บทที่ 3 (1/2) : จะช่วยเก็บไว้เป็นความลับ (1)

1307 Words
แล้ววันแรกของการสอนภาษาให้กับเตชินท์ก็มาถึง หลังจากที่อาทิตย์ก่อนธารดาราได้เข้ามานั่งพูดคุยตกลงเรื่องวัน เวลา และสถานที่สำหรับการเรียนการสอน ซึ่งวันนี้เธอก็มาด้วยการแต่งกายแบบที่ดูน่าเชื่อถือในความคิดของตนเองเหมือนเดิม แต่จะต่างกันก็เพียงแค่สีของชุดเท่านั้น เพราะเธอได้เพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองด้วยชุดสูทกระโปรงยาวสีเทา แล้วหลังจากนี้เธอก็ตั้งใจจะแต่งกายแบบนี้มาสอนพิเศษให้กับเตชินท์ทุกครั้ง ซึ่งเมื่อธารดาราขับรถมาถึงหน้าบ้านของเตชินท์ เธอก็เดินลงมาจากรถแล้วไปกดกริ่ง รอเพียงไม่นานก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินมาเปิดประตูรั้วให้กับเธอ แล้วหลังจากนั้นอีกฝ่ายก็เดินตามมาหาเธอที่ลานจอดรถ “สวัสดีค่ะ หนูชื่อจ๋าเป็นลูกสาวของแม่บ้านจีน ถ้าคุณต้องการอะไรสามารถเรียกใช้จ๋าได้เลยนะคะ” “สวัสดีค่ะจ๋า อย่างนั้นสองเดือนหลังจากนี้ น้ำหวานก็ขอรบกวนด้วยนะคะ” ธารดาราตอบกลับ ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในตัวบ้าน เมื่อธารดาราเดินเข้ามาถึงหน้าบันไดกลางบ้าน จ๋าก็แจ้งว่าเตชินท์รออยู่ที่ห้องนอนของเจ้าตัวแล้ว จากนั้นอีกฝ่ายก็ขอแยกกลับไปทำงานของตนเองต่อ ซึ่งธารดาราที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้แวะเข้าไปกล่าวคำทักทายเจ้าของบ้าน แล้วพอคิดจะถามจ๋าว่าตอนนี้ภัสสรอยู่ที่ไหน อีกฝ่ายก็เดินห่างออกไปไกลแล้ว ธารดาราจึงตัดสินใจเดินขึ้นไปยืนบนบันไดขั้นที่ห้าเพื่อมองหาภัสสร แล้วในขณะที่เธอกำลังจ้องมองเข้าไปในห้องรับแขก “ถ้าพี่น้ำหวานกำลังมองหาแม่ ตอนนี้แม่ไม่อยู่บ้านครับ พอดีมีผู้ถือหุ้นของบริษัทท่านหนึ่งป่วยจนต้องเข้าไปนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล แม่ก็เลยต้องรีบออกไปเยี่ยมครับ” ธารดาราเมื่อได้ยินเสียงของเตชินท์ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง เธอก็ตกใจจนเกือบจะก้าวพลาดตกลงไปจากบันได แล้วเมื่อดึงสติของตนเองกลับมาได้ เธอก็สังเกตเห็นว่า...มือของอีกฝ่ายกำลังโอบอยู่ที่เอวของเธอ ธารดาราจึงขยับร่างกายของตนเองเล็กน้อย เพื่อส่งสัญญาณเตือนอีกฝ่ายให้รีบปล่อยมือ “ขอโทษครับ เมื่อครู่ผมเห็นพี่น้ำหวานตกใจเลยกลัวว่าพี่จะตกลงไปจากบันไดครับ” “ขอบคุณค่ะ” ธารดารากล่าวตอบพร้อมกับหันกลับไปเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่ม หลังจากที่เจ้าตัวคลายมือออกจากเอวของเธอแล้ว จากนั้นธารดาราก็เดินตามเตชินท์ขึ้นไปยังห้องนอนของเจ้าตัว ซึ่งเมื่อเดินเข้าไปในห้อง...อีกฝ่ายก็ได้จัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องเขียน สมุด รวมไปถึงของว่างพร้อมกับน้ำดื่ม และเบาะรองนั่งวางไว้ที่ข้างโต๊ะญี่ปุ่นแล้ว เมื่อเห็นเช่นนั้นธารดาราจึงรีบเดินเข้าไปวางของ จากนั้นเธอก็เริ่มลงมือสอนภาษาให้กับเตชินท์ทันที แล้วในระหว่างที่สอนเธอก็คอยสังเกตท่าทางการหยิบจับของ รวมไปถึงท่าทางการนั่งเรียนของเตชินท์ไปด้วย จนเวลาผ่านล่วงเลยไปถึงตอนเที่ยงภัสสรก็ยังไม่กลับมา ธารดาราจึงเดินตามเตชินท์ลงนั่งไปทานข้าวด้วยกันเพียงสองคนที่ห้องรับประทานอาหารด้านล่าง แล้วหลังจากที่เธอกับเด็กหนุ่มนั่งทานข้าวด้วยกันไปได้สักพัก ธารดาราก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า “เตชอบไปเที่ยวกลางคืนหรือเปล่าคะ?” “ไม่ค่อยชอบครับ แต่ถ้าเพื่อนในกลุ่มโทรมาชวนบางครั้งก็ไป แต่บางครั้งผมก็ไม่ไป ส่วนใหญ่ผมจะถามสถานที่เที่ยวก่อนครับ เพราะถ้าไปในสถานที่ที่คนเยอะ ๆ ผมก็จะไม่ค่อยไป คือ...ผมไม่ค่อยชอบกลิ่นบุหรี่น่ะครับ” ‘จริงด้วย! เตไม่ชอบกลิ่นบุหรี่หนิ!’ ธารดารานึกขึ้นได้ในใจ จากนั้นเธอก็เอ่ยคำถามถัดไป “เตชอบทำอาหารหรือเปล่าคะ?” “ไม่ถึงขั้นชอบ แต่พอทำกินเองได้ครับ” “แล้วเตชอบแมวไหมคะ?” “ไม่ครับ ผมชอบหมามากกว่า เพราะหมาเป็นสัตว์ที่ซื่อสัตย์และรักเจ้าของของมัน...เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น! แล้วหมามันก็ยังจดจำและรอคอยคนที่มันรักได้เสมอ ไม่ว่าคนคนนั้นจะมีรูปร่างหรือหน้าตาที่เปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนก็ตาม หมามันก็ไม่เคยเปลี่ยนใจไปจากเจ้าของของมันเลยครับ” ‘ไม่น่า...เตชินท์ถึงชอบทำสีหน้าราวกับลูกหมากำลังจะถูกทิ้ง’ ธารดาราคิดในใจ ซึ่งวันนี้เธอได้แอบถามข้อมูลจากอีกฝ่ายมาพอสมควรแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าข้อมูลที่ได้กลับมาส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่เธออยู่แล้วตั้งแต่ในวัยเด็ก ตอนนี้ธารดาราจึงคิดว่าเธอควรจะต้องหยุดถาม เพราะถ้าหากเธอถามมากไปกว่านี้ มันอาจจะทำให้เตชินท์เริ่มสงสัยในตัวเธอได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นธารดาราจึงก้มลงไปทานอาหารบนจานข้าวของตนเองต่อ แล้วในขณะนั้นเธอก็เห็นสิ่งที่น่าสนใจวางอยู่บนจานผัดผัก... ธารดาราเอื้อมมือออกไปตักผัดผักรวมโดยเน้นที่ผักคะน้า จากนั้นเธอก็นำไปวางไว้บนจานข้าวของเตชินท์ “ผักมีประโยชน์และดีต่อสุขภาพอย่างมากเลยค่ะ ดังนั้นเตควรกินผักให้เยอะ ๆ นะคะ” ธารดาราที่รู้อยู่แล้วว่าเตชินท์ไม่ชอบกลิ่นของผักคะน้า ดังนั้นสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่จึงถือว่าเป็นการเอาคืนเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อีกฝ่ายทำให้เธอตกใจในช่วงเช้าที่ผ่านมา “ขอบคุณมากครับ อย่างนั้นพี่น้ำหวานก็ลองชิมยำรวมมิตรฝีมือของป้าจีนดูนะครับ รับรองว่าหากพี่ได้ชิมแล้วจะต้องติดใจครับ” “เออ...ก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” ธารดาราพูดพร้อมกับมองลงไปยังของที่เตชินท์ตักมาวางไว้บนจานข้าวของเธอ ‘หมูยอหนึ่งชิ้นกับมะเขือเทศหั่นเป็นแว่นถึงสามชิ้น! ทำไมเตถึงเน้นตักมะเขือเทศมาให้กับเรา? หรือ...เตจะรู้แล้วว่าเราคือน้ำผึ้ง? แต่ไม่หรอก...มันไม่น่าจะเป็นไปได้’ ธารดาราคิดในใจ และเมื่อเห็นว่าเตชินท์กินผักคะน้าที่เธอตักให้หมดแล้ว ซึ่งในฐานะของครูสอนพิเศษและคนที่เคยอยู่ในตำแหน่งลูกพี่! เออ...พี่สาวข้างบ้านอย่างเธอ มะเขือเทศหั่นเป็นแว่นแค่เพียงสามชิ้น! มันคงทำอะไรเธอไม่ได้หรอก เมื่อคิดได้ดังนั้นธารดาราจึงตักมะเขือเทศขึ้นมาแล้วใส่เข้าไปในปากของตนเอง ‘ฮือ...หวานก็ไม่หวาน เปรี้ยวก็ไม่เปรี้ยว เนื้อสัมผัสมันก็แหยะ ๆ’ แล้วพอธารดารามองไปทางเด็กหนุ่มฝั่งตรงข้าม เธอก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังตักมะเขือเทศในยำขึ้นไปกิน ซึ่งก็ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะเคี้ยวและกินมันได้อย่างมีความสุขมาก! ‘จ้า...พ่อคนชอบกินมะเขือเทศ!!’ โมโหไปก็เท่านั้น ธารดาราจึงรีบกลั้นใจเคี้ยวของที่อยู่ในปากแล้วกลืนมันลงคอไปทันที ซึ่งหลังจากทานข้าวด้วยกันเสร็จ เตชินท์กับธารดาราก็กลับขึ้นไปติวภาษากันต่อ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD