันลงตรงหน้าของชายที่นั่งอยู่กับพื้น
ปึก!
“เซ็นซะ!”
“ซะ เซ็นอะไรครับเฮีย มันคืออะไร เฮียจะฆ่าผมเหรอ ผมยังไม่อยากตาย ผมไม่เซ็น ฮือๆ ไม่นะ ปล่อยผม ฮือ โอ้ยๆ ”
การ์ดตัวใหญ่กดร่างของชายผู้ก่อเหตุไว้กับพื้น ยิ่งเขาพยายามตะเกียกตะกายดิ้น แรงกดก็ยิ่งทวีสร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกายแสนสาหัส