ตอนที่6 ระยะห่าง

1476 Words
ผมจะยอมตัดใจปล่อยเธอไปก่อนแม้จะไม่ค่อยเต็มใจ ไม่สิ! เรียกว่าขัดใจมากๆเลยต่างหาก แต่ไม่เป็นไรเพราะตราบใดที่เธอยังอยู่ที่นี่ผมก็ยังมีโอกาสตลอดอยู่ที่ว่าผมอยากได้เมื่อไหร่ แค่นั้น “แม่ง! แข็งโด่ขนาดนี้จะเอาลงยังไงวะ?” เสียงสบทในลำคอ ก้มมองส่วนที่ชูตั้งดันผ้าขนหนูออกมาจนเห็นชัด ก่อนชายตัวโตจะดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ จัดการรีดพิษงูเห่าที่กำลังแผ่ชู้คอแม่เบี้ยให้สงบลง เวลาผ่านไปไม่นาน ชายตัวโตก็เดินลงมาจากบ้านด้วยใบหน้าอมยิ้มก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าของแทนไท ที่ยืนเปิดประตูรถรอ “วันนี้มึงวิ่งตามรถ” “ห๊ะ! นะ นายพูดเล่นใช่ไหมครับ วะ วิ่งตามรถไม่ไหวมั้งครับนาย” “เรื่องของมึง ใครใช้ให้มึงเสือกไม่เข้าเรื่อง” สิ้นคำ ชายตัวโตก็แทรกตัวเข้าไปนั่งในรถ ปล่อยให้แทนไทยืนคอตกมองด้วยสายตาระห้อย รถหรูค่อยๆถูกขับเคลื่อนออกจากบ้านหลังใหญ่ช้าๆ โดยด้านหลังมีชายตัวผอมสูงวิ่งตามมาติดๆ “จะปล่อยให้วิ่งตามไปจนถึงโกดังจริงๆเหรอครับนาย” “หึ สมน้ำหน้ามัน ชอบขวางความสุขกูดีนัก ขับออกไปก่อนถึงหน้าบ้านค่อยจอดรอมัน” ผมสั่งให้ลูกน้องขับรถออกมาจอดรอหน้าประตู เพื่อเป็นการลงโทษคนที่ทำให้ผมต้องเมื่อยมือในรอบหลายสิบปี ถึงไม่ได้รู้สึกโกรธแต่ก็ทำเพื่อความสะใจสนุกๆเท่านั้น “แฮ่ก ๆ แฮ่ก ๆ ขอบ คุณครับนาย” เสียงหายใจหอบ กล่าวขอบคุณเจ้านายที่นั่งรออยู่ในรถ แม้จะบอกว่าแค่หน้าบ้านแต่ด้วยพื้นขนาดใหญ่ทำให้ระยะทางจากตัวบ้านกับประตูใหญ่อยู่ไกลกันมาก ดังนั้นการวิ่งตามรถออกมาจึงไม่ใช่เรื่องสนุกอย่างที่หลายคนคิด “หอบเป็นหมาเลยนะมึง ครั้งนี้ถือว่าเป็นการสั่งสอนที่ชอบกวนตีนกู” “โธ่ นายครับ แฮ่ก ๆ ผะ ผมกลัวนายไปสายเลยต้องขึ้นไปตามเอง” แทนไทหันกลับมาแก้ตัว มองหน้าชายตัวโตที่นั่งอยู่เบาะหลังด้วยความสำนึกผิด “เหรอ? ถ้ากูเชื่อมึงกูคงเป็นเจ้านายมึงไม่ได้หรอก พรีมเป็นของกู ห้ามพวกมึงตัวไหนแตะเด็กกูเด็ดขาด ไม่งั้นกูเอาตาย” “พวกผมไม่กล้าหรอกครับ ใช่ไหมวะไอ้แทน” ลูกน้องที่เป็นคนขับรีบปฏิเสธพร้อมเหลือบไปมองแทนไทที่นั่งอยู่ข้างๆเพื่อสนับสนุนคำพูดของตน “จริงครับ พวกผมเห็นน้องพรีมเป็นแค่น้องสาว ไม่มีใครกล้าแตะหรอกครับ” “รู้แบบนั้นก็ดี กูจะได้ไม่ต้องพูดเยอะ” ณ บ่อนการพนันใจกลางเมือง ผู้คนพลุกพล่าน เสียงหัวเราะพูดคุยดังอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์ กลิ่นบุหรี่ แอลกอฮอร์คละคลุ้ง สาวสวยนุ่งผ้าน้อยชิ้นเดินไปมา การละเล่นหลากหลายแบบแตกต่างกันในแต่ละโต๊ะให้ผู้ที่เข้ามา ได้เลือกสรรค์เล่นตามความต้องการ ประตูเหล็กบานใหญ่เปิดกว้าง กลุ่มชายฉกรรจ์ร่างกำยำเดินเข้ามา บรรยากาศภายในห้องรูปแบบของสถานแตกต่างจากด้านนอกราวกับเป็นคนละโลก ห้องโถงกว้างเพดานสูงพื้นที่ปิดไร้หน้าต่างทีเพียงผนังดำมืดพร้อมกล้องวงจรนับร้อยคอยสอดส่องจับตาดูพฤติกรรมของคนที่เข้ามารับบริการ หลอดไฟระย้าห้อยลงมาจากเพดานสูงส่องสว่างลงมาตามจุดที่โต๊ะเปิดบริการ พื้นห้องเรืองแสงสีเหลืองอ่อนพอให้มองเห็นทางเดินเพียงเท่านั้น ภายในสถานอักโคจรถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับ ทั้งนักเที่ยวทั่วไป และลูกค้าเจ้าประจำ ตั้งแต่ลูกค้าระดับย่อมมีแค่เงินติดกระเป๋า ไปจนถึงระดับนักธุรกิจดำขาว ผู้มีชื่อเสียงในแวดวงสังคม เงินทองล้นกระเป๋าจนต้องหาทางละบายออก ไม่ว่าลูกค้าแบบไหนสถานที่แห่งนี้ก็สามารถตอบทุกโจทน์ความต้องการได้ทั้งสิ้น แต่สิ่งเดียวที่ทุกคนควรรู้และเข้าใจก่อนก้าวเข้ามา นั่นก็คือ กฎ! ของที่แห่งนี่ “สวัสดีครับนาย เสี่ยหมูมารอนายตั้งแต่บ่ายแล้วครับ” ร่างใหญ่ที่เพิ่งเดินเข้ามาหยุดนิ่งเหลือบขึ้นไปมองห้องกระจกชั้นสองทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่สามารถมองเห็น แต่ความหมายความน่าเบื่อของคนที่รออยู่ข้างในห้องนั้น “มันมาทำไม?” “เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เสียที่บ่อนเราไปเกือบยี่สิบล้าน แล้วเมื่อวานเสียอีกห้าสิบล้าน ผมคิดว่าน่าจะอยากกู้เพิ่มครับ” แทนไทกระซิบพร้อมกับยื่นข้อมูลบัญชีให้ดู “หึ พวกสวะ!” เสียงเค้นขำในลำคอ มุมปากกระตุกยิ้มก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องทำงาน แอ๊ด~ เสียงประตูดังฝืดลากยาว ทำให้ชายอ้วนลงพุงที่กำลังนั่งหลับสะดุ้งตื่น พร้อมเอามือเช็ดน้ำลายที่ไหลอาบลงมาจนเปื้อนสูทสีเข้ม ก่อนจะหยิบแว่นตาหนาขึ้นมาใส่ให้เรียบร้อย “เฮียเต้ เฮียเต้มาแล้ว” เสียงทุ้มเรียกชื่อ คนที่เพิ่งเข้ามาในห้องพร้อมวิ่งปรี่เข้าไปหาเหมือนเด็กน้อยวิ่งหาแม่ แกร็ก! ตึก ตึก กึก! ฝีเท้าหนักหยุดชะงัก ดวงตาตี๋เบิกโพรงจ้องปลายกระบอกสีดำเมี่ยม จ่ออยู่กลางหว่างคิ้ว เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาเต็มใบหน้า ก่อนชายร่างท้วมจะฝืนกลืนน้ำลายเหนียวลงคอด้วยความยากลำบาก “จุ๊ๆ อย่าเสี่ยมารยาทกับเสี่ยหมูแบบนั้นสิ” เสียงนุ่มลึก บอกแทนไทที่ขึ้นไกรอให้เก็บอาวุธ ใบหน้าคมคายยิ้มหวานมองหน้าแขกที่มารออย่างเป็นมิตร “ขอโทษครับเสี่ยผมชินมือไปหน่อย” “ไม่เป็นไร อาแทน อั๊วเข้าใจ ไม่ถือๆ” แทนไทเก็บอาวุธเข้าที่ ก่อนจะเดินถอยกลับไปอยุ่ด้านหลังของผู้เป็นนายเช่นเดิม “กลับไปนั่งก่อนเถอะครับเสี่ย เห็นเด็กๆบอกว่าเสี่ยมารอผมตั้งแต่บ่าย แล้วทำไมไม่ให้เด็กๆโทรไปบอกผมละครับ” เสี่ยหมูนั่งลงบนโซฟา เกาหัวตัวเองเหมือนกำลังคิดทบทวนความจำ ก่อนจะหันมายิ้มให้กับชายตัวโตที่นั่งอยู่ตรงหน้า “อั๊วบอกแล้วนะเฮีย บอกตั้งแต่มาถึงเลยด้วย” “ไอ้แทน มึงไปจัดการสิใครเป็นคนดูแลเสี่ยหมู ไม่ต้องถึงตายนะกูขี้เกียจทำศพ” “ครับนาย” “อั้ยยะ! ไม่เป็นไรๆ อั๊วคงพูดไม่ชัดเองอย่าไปโทษเด็กๆมันเลยครับ” แทนไทที่กำลังยืนหันหลังให้ชายทั้งสองยกยิ้ม นิ่งฟังบทสนทนาอยู่เงียบๆไม่ได้พูดอะไร “จะดีเหรอครับเสี่ย? ไอ้เด็กพวกนี้มันต้องโดนสั่งสอนซะบ้างถึงจะจำ” “อย่าเลยๆ เฮียเต้เป็นคนใจดี อั๊วก็ไม่ใช่คนใจร้าย เรื่องแค่นี้อย่าไปคิดมากอั๊วไม่ถือสาหรอก” เสี่ยหมูแขกยิ้มกว้างดวงตาตคีบเล็กบีบแคบแทบมองไม่เห็น “หึ งั้นก็ดี แล้ววันนี้เสี่ยหมูมีอะไรหรือเปล่าครับ” “เห้อๆ แหมๆ เฮียก็น่าจะรู้ว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ใบหน้าคมเรียบนิ่ง สายตาเหม่อมองไร้จุดโฟกัส ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอย่างใจเย็น “แต่ตอนนี้ยอดของเสี่ยก็สูงอยู่นะครับ เท่าที่ประเมินคร่าวๆ ลำพังบริษัทกับร้านเพชรเล็กๆของเสี่ยตอนนี้ก็น่าจะไม่พอแล้ว” เสี่ยหมูยิ้มแห้ง ใบหน้าขาวซีดทันทีที่ว่าอีกฝ่ายรู้ทัน “เสี่ยหมู ผมจำได้ว่ามีน้องสาวอยู่คนนึงไม่ใช่เหรอ?” คำพูดลอย ๆ ของชายตัวโตทำให้เสี่ยหมูถึงกับนิ่งอึ้ง เขารู้ดีว่าสิ่งที่ชายตัวโตพูดหมายถึงอะไร “น้องอั๊ว อาหมวยมันก็มีแฟนแล้ว เฮียอย่าไปยุ่งกับมันเลย” “ฮ่า ๆ เสี่ย ผมไม่สนหรอกว่าอาหมวยของเสี่ยจะมีผัวหรือมีแฟน เพราะถึงเสี่ยยกใส่พานมาถวายผมถึงที่นี่ หนี้สินที่เสี่ยกู้ไปมันก็ไม่ได้ลดลงหรอก” “ทำไมเฮียพูดแบบนี้ละ น้องอั๊วมันไม่ดีตรงไหน ทำไมถึงดูถูกกันขนาดนี้?” หนุ่มร่างกำยำลุกขึ้นยืน หางตามองชายตัวอ้วนที่กำลังทำหน้ามพอใจ “อันที่จริง ผมเอามันจนเบื่อแล้วต่างหาก” คำพูดพร้อมสายตาเหยียดหยามทำให้เสี่ยหมูถึงกับหน้าแดงก่ำ ทั้งอับอายและโกรธแค้น แต่เพราะสิ้นหนทาง หากฝืนจะแข็งสู้ก็กลัวว่าตนจะไม่เหลือชีวิตกลับออกไปจากบ่อนแห่งนี้ได้อีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD