ภวิศถอนหายใจ คิดว่าหากเขาเผลอตกลงกับคนเมาตอนนี้ตอนเช้าคนเมาจะเปลี่ยนใจรึเปล่าหากได้สติ
“เอาอย่างนี้นะไข่หวาน ให้มีสติมากกว่านี้แล้วค่อยมาหาฉันที่สำนักงาน ตอนนั้นเราค่อยมาคุยกัน”
“ไม่เอานะเสี่ย ถ้าพรุ่งนี้เสี่ยเปลี่ยนใจไม่รับเลี้ยงหนูขึ้นมา ไข่หวานจะทำไง”
เวรเอ๊ย! ตามจีบมาตั้งนานเสือกไม่ได้ มาได้เอาตอนรู้ว่ากูรวยชิบหายเนี่ยนะ ยัยไข่หวานซื่อบื้อ หลอกให้เขากินบัวลอยจนเบาหวานเกือบแดกมาตั้งสองปีทำไม
“ก็ได้ ฉันตกลงที่จะเลี้ยงเธอ”
“จริงเหรอคะ”คนดีใจโผเข้ากอดอย่างลืมตัว ใจดวงน้อยเต้นกระตุกขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ไปกันค่ะ ไข่หวานจะพาเสี่ยไปส่งที่รถ”
“ไปส่ง?? ไปส่งฉันทำไม”
“ก็ลูกชุบ…เสี่ยคงไม่รู้จัก เพื่อนของไข่หวานเธอทำงานอยู่
ที่นี่ด้วย เป็นตัวท็อปเลยนะคะ ลูกชุบบอกว่าถ้าลูกค้าให้เงินเราเยอะก็ไปส่งลูกค้าที่รถด้วยเพื่อตอบแทนน้ำใจของเขา หรือเสี่ยอยากให้ไข่หวานไปส่งถึงบ้านเลย”
“เธอขับรถเป็นรึไงถึงคิดจะไปส่งฉัน”
“ไม่เป็นค่ะ”คนเมาส่ายหัวไปมา
“แต่ๆไข่หวานขับจักรยานเป็นนะคะ วันนี้เอามาด้วยเดี๋ยวไข่หวานปั่นไปส่งเสี่ยเองดู แล้วเสี่ยคงไม่หนักไปกว่าตะกร้าบัวลอยเท่าไร จริงมั้ยพี่เอก”ขวัญจิรามองคนตรงหน้าหัวจรดเท้า ก่อนจะหันไปถามความคิดเห็นของลูกน้องคนสนิทของเสี่ยที่เอาแต่ยืนยิ้มกลั้นขำอยู่ เพราะมีสายตาคู่หนึ่งมองมาเชิงคาดโทษ
“ไม่ต้องมาแบกฉัน พาร่างโง่ๆของเธอไปขึ้นรถก็พอ”ขวัญจิราลุกขึ้นยืนพาร่างโอนเอนของตนเองเดินเข้าหา เพื่อประคองร่างเสี่ยให้ลุกขึ้นไปที่รถกับเธอ
“ไม่เอาค่ะ! เสี่ยอุตส่าห์ซื้อดื่มไข่หวานตั้งเยอะ แถมรับเลี้ยงไข่หวานอีก ไข่หวานจะเป็นลูกสาวที่ดีของเสี่ยแน่นอน มาค่ะไข่หวานจะจูงเสี่ยไปที่รถเอง”เรี่ยวแรงที่แทบจะไม่เหลือเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปทำให้คนตัวเล็กที่ออกแรงดึงมือนั้น เหมือนเธอดึงหลักกิโลที่ไม่มีทางจะเคลื่อนตามเธอไปได้
ไม่น่ายกเหล้าซดไปหลายแก้วเลยไข่หวาน แค่ได้ยินเสี่ยบอกเจ๊ว่าจะไล่ออก ไข่หวานก็เครียดจนไม่รู้ว่าต้องทำยังไง จึงยกแก้วเหล้าขึ้นมาซดอย่างลืมตัว ยิ่งเครียดยิ่งเทเหล้าใหม่ แล้วยกซดเข้าปาก เผลอเมาจนสภาพหนูตอนนี้เป็นอย่างที่เห็นเลยค่ะ
“น่ารำคาญชะมัด”ภวิศที่ยืนมองอยู่รู้สึกเหนื่อยใจจึงจับร่างเล็กขึ้นพาดบ่าทันที
“ไม่เอานะ! เสี่ยปล่อยหนู พี่เอกช่วยไข่หวานด้วย”
“ไม่นะ! ปล่อยหนูลงนะเสี่ย…ไข่หวานเดินเองได้”ขวัญจิราโวยวาย หลังจากเธอโดนภวิศยกขึ้นแบกบนบ่ากว้าง ด้วยความที่เธอตัวเล็กกว่าเขามาก ทำให้ตอนนี้เขาเหมือนพ่อที่กำลังอุ้มลูกสาวจอมซนแอบหนีเที่ยวอยู่เลย
“อย่าดิ้น”
เพี๊ยะ!!
ฝ่ามือหนาฟาดเข้าที่ก้นของขวัญจิราเสียงดัง ทำให้คนที่โดนฟาดเจ็บไม่น้อยจนต้องร้องออกมาเสียงดัง
“เสี่ยอย่าให้ไข่หวานลงไปได้นะ”คนถูกแบกโวยวายยกใหญ่ด้วยความอับอาย ตลอดทางผู้คนเอาแต่มองมาทางเธอไม่วางตา
“บอกว่าอย่าดิ้นไง ทำไมดื้อจัง วันนี้ฉันจะลงโทษเธอซะให้หายดื้อเลย เด็กบ้าอะไรทั้งดื้อแถมยังซื่อบื้อเกินไปอีก”
“ตอนกูเสนอให้เป็นเด็กเสี่ยไม่เอา เสือกมาทำงานแบบนี้เนี่ยนะ”คนเมายังคงโดนดุไม่หยุด ส่วนคนโดนดุก็ยังคงดิ้นไม่เลิก จนโดนเขาตีก้นซ้ำอีกสองครั้งติด
“ถ้าเสี่ยไม่ยอมปล่อยไข่หวานจะงับคอเสี่ยแล้วนะ”เด็กเมาใจกล้าเอ่ยบอกอย่างไม่เหลือความเกรงกลัว ลองเป็นตอนปกติดูสิไข่หวานหรือจะกล้าขู่เสี่ย แค่เอ่ยปากจะเถียงเธอยังแทบไม่กล้าจะทำเลย
“ไปเอารถมาไอ้เอก”ภวิศหันไปสั่งลูกน้องเสียงแข็ง เขาไม่ได้สนใจเลยว่าคนเมาจะพูดอะไร
เอกภพที่กำลังอมยิ้มไม่ยอมหุบ เมื่อถูกสั่งจึงได้สติรีบไปเอารถมารับทั้งคู่ทันที ก่อนจะเปิดประตูหลังเพื่อให้เจ้านายพาเด็กสาวที่โวยวายไม่หยุดเข้าไปนั่งในรถ แต่ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง
ป๊อก!
“โอ๊ย! เสี่ย! ไข่หวานแตกแล้ว”คำพูดกำกวมของเธอเรียกให้คนฟังเผลอนิ่งค้าง หน้าแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
ศีรษะของเธอชนเข้ากับขอบประตูรถอย่างแรง ขวัญจิราจึงโวยวายแล้วจับศีรษะไปมา เพื่อเช็กดูว่ามีเลือดไหลออกมาหรือเปล่า เมื่อดึงสติกลับมาได้ภวิศจึงจับศีรษะของคนตัวเล็กมาพลิกดูว่าเธอเจ็บตรงไหน
“เป็นไรมั้ย…ไหนดูสิสมองไหลออกมาหรือเปล่า”เขาเอ่ยเย้าแหย่คนเมาออกมาอย่างมันเขี้ยว แค่เขาทำหัวเธอโขกขอบประตูรถแค่นี้ร้องออกมาซะเขาใจสั่นเชียว
“สมองไข่หวานไหลหมดแล้วเหรอ แบบนี้หนูก็ไม่มีสมองแล้วสิ ทำไงดีคะเสี่ย”
“ไม่เจ็บนะครับคนเก่ง เสี่ยเป่าให้แล้ว เดี๋ยวก็หาย”ภวิศเป่าลมออกจากปากรดไปทั่วราวศีรษะเล็ก ราวกับกำลังพ่นน้ำมนต์จนคนโดนได้แต่นั่งกะพริบตาถี่มองอย่างอึ้งๆ
“…..”
“…..”
หลังจากที่ภวิศเป่าน้ำมนต์รดศีรษะของอีกฝ่ายเสร็จ เขาอาศัยช่วงเวลาที่อีกฝ่ายกำลังนั่งอึ้งอยู่ โน้มใบหน้าเข้าหาเรื่อยๆพร้อมยกยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุดให้เด็กสาว แต่อีกฝ่ายเหมือนได้สติรีบถอยหลังไปอีกฝั่งของรถทันที
“ออกรถ”เมื่อเขาหลุดออกมาจากภวังค์ของบหน้าหวานก็ออกเสียงสั่งให้เอกภพที่นั่งประจำที่คนขับออกรถแก้เขินทันที
“ให้ไปส่งไข่หวานก่อนหรือกลับบ้านเลยครับ”
“ไม่เอานะ…ไข่หวานไม่กลับบ้าน…ไข่หวานจะไปส่งเสี่ย”คนเมารีบขยับเข้าไปแอบอิงซบไหล่ภวิศ ออดอ้อนเขาสุดฤทธิ์
“กลับบ้าน! กูจะเอาไข่หวานไปปล่อยวัดทำโทษ”
“ไข่หวานไม่ใช่หมานะคะเสี่ย”
“ศพต่างหาก”
“เสี่ยจะฆ่าไข่หวานจริงๆเหรอ ไหนว่ายอมให้หนูเป็นเด็กเสี่ยแล้วไง ไหนบอกจะเลี้ยงดูหนู”คนเมาโวยวายยกใหญ่คิดไม่ได้ว่าเขาแค่ขู่เล่นหรือพูดจริง
เด็กบ้าเมาจนสติสตังหายไปหมดขนาดนี้ยังกล้าคิดจะไปทำงานกลางคืนแบบนั้นอีก โชคดีแค่ไหนแล้วที่เขามาเจอเธอวันนี้ ขืนช้ากว่านี้แล้วคนอื่นหิ้วเธอไป เขาต้องกลายเป็นหมาบ้าคอยตามไล่งับผู้ชายพวกนั้นเป็นแน่
“ไข่หวาน เธอจะรัดฉันเป็นงูเหลือมแบบนี้ไม่ได้ ฉันเริ่มหายใจไม่ออกแล้วนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”แม้ปากจะบอกให้ปล่อย แต่คนดุก็ยังคงนั่งนิ่งให้เธอกอดรัดอยู่แบบนี้ ทั้งๆที่การสลัดเด็กขี้เมาตัวเล็กให้ออกจากตัวนั้นมันง่ายนิดเดียว
“เสี่ยไม่ต้องห่วงนะคะ ถึงไข่หวานจะไม่เคยมีพ่อมาก่อน แต่ไข่หวานจะดูแลเสี่ยให้ดีที่สุด คุณพ่อขาาา”
“กูละเพลีย”
สงสัยต้องจับเด้าให้ร้องครางเรียกเขาว่าผัวขา เด็กบ้านี่ถึงจะยอมเลิกคิดว่าเขารับมาเลี้ยงเป็นลูก อยากเป็นผัวโว้ยไม่ใช่พ่อ
แม้จะโมโหขนาดไหนแต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ ทิ้งตัวพิงเบาะปล่อยให้อีกฝ่ายกอดรัดจนคนเมาเผลอหลับไป
“ดีใจด้วยนะครับ เสี่ยได้ลูกสาวทั้งสวยทั้งน่ารักแถมขยันอีกต่างหาก”เอกภพเอ่ยแซวกลั้นขำสุดตัวเพื่อไม่ให้เจ้านายรู้
“ไอ้เอก!! ไอ้เวร!! กูอยากได้เมียไม่ใช่ลูก”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดูท่าเด็กจะอยากเป็นลูกมากกว่าเมียนะครับเสี่ย”
“มึงหุบปากแล้วขับรถไปเลยไอ้เอก”