จ้าวจิ้งเทียนแอบลอบยิ้มภายในใจ หลิวลี่เซียนเป็นหญิงสาวที่แปลกพิลึกยิ่งนัก
"ข้ารู้นะว่าท่านแอบยิ้มเยาะข้าจิ้นหมิง"
"เจ้ากล่าวหาข้า"
หลิวลี่เซียนจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิดใจเต็มทน นางตั้งตารอไข่มุกสุยโหวจากเขา แต่เขากลับโลภใช้มันจนหมด แต่ก็ช่างเถอะนางไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอะไรปานนั้น ตอนที่นางยังมีชีวิตอยู่ในโลกอนาคต ถึงจะเป็นคุณหนูมหาเศรษฐีแต่ก็ไม่ใช่คนใจแคบอะไรปานนั้น อีกอย่างหมอนี่ก็อยากมีใบหน้าที่หล่อเหลาจนสาวเหลียวหลัง เอ๊ะ? จะว่าไปก็หล่อตรงสเป็คนางเหมือนกันนะเนี่ย
"เจ้ายังโกธรข้าอยู่หรือไม่? "
"ข้าโกธร!!! แต่ช่างเถอะข้าไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรปานนั้น แต่ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่บอกอะไรท่านอีกแล้ว!!! คนไม่รักษาสัญญา"
จ้าวจิ้งเทียนยิ้มออกมาเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่เขายิ้มให้กับสตรีเช่นนี้
"ข้าให้เจ้า ชิงชิง"
"อะไร? "
"ตอบแทนที่เจ้าช่วยข้า และไถ่โทษที่ข้าไม่รักษาสัญญา"
หลิวลี่เซียนมองหยกจันทราครึ่งเสี้ยวที่อยู่ในมือของจ้าวจิ้งเทียน ก่อนจะมองหน้าเขาด้วยแววตาสงสัย
"ให้ข้าเหรอ"
"ใช่ ให้เจ้า หยกนี้มีชื่อว่า หญิงงามโชคดี"
"หญิงงามโชคดี"
"ใช่ ข้าให้เจ้าครึ่งนึง อีกครึ่งนึงอยู่ที่ข้า หากวันใดเจ้าเดือดร้อนหรือต้องการความช่วยเหลือ ให้นำหยกนี้ไปที่วังหลวง บอกว่าข้าเป็นคนให้เจ้า มันจะช่วยเจ้าได้ในยามที่เจ้าลำบาก หรือหากมีเรื่องเร่งด่วนให้เจ้าไปถามหาชุนหลาง คนรับใช้ของข้าได้ที่ศาลาร้องทุกข์"
"ท่านรับราชการอยู่ที่วังหลวงหรือ?"
"ใช่ ข้าเป็นขันทีคนสนิทของฝ่าบาท"
เมื่อได้ยินคำว่าขันที ใบหน้าของหลิวลี่เซียนก็ปรากฏสีแดงชมพูจางๆ ขันทีที่ตัด เอิ่ม! คิกๆๆ
จ้าวจิ้งเทียนเดาออกว่านางกำลังคิดอะไรเขารีบกระแอมไอแก้เก้อเขินเล็กน้อย
"ข้าคงต้องไปแล้ว"
"โชคดี บ๊ายบาย"
"บ๊ายบาย? "
หลิวลี่เซียนยกมือโบกให้จ้าวจิ้งเทียนไปมา เขายิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะกระโดดหน้าต่างหายไปในความมืด
หลิวลี่เซียนกำลังพิจารณาหยกในมือ หยกนี้ดูล้ำค่ายิ่งนักเหมือนเป็นของชนชั้นสูง แต่ก็ไม่น่าแปลกใจอะไร หมอนั่นเป็นคนสนิทของฮ่องเต้เขาย่อมต้องมีสิ่งของล้ำค่าที่ได้จากการพระราชทานอยู่แล้ว
ด้านจ้าวจิ้งเทียนที่ออกมาจากจวนตระกูลหมิงกลับมาถึงตำหนัก ใจของเขาเอาแต่คิดถึงใบหน้างดงามและท่าทางพิลึกของหลิวลี่เซียน
"หยกนั่นเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวขององค์รัชทายาท ให้นางเก็บไว้จะดีรึพ่ะย่ะค่ะ"
ชุนหลางองครักษ์คนสนิทของจ้าวจิ้งเทียนเอ่ยถามเขาขึ้นมา จ้าวจิ้งเทียนเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่ชุนหลาง
"เหตุใดเจ้าจึงคิดว่าถึงไม่เหมาะ?"
ชุนหลางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้ามองเจ้านายของเขา
"พระองค์ทรงมีว่าที่พระชายาแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ"
จ้าวจิ้งเทียนหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่ชุนหลาง
"ใครว่าข้าจะให้นางเป็นพระชายากันเล่า"
"ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิเข้าใจที่พระองค์ตรัสมากระหม่อมช่างโง่เขลานัก"
จ้าวจิ้งเทียนยิ้มออกมาเล็กน้อย ชุนหลางรู้ดีว่าพระองค์มิถือสาแม้แต่น้อยสีหน้าจึงคลายความกังวลลง แต่ทว่าประโยคถัดมาทำให้เขาแทบจะกระอักเลือด
"ข้าจะให้นางเป็นจ้าวฮวงโหวของข้าคนเดียวเท่านั้น"
สองวันให้หลังทางวังหลวงส่งคนมาแจ้งแก่ตระกูลหลิวว่าหลิวลี่เซียนต้องเข้าวังไปเป็นพระสหายร่ำเรียนขององค์หญิงเฟยหยาง
ด้านหลิวลี่ซือตอนนี้นางกำลังร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง พี่สาวฝาแฝดของนางได้เข้าวังไปเป็นสหายร่ำเรียน ต่างจากนาง นางเป็นคนที่เก็บตัวไม่ชอบสุงสิงผู้ใด นางมิชอบการอ่านเขียน นางคิดว่ามันไม่มีความจำเป็น แค่พออ่านออกเขียนได้คงเพียงพอแล้วจะเรียนไปทำไมให้มากความ
หลังจากที่หลิวลี่เซียนจัดการแต่งกายเรียบร้อย นางก็ออกเดินทางไปวังหลวง ไม่นานก็เดินทางมาถึง นางเดินตามหัวหน้าขันทีไปยังตำหนักทรงอักษรขององค์หญิง
ถือเป็นความแปลกใหม่ที่ควรศึกษาไว้ หลิวลี่เซียนยิ้มออกมาเล็กน้อย
ในระหว่างที่รอองค์หญิงเฟยหยางเสด็จ นางกับเจินเซียงที่มาถึงก่อนหน้า กำลังพูดคุยสนทนากันเรื่อยเปื่อย
"ขอบใจเจ้ามากนะลี่เซียนคราวก่อนที่เจ้าส่งครีมบำรุงมาให้ข้า ใช้ดียิ่ง หอมมากด้วยข้าชอบยิ่งนัก"
เจินเซียงยิ้มตาหยี สองวันก่อนหลิวลี่เซียนนำดอกไม้นานาพรรณมาทำครีมบำรุง นางให้ฮูหยินลี่หยางหนึ่งขวดและส่งไปให้เจินเซียงหนึ่งขวด ตั้งแต่วันนี้ที่ได้พูดคุยกับนาง หลิวลี่เซียนก็คิดได้ว่าเจินเซียงช่างน่ารักยิ่ง
"ข้าดีใจที่เจ้าชอบ วันนี้ข้านำมาถวายองค์หญิงด้วย"
"ดียิ่งนัก"
"คุยอะไรกันอยู่หรือดูสนุกสนานยิ่งนัก"
หลิวลี่เซียนกับเจินเซียงที่กำลังพูดคุยหยอกล้อกันอยู่นั้น องค์ชายรองจ้าวเฟยหรงก็เสด็จผ่านมาพอดี เขาที่กำลังฝึกยิงธนูได้ยินขันทีมารายงานว่าบุตรสาวเสนาบดีหลิวเข้าวังหลวงมาเขาก็รีบทิ้งทุกอย่างเพื่อมุ่งตรงไปหานาง
"ถวายพระพรองค์ชายรองเพคะ"
"ไม่ต้องมากพิธี"
องค์ชายรองยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะมองมาที่หลิวลี่เซียนด้วยแววตาที่ล้ำลึก เหมือนกับเขาได้พบเจอกวางน้อยที่น่ารักตัวหนึ่ง
"เจ้าคือบุตรสาวของเสนาบดีตระกูลหลิว?"
"เพคะ"
เขามองไปรอบๆ ไม่เห็นหญิงงามอีกคนที่หน้าตาเหมือนนางมาด้วย เขายิ่งมั่นใจว่านางที่เข้าวังมาวันนี้เป็นคนเดียวกันกับที่เขาเฝ้าคอยเป็นแน่
"เจ้าชื่ออะไร?"
"หลิวลี่เซียนเพคะ"
"ชื่อไพเราะนัก ใบหน้าก็งดงามยิ่ง"
จ้าวเฟยหรงก้าวเข้าไปใกล้หลิวลี่เซียนมากขึ้น ด้วยสัญชาตญาณหลิวลี่เซียนถอยหลังออกมาเล็กน้อย
"เจ้าไปเดินเล่นที่ตำหนักข้าสักครู่ดีหรือไม่?"
เจินเซียงที่รู้จักนิสัยขององค์ชายรองดีเป็นอย่างยิ่ง นางเอื้อมมือไปจับแขนของหลิวลี่เซียนด้วยความเป็นห่วง หลิวลี่เซียนเองก้อจับมือของเจินเซียงไว้แน่น
ช่างหน้าด้านหน้าทนนัก นี่เท่ากับขอให้นางไปปรนนิบัติเขาที่ตำหนักแบบโจ่งแจ้ง ทุเรศสิ้นดี
หลิวลี่เซียนที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ต้องเก็บอารมณ์ไว้ก่อนจะเงยหน้าไปมองจ้าวเฟยหรงด้วยความเคารพนอบน้อม
"หม่อมฉันเกรงว่าคงจะไม่สะดวกเพคะ หม่อมฉันต้องอยู่เป็นสหายเรียนขององค์หญิงเฟยหยางเพคะ"
จ้าวเฟยหรงยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชา
"เจ้ากล้าปฏิเสธองค์ชายรองเชียวรึ"