“ว่าแต่…มึงมีเรื่องอะไรในใจเหรอ”
“เปล่า พอดีบัวลอยที่กูเคยกินทุกวัน อยู่ดีๆก็หยุดขาย”
“มึงทำหน้าเซ็งเพราะไม่ได้กินบัวลอยเนี่ยนะไอ้เสี่ย”
“มึงไม่เข้าใจหรอกไอ้พาย บัวลอยไข่หวานร้านนี้กูกินมาตั้งสองปีเชียวนะ”ระหว่างที่คนพูดกำลังเคร่งเครียดกับเรื่องที่เล่าอยู่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พร้อมผู้จัดการหนุ่มที่เปิดประตูเข้ามากับสาวสวยอีกนับสิบคนมายืนเรียงแถวหน้ากระดานภายในห้อง
ภวิศละสายตาจากเอกสารในมืออีกครั้ง แหงนหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ แต่แล้วสายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับใบหน้าหนึ่งที่แสนคุ้นเคย
“ไข่หวาน”ภวิศเรียกอีกฝ่ายเสียงดัง
“อะไรนะครับเสี่ย”ผู้จัดการหนุ่มมองหน้าเสี่ยเพื่อนเจ้านายด้วยความมึนงงสลับกับหน้าพระพายที่งงไม่แพ้กันกับเขา
“เสี่ยหมายถึงว่าถูกใจน้องคนนั้นนะครับ คนที่เจ็ด…ไข่หวาน”เมื่อเห็นว่าเจ้านายยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับ เอกภพที่รู้ใจเจ้านายเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงออกปากบอกให้
“อ๋อ เอาคนเดียวหรือเอาเพิ่มอีกสักคนมั้ยครับเสี่ย”
“คนเดียว”
ได้ยินเช่นนั้นที่เหลือถูกบอกให้เดินออกจากห้องไป มีเพียงขวัญจิราที่ยืนเกร็งไม่ขยับ ใบหน้าสวยมองไปยังภวิศที่ทำสีหน้าเคร่งขรึมจนเดาไม่ออกเหมือนทุกครั้ง
“เสี่ยเอากี่ดื่มดีครับ”
“เริ่มต้นเท่าไรล่ะ”
“สิบครับ”
“กูให้ร้อยหนึ่งคืนนี้ให้เด็กนี่ดูแลกูคนเดียว”
“ได้ครับ”
“ไล่ออก”อยู่ดีๆภวิศก็เอ่ยบอกขึ้น
“ไล่ใครออก??”พระพายหันไปถามคนที่เอ่ยออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“เด็กนี่”
“เสี่ยจะไล่ไข่หวานออกทำไมคะ”ขวัญจิราที่ยืนนิ่งฟังอยู่เมื่อได้ยินก็ตกใจเอ่ยปากถามออกไปทันที
“นั้นสิ”
“ถ้ามึงอยากให้กูเซ็นสัญญาก็ไล่เด็กนี่ออก ซะดูแล้วคงไม่ประสีประสาทำให้ลูกค้าลำบากเปล่าๆ”
“มึงเคยเห็นเด็กมันทำงานรึไงถึงคิดแบบนั้น กูว่าเด็กมันก็เรียนรู้เก่งดีออกฝึกอีกหน่อยเดี๋ยวก็เป็นงาน”สองคนจ้องหน้ากันไม่วางตา เหมือนจะฆ่าแกงอีกฝ่ายด้วยสายตาคมๆ แต่ทว่าสุดท้ายภวิศก็ดูเหมือนจะแพ้ไป
“เซ็นซะ”พระพายบังคับเสียงแข็ง ถ้ามันยังเรื่องมากไม่ยอมเซ็นดีๆเธอจะจับหัวมันฟาดกับโต๊ะแล้วจับมือมันเซ็นเอง
ภวิศจรดปากกาเซ็นเอกสารตรงหน้า อย่างไม่ลังเลอีกต่อไปก่อนที่ขวัญจิราจะส่งแก้วเหล้าวิสกี้รสขมให้เขา
“คิดถูกแล้วที่มาเป็นหุ้นส่วนกัน ว่าแต่เงินกู้มึงอยากได้หุ้นส่วนเพิ่มมั้ย”
“มึงอยากทำ?”
“ก็นะ กูก็หารายได้เพิ่มตามปกติของนักธุรกิจร้อยล้าน”
“เจ๊มีเงินร้อยล้านเลยเหรอคะ”ขวัญจิราตาลุกวาว เธอไม่เคยเจอใครที่มีเงินเยอะขนาดนี้มาก่อน จะว่าไปขอเปลี่ยนฝั่งไปนั่งดูแลเจ๊แทนได้ไหมนะ เผื่อไข่หวานคนนี้จะได้มีบุญจับเงินร้อยล้านบ้าง
“จะตกใจทำไมร้อยล้านกูก็มี”ภวิศรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่ขวัญจิราสนใจพระพายมากกว่า
กะไอ้แค่เงินร้อยล้านเขาก็มีเหมือนกัน อย่าว่าแต่ร้อยเลยพันล้านเขาก็หามากองให้ได้ถ้าเธอต้องการ
“เสี่ยก็มีเหรอคะ”
“กูทั้งหล่อ ทั้งรวย มึงดูไม่ออกเหรอไข่หวาน”
“เสี่ยพูดไม่เพราะอีกแล้ว”ขวัญจิราหันหน้าหนีไปบ่นคนที่เริ่มจะกลับมาพูดไม่เพราะกับเธออีกแล้ว เหมือนเขาจะเลิกพูดมึงกูกับเธอไปตั้งนานแล้ว
ทำไมไม่เจอหน้ากันแค่ไม่กี่วันเสี่ยถึงกลับมาพูดแบบนี้กับหนูอีกแล้วกันเนี่ย ไข่หวานทำอะไรให้เสี่ยไม่พอใจกัน
“ไข่หวานก็พอรู้ค่ะว่าเสี่ยรวย แต่ไม่คิดว่าจะรวยขนาดนี้”
“แล้วทำไมทุกวันเสี่ยไม่ยอมจ่ายค่าบัวลอยให้ไข่หวาน แถมยังสั่งเพิ่มไข่อีกฟองตลอดเลย”
“ก็ถือว่าเป็นค่าที่ ที่มึ…เธอไม่ต้องจ่ายไง”กำลังจะหลุดปากเรียกเธอว่ามึงใบหน้าสวยที่แอบหันไปเบ้ปากเมื่อกี้ ก็ทำให้เขาต้องรีบเปลี่ยนมาพูดจาเพราะๆกับเธอทันที
แค่อยากเป็นคนพูดเพราะๆเฉยๆไม่ได้กลัวเด็กมันจะไม่ยอมคุยด้วยสักนิดหรอกนะ
“ไข่หวานคิดว่าเสี่ยงกซะอีก”
“ฉันไม่ได้งก เธอคิดเองเออเองเอาคนเดียวทั้งนั้น”
“แล้วยังไง มาทำงานที่นี่นานหรือยัง ไม่ขายแล้วเหรอบัวลอยไข่หวานนะ”
“ตอนแรกไข่หวานตั้งใจจะแค่หยุดขายบัวลอยชั่วคราว แต่ว่าตอนนี้จะเลิกขายแล้วค่ะ ทำงานที่นี่ได้เงินดีกว่าเยอะ ไข่หวานไม่ต้องไปขายไตแลกเงินแล้ว”
“เธอจนขนาดนั้นเลยเหรอไข่หวาน ไหนว่าได้ทุน”
“ทุนมันไม่พอใช้หรอกค่ะ ลำพังแค่ค่าเทอมก็ได้อยู่ แต่ค่ากินค่าหนังสือ ค่าจิปาถะอีกมากมายมันก็เลยไม่พอใช้”
“จนจริงด้วย”
“มึงจะไปว่าไข่หวานทำไมไอ้เสี่ย เด็กมันสู้ชีวิตอยู่แถมสวยด้วย กูว่าจะปั้นให้เป็นตัวท็อป มึงว่าดีไหม”
“ไม่ดี!! ดูก็รู้ว่าไม่เป็นงาน แบบนี้ลูกค้าก็หนีหมด”
“ของอย่างนี้มันฝึกกันได้ ถ้าไข่หวานอยากเรียนรู้เดี๋ยวเจ๊สอนให้เอง”
“ขอบคุณค่ะเจ๊”
ใครจะรู้ว่าตอนนี้ภวิศอยากเตะคนระบายอารมณ์ขนาดไหน โดยเฉพาะอีเพื่อนหน้าสวยที่มันเอาแต่ชักชวนยัยเด็กซื่อบื้อให้หลงคล้อยตาม เพียงแค่เห็นพระพายกับขวัญจิราดูสนิทกันเขาก็ตาร้อนด้วยความอิจฉาจนจะเป็นบ้าแล้ว มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเพื่อนสาวหน้าสวยคนนี้มันได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ไม่แปลกถ้ามันจะถูกใจไข่หวาน
“มึงไม่ต้องไปเคลียร์เอกสารหรือไงพาย งานมึงไม่เยอะเหรอ”
“ไม่นะ กูอยู่คุยเล่นเป็นเพื่อนมึงได้ทั้งคืน”พระพายทำตัวทองไม่รู้ร้อน ยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่มจนหมด สายตาของเธอแอบมองไปที่หญิงสาวเล็กน้อย
“ไปทำงานมึงเถอะกูรู้ว่ามึงงานเยอะ”
“ไม่เยอะนะ”
“มึงจะไม่คิดก่อนตอบหน่อยเหรอไอ้พาย”
“มีไรให้คิด มึงมาเยือนถิ่นกูทั้งที จะให้กูทิ้งมึงแล้วหนีไปทำงาน กูทำไม่ได้ว่ะเสี่ย”
เวรเอ๊ย! กูว่ากูอ้อมยันดาวอังคารแล้วนะ นี่มึงโง่หรือแกล้งโง่กันแน่ไอ้พาย กูไม่ได้อยากให้มึงอยู่เป็นเพื่อน ไปไหนก็ไปไม่ได้เหรอวะ
“มึงมีอะไรรึเปล่าทำไมมองหน้ากูแปลกๆไอ้เสี่ย”
“กูเหรอ? เปล๊า! ไม่มี”ภวิศตอบกลับเสียงสูง
“เสี่ยค่ะ…ยังสนใจรับเด็กอย่างหนูไปเลี้ยงดูอยู่ไหมคะ”
“อะไรของเธอ”
ระหว่างที่ภวิศกำลังเผชิญหน้ากับเพื่อนรักอย่างเคร่งเครียด เพื่อหาวิธีไล่อีกฝ่ายให้ออกจากห้องไปอย่างนิ่มนวล เมื่อหันกลับมาอีกทีหญิงสาวเสียงหวานกลายเป็นเด็กขี้เมาเสียงยานไร้สติไปแล้ว
“ผมพยายามห้ามแล้วนะครับเสี่ย เหล้ามันแรงก็งี้แหละครับ”เอกภพหาข้อแก้ตัวเมื่อถูกเจ้านายมองตาขวางใส่
Rrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูดังขึ้น ทำให้พระพายต้องขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ด้านนอกห้อง เป็นจังหวะที่ขวัญจิราเริ่มทำอะไรบางอย่างที่ทำให้สองคนที่อยู่ในห้องต้องตกใจ
“เสี่ยขาาา ไข่หวานถามว่ายังสนใจมั้ย ไข่หวานอยากมีเงินเยอะๆ”ด้วยความเมาขวัญจิราใช้มือตบไปที่ใบหน้าภวิศเบาๆให้หันมาหาเธอ ก็เสี่ยไม่สนใจหนูเลย เอาแต่มองหน้าลูกน้องอยู่ได้ ไข่หวานกำลังพูดกับเสี่ยอยู่นะ
“แล้วตอนนั้นที่ฉันถามทำไมปฏิเสธ”
“…..”เธอนิ่งเงียบไม่ตอบ เอาแต่ส่งยิ้มหวานกับสายตาเยิ้มๆให้ชายหนุ่ม
ไข่หวานไม่คิดว่าเสี่ยจะรวยจนเงินเหลือขนาดนี้ กลัวเสี่ยเก็บหนูไปเลี้ยงแล้วจะต้องลำบากจนเก็บค่าเช่าแผงแพงขึ้นค่ะ