ธารดาราเงยหน้าขึ้นมาจ้องเตชินท์ หลังจากได้ยินคำถามของอีกฝ่าย
“ผมขอโทษครับ พอดีผมมีแต่เพื่อนผู้ชาย ผมก็เลยไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้...ผมสามารถถามกับพี่น้ำหวานได้หรือเปล่า?”
พอได้เห็นสีหน้าราวกับลูกหมากำลังจะถูกทิ้งของเตชินท์อีกครั้ง ธารดาราจึงได้ถอนหายใจออกมา ก่อนที่เธอจะตอบกลับอีกฝ่ายไปว่า
“พี่เคยจูบค่ะ แต่...” พูดยังไม่ทันจบ เตชินท์ก็ถามแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“จูบตอนไหน? แล้วมันเป็นใครครับ!”
“เออ...ผมขอโทษ พอดีผมฟังแล้วรู้สึกตื่นเต้นมากเกินไปหน่อยน่ะครับ คือผมยังไม่เคยไปจูบกับใครเลย แต่พี่...พี่เคยไปจูบกับคนอื่นมาแล้ว! พอได้รู้มันก็เลย...”
“พี่ว่า...เรากลับมาสนใจเรื่องเรียนกันต่อดีกว่าค่ะ?”
“ตอนที่พี่จูบกับ...ตอนที่พี่จูบกับแฟน! พี่รู้สึกอย่างไรบ้างหรือครับ?”
“เตคะ คำตอบในแบบทดสอบสามข้อสุดท้าย พี่ว่าเตเอากลับไป...”
“พี่ครับ! ตอนที่พี่จูบกับแฟนที่เคยคบหากัน ตอนนั้นพี่รู้สึกอย่างไรบ้างหรือครับ?”
ด้วยสีหน้าและท่าทางของเตชินท์ในตอนนี้ หากธารดาราไม่ตอบ...เจ้าตัวก็คงจะไม่หยุดถามเธอเป็นแน่ ธารดาราจึงตัดสินใจตอบคำถามของเตชินท์ให้มันจบ ๆ ไป
“พี่จำไม่ได้หรอกค่ะ เพราะพี่ก็เพิ่งเคยโดนจูบเพียงแค่ครั้งเดียว แล้วในเมื่อเตกล้าเล่าเรื่องส่วนตัวให้พี่ฟัง พี่ก็จะขอเล่าเรื่องส่วนตัวของพี่ให้เตฟังบ้างนะคะ แต่เมื่อฟังจบแล้ว...เตต้องสัญญาด้วยว่าจะไม่นำไปเล่าต่อ และก็ห้ามหัวเราะพี่ด้วย เข้าใจไหมคะ?”
แล้วเมื่อเห็นเตชินท์พยักหน้าตอบกลับมา ธารดาราจึงเริ่มเล่าเรื่องน่าอับอายที่มีเพียงแค่เพื่อนสนิททั้งสามคนของเธอเท่านั้นที่รู้...ให้อีกฝ่ายฟัง
“คือ...ตั้งแต่เกิดมาจนถึงทุกวันนี้ พี่มีแฟนมาทั้งหมดเพียงแค่หนึ่งคนถ้วนค่ะ เพราะพ่อกับแม่ของพี่ได้ขอคำสัญญาจากพี่เอาไว้ว่าจะต้องไม่มีเรื่องรักใคร่ในวัยเรียน
ซึ่งเหตุผลที่พี่ตัดสินใจตอบตกลงคบหาเป็นแฟนกับผู้ชายคนนั้น ก็อาจจะเป็นเพราะผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนกับพี่ชายของเพื่อนสนิทพี่ และเจ้าตัวก็เข้ามาจีบในช่วงที่พี่เรียนจบพอดี แล้วที่สำคัญลักษณะภายนอกของผู้ชายคนนั้นก็ดูมีความเป็นผู้ใหญ่และดูเหมือนจะนิสัยดี
แต่สิ่งที่เห็นว่าเหมือนจะดี...มันกลับไม่เป็นอย่างที่พี่คิด เพราะในวันที่พวกพี่นัดกันไปกินเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนสนิทในกลุ่ม ในวันนั้นขณะที่ทุกคนกำลังเมา...ผู้ชายคนนั้นที่พี่เพิ่งจะตอบตกลงคบหาดูใจกับมันได้ไม่ถึงสองเดือน มันก็ฉวยโอกาสดึงพี่เข้าไปจูบ แล้วด้วยความที่พี่ตกใจ พี่ก็เลย...ต่อยหน้าผู้ชายคนนั้นไปหนึ่งหมัดค่ะ”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะครับ?”
“พี่ก็เลิกกับผู้ชายคนนั้นเลยค่ะ”
“ฮึ... ฮา ฮ่า ฮ่า พี่สุดยอดมากเลยครับ”
‘หึ! อุตส่าห์ยอมเล่าให้ฟัง ก่อนเล่าก็บอกเอาแล้วว่าห้ามหัวเราะ!!’ ธารดารานึกโมโหในใจ ก่อนจะกล่าวว่า
“กล้าหัวเราะจูบแรกของพี่ ทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่เคยจูบ”
“นั่นสินะครับ อย่างนั้น...พี่น้ำหวานช่วยสอนผมจูบได้ไหมครับ?”
“เออ...นี่ก็หกโมงเย็นแล้ว เตเก็บแบบทดสอบเอาไว้ก่อนนะคะ อาทิตย์หน้าพี่จะกลับมาตรวจให้อีกทีค่ะ วันนี้พี่ขอตัวกลับก่อนนะคะ” พูดจบ ธารดาราก็เก็บของแล้วรีบพาตัวเองออกมาจากห้องนอนของเตชินท์ทันที
“สอนวันนี้เป็นอย่างไรบ้างลูก? เอ๊ะ! ทำไมวันนี้หน้าของผึ้งถึงดูแดง ๆ ไม่สบายหรือเปล่าลูก?” สายธารเอ่ยถามบุตรสาวที่เดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าและใบหูที่มีสีแดงระเรื่อ
“ผึ้งสบายดีค่ะแม่ แต่วันนี้อากาศด้านนอกค่อนข้างร้อน หน้าผึ้งมันก็เลยแดงมั้งคะแม่”
‘แดงจริงด้วยแฮะ!’ธารดารามองเงาของตนเองในกระจก หลังจากเดินเลี่ยงสายธารเข้ามาล้างหน้าในห้องน้ำ คงเพราะในระหว่างขับรถกลับบ้าน คำขอแปลก ๆ ของเตชินท์มันยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอ ถึงแม้ว่าธารดาราจะพยายามสลัดมันทิ้งเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเธอก็วนกลับไปคิดถึงมันอยู่ดี
ธันวาหันไปมองธารดารา วันนี้เขารู้สึกว่าบุตรสาวดูจะตั้งใจกับการทานข้าวในจานเป็นอย่างมาก ‘หรือว่า...วันนี้จะสอนหนักจนไม่มีเวลากินข้าว’
“ผึ้งสอนวันนี้เป็นอย่างไรบ้างลูก?”
“ก็เหมือนเดิมค่ะพ่อ เตตั้งใจเรียนดีเหมือนเดิม”
“แล้วผึ้งบอกความจริงป้าหมิวกับเตหรือยัง?” สายธารเอ่ยถาม
“ยังค่ะ แต่อาทิตย์หน้าผึ้งตั้งใจจะไปสารภาพกับป้าหมิวก่อนค่ะ”
“ดีแล้วลูก โกหกผู้ใหญ่นาน ๆ ไม่ดี ว่าแต่...ทำไมไม่บอกเตไปพร้อมกันเลยล่ะ?”
“สำหรับเต...ไว้ผึ้งค่อยบอกตอนเข้าไปสอนพิเศษวันสุดท้ายค่ะ”
หลังจากได้ยินคำตอบของบุตรสาว ธันวาที่รู้สึกสงสัยจึงถามต่อจากผู้เป็นภรรยาทันทีว่า
“ทำไมทำอย่างนั้นล่ะลูก?”
“ก็ใครบอกให้เตจำผึ้งไม่ได้เองล่ะคะ”
“เรานี่!” ธันวาที่รู้สึกระอาจึงส่ายหน้าให้กับความคิดของบุตรสาว
จากนั้นสายธารก็เริ่มหันไปถามเรื่องงานของธันวาบ้าง ธารดาราจึงกลับมาสนใจข้าวในจานของตนเองต่อ แล้วหลังจากที่ทุกคนทานข้าวเย็นร่วมกันเสร็จ แต่ละคนก็แยกย้ายกันขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง
ซึ่งหลังจากที่ธารดาราจัดการดูแลร่างกายของตัวเองเสร็จ เธอก็เดินถือผ้าขนหนูผืนเล็กออกมานั่งเช็ดผมที่โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วในขณะนั้นเธอก็เผลอนึกไปถึงคำขอของเตชินท์ขึ้นมาอีกครั้ง
‘นั่นสินะครับ อย่างนั้น...พี่น้ำหวานช่วยสอนผมจูบได้ไหมครับ?’
จะว่าไปตอนเด็ก ๆ เตชินท์ก็มักจะเป็นแบบนี้ อีกฝ่ายชอบมาอ้อนให้ธารดาราช่วยสอนหนังสือ สอนทำการบ้าน สอนเล่นซน หรือไม่ก็ให้ช่วยสอนทำนู่นทำนี่ เรียกได้ว่า...ทุกวันเตชินท์จะต้องมีเรื่องมาอ้อนให้เธอช่วยสอน
แต่เรื่องที่เตชินท์มาขอให้ธารดาราช่วยสอนในวันนี้ มัน....
‘ไอ้เด็กบ้า! มีใครหน้าไหนเขาช่วยสอนเรื่องจูบกันบ้าง!!’
.......................................................................
ผู้เขียนขอขอบคุณทุกยอดวิว ยอดกดหัวใจ ยอดกดติดตาม และทุกข้อความของผู้อ่านทุกท่านมาก ๆ นะคะ ทุกยอดคือกำลังใจที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆของผู้เขียนเลยค่ะ