@บ้านนวนาวากุล ~~ วันเปิดพินัยกรรม
แสงไฟในห้องรับรองหรูหราที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอึดอัด ไนท์ ลูกชายคนเล็กของบ้านนวนาวากุล ยืนตะโกนออกมาด้วยสีหน้าร้อนรน ดวงตาแวววาวไปด้วยความไม่ยอมรับ สะท้อนความขัดแย้งที่เกาะกินใจเขาอย่างลึกซึ้ง มือกำแน่นจนขาวซีดราวกับจะระเบิดออกมาเป็นคำพูดที่เขาไม่อาจเก็บไว้
"ผมไม่ยอม...!! ทำไมคุณแม่ถึงเขียนพินัยกรรมบ้าบออะไรแบบนี้"
ทนายประจำตระกูล ซึ่งนั่งตรงข้าม ไนท์ ปิดสมุดพินัยกรรมลงด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและสายตาที่เต็มไปด้วยความเครียด เขายกมือขึ้นกอดอก ดวงตาเบื้องล่างขมวดเข้าหากัน ทำให้รอยย่นบนหน้าผากลึกขึ้น ก่อนจะสบถคำหยาบอย่างเต็มอารมณ์
"ใช่..ผมก็ไม่ยอม จะให้คนอื่นมามีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติของพวกเรา มาอยู่ในบ้านของเราแบบนี้ไม่ได้!!"
ไวน์ พี่ชายคนกลาง ที่ยืนอยู่ข้างๆ ไนท์ ร่วมเสริมเสียงด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์เหมือนกัน ดวงตาของเขาคมกริบ แฝงความขัดแย้งและท่าทีแข็งกร้าว มือที่กำลังยืนพิงผนังอย่างนิ่งเฉยก็ค่อยๆ กำแน่นขึ้น ขณะที่ริมฝีปากเม้มแน่นเหมือนพยายามกลั้นความไม่พอใจ
"..คุณท่านมีความประสงค์จะให้คุณชายทั้งสาม ดูแลน้องสาวบุญธรรม ที่ท่านเฝ้าทะนุถอมมานานตั้งแต่เด็ก จึงได้ระบุเอาไว้ในพินัยกรรมฉบับนี้ หากคุณชายไม่ปฏิบัติตามจะถือว่ายอมรับในเงื่อนไขที่ท่านตั้งเอาไว้นะครับ"
ไนท์แสดงท่าทีหัวเสีย พลางสบตาไวน์เหมือนไม่เห็นด้วย สายตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดและความไม่เชื่อใจ พูดขึ้นเสียงดัง พร้อมน้ำเสียงที่สั่นเครือด้วยความไม่สบอารมณ์
"คุณแม่คิดอะไรอยู่ จะให้พวกผมไปรับเลี้ยงดูแลเด็กที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า นิสัยใจคอเป็นยังไงก็ไม่รู้"
"ผมเห็นด้วยกับพี่ไวน์ จะให้เด็กนั่นมาอยู่ที่นี่ แล้วพ่อแม่ของเธอไม่ว่าอะไรรึไง หรือคิดจะขายลูกกิน"
ทนายประจำตระกูลรีบตอบเสียงเรียบ ขณะก้มหน้าเลื่อนเอกสารด้วยความรู้สึกหนักใจ เขาย้ำด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แต่ยังคงความเป็นทางการ
"ตอนนี้คุณหนูจูนเธอไม่มีใครครับ พ่อแม่ของเธอเสียไปตั้งแต่เด็ก ก่อนหน้านี้คุณอุษา คุณยายของเธอเป็นผู้ดูแล ซึ่งคุณอุษากับคุณหญิงท่านเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก"
ไนท์ยังคงยืนกราน ดวงตาเป็นประกายความไม่พอใจ แววตาแสดงออกถึงความไม่ไว้ใจราวกับกำลังตั้งคำถามอย่างหนักใจในตัวคนอื่น
"แล้วทำไมไม่อยู่กับยาย จะมาอยู่กับพวกผมเพื่อ???"
เขาพูดพร้อมยกมือขึ้นสะบัดอย่างแรง คล้ายจะขับไล่ความคิดนี้ออกไปให้ไกลจากบ้านของตน
"คุณอุษาเธอเสียชีวิตเมื่อสองเดือนที่แล้ว คุณหญิงท่านเลยรับคุณหนูจูนมาดูแลแทน ก่อนหน้าที่คุณท่านจะเสีย ท่านได้สั่งเอาไว้ ว่ายังไงๆ คุณชายทั้งสามก็ต้องรับคุณหนูเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย ไม่อย่างนั้น จะบริจาคทรัพย์สมบัติให้การกุศลทั้งหมด อาว่าคุณชายทำตามความประสงค์ของท่านจะดีกว่า"
เดชาทนายประจำตระกูล พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาจับจ้องลูกชายทั้งสามคนอย่างจริงจัง เพื่อให้พวกเขาเข้าใจถึงความสำคัญและความร้ายแรงของเงื่อนไขในพินัยกรรม หากพวกเขาไม่ปฏิบัติตาม ทรัพย์สมบัติอันมหาศาลจะตกไปอยู่ในมือขององค์กรการกุศลแทน
ไนท์กระชับกำปั้นแน่นขึ้น แววตาที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและความไม่ยอมรับ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และคำพูดที่เปล่งออกมาด้วยความตั้งใจแน่วแน่
"แบบนี้มันก็ไม่แฟร์กับพวกผม ทำไมพวกผมต้องดูแลเด็กคนนั้นด้วย"
ความไม่เห็นด้วยนั้นปะทุขึ้นภายในใจเขาอย่างแรง จนแทบจะระเบิดออกมาเป็นคำว่า "ไม่ ไม่เอา ไม่ยอม ไม่เห็นด้วย" ที่วิ่งวนอยู่ในหัวตลอดเวลา
"ผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่เอาด้วย ใครอยากจะดูแลยัยเด็กนั่นก็ดูไป แต่ผมไม่!"
ไวน์ ยังคงนั่งนิ่ง กอดอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่มือที่กำแน่นเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจที่เขาไม่อาจบอกออกมาเป็นคำพูดได้
"เห้อ! แล้วคุณชายจะเอายังไง หรือจะยอมยกทรัพย์สมบัตินับพันล้านให้การกุศลไป"
เวย์ พี่ชายคนโต ผู้มีท่าทางสุขุม เยือกเย็น น้ำเสียงนิ่งเฉยและเต็มไปด้วยเหตุผล รู้สึกหนักใจกับความขัดแย้งในครอบครัวแต่ยังพยายามใช้เหตุผลนำหน้า
"ไม่!!!!!!"
เสียงของไนท์และไวน์ดังขึ้นพร้อมกัน ดวงตาทั้งสองแฝงความท้าทาย ก่อนจะหันไปหาคนที่นั่งนิ่ง กอดอก สีหน้าเฉยชาอยู่บนโซฟาหลุยส์ขนาดใหญ่
"นี่พี่จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอพี่เวย์"
เสียงเรียกร้องจากทั้งสองยังไม่อาจทำให้เวย์เปลี่ยนสีหน้า เขายังคงมองออกไปอย่างไร้อารมณ์
"พวกมึงควรทำตามความประสงค์ของคุณแม่ ท่านจะได้จากไปอย่างสงบ"
เวย์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่หนักแน่น มือขยับน้อยๆ สะท้อนถึงความเป็นผู้ใหญ่ที่พยายามคุมสถานการณ์
"แต่ว่า...."
"ไม่มีแต่...เลิกงอแงทำตัวเป็นเด็กได้แล้ว คำพูดของกูถือเป็นที่สุด"
คำสั่งเด็ดขาดของเวย์ทำให้ทั้งสองคนต้องกัดฟันยอมจำนน ไนท์กรอกสายตาไปมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะถอนหายใจหนักหน่วง เสียงถอนหายใจเหมือนพยายามกลั้นความผิดหวัง
"แล้วเด็กคนนั้นจะมาเมื่อไหร่"
เวย์ถามด้วยความสงสัย น้ำเสียงจริงจัง แต่ในดวงตายังแฝงความหวังเล็กๆ ว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยดี
"น่าจะมาถึงพรุ่งนี้ตอนบ่ายๆ ครับ บินมาจากเชียงใหม่น่าจะใช้เวลาไม่นาน"
ทนายตอบกลับ น้ำเสียงนิ่งแต่ชัดเจน ดวงตาทอประกายความรู้สึกสงสารในใจ
"อืม..ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณคุณอามากนะครับ"
เวย์แสดงความเคารพ ยิ้มบางๆ อย่างจริงใจ มือยกขึ้นเกาหัวเล็กน้อย ในขณะที่ความหนักใจค่อยๆ คลายลงบ้าง
@21.00 น. ภายในบ้าน
บรรยากาศภายในบ้านนวนาวากุลเงียบงัน ไนท์เดินตรงไปหาเพื่อนพี่น้องด้วยแววตาเป็นประกายความตั้งใจ มือกุมกระเป๋าเอกสารแน่น
"ผมขอเชิญประชุมพี่ๆ ทุกคน"
ไวน์นั่งพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางเซื่องซึม ร่างกายเอนหลังไปกับเก้าอี้ ดวงตาคล้ายหมดแรง พูดเสียงห้วนออกมา
"อะไรของมึง...จะมาประชงประชุมอะไรตอนนี้ กูจะนอน"
"ไม่ได้...พี่ต้องประชุมก่อน เราต้องหาทางกีดกันเด็กนั่น ไม่ให้เข้ามาอยู่ในบ้านของเรา"
ไนท์พูดเสียงหนัก มือขยับไปจับขอบโต๊ะด้วยความกระตือรือร้น เสียงเขาแฝงความร้อนรนและหวงแหนอย่างชัดเจน
"เลิกคิดแบบนั้นได้แล้ว แยกย้ายกันไปนอน...."
เวย์ พี่ชายคนโต เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางสุขุม มือยกขึ้นปัดผมอย่างใจเย็น น้ำเสียงสั่งอย่างเด็ดขาด แต่ยังคงแฝงความอ่อนโยน
"นี่พี่คิดจะเลี้ยงดูเด็กนั่นจริงๆ น่ะเ**อ เห่อะ!!"
ไนท์แสดงท่าทางรำคาญ ดวงตาจิกมองด้วยความไม่เชื่อใจ พลางกัดริมฝีปากล่างอย่างหงุดหงิด
"กูให้คนของเราไปสืบมาแล้ว เด็กคนนั้นไม่น่าจะมีพิษมีภัยอะไร พวกมึงไม่ต้องทำอะไร อยู่เฉยๆ ก็พอ ไม่ชอบก็อย่าไปยุ่งกับเขา"
เวย์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นใจและนิ่งสงบ มือไขว่ห้างบนอก เหมือนยืนยันความจริงในใจ
"พี่เวย์.....แต่บ้านเรามีสามชายมาโดยตลอด อยู่ๆ จะให้ผู้หญิงเข้ามาอยู่ร่วมด้วย มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ ผมไม่ถูกชะตา ผมว่า......"
ไนท์กำลังจะพูดต่อ แต่เวย์รีบตัดบทขึ้นเสียงดังอย่างเด็ดขาด
"พวกมึงหยุดความคิดที่จะแกล้งเด็กคนนั้น...ถ้าไม่ถูกชะตา ก็ต่างคนต่างอยู่ อย่าไปยุ่งกับเขา"
ความเงียบเข้าปกคลุมในห้อง เมื่อทั้งสองไม่ตอบรับ เวย์จ้องมองใบหน้าทั้งสองอย่างเข้มแข็ง
"เข้าใจที่กูบอกไหม!"
เวย์ถามเสียงหนักแน่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความคาดหวัง
"เข้าใจ...แต่ไม่รับปาก"
ไนท์เดินหน้างอเข้าห้องไป ดวงตายังคงไม่สบอารมณ์ แต่ก็จำยอมตามคำสั่งอย่างช้าๆ
"แล้วมึงล่ะไวน์ มีปัญหาอะไรไหม"
เวย์หันไปถามพี่ชายคนกลาง
"ไม่พอใจ ไม่ถูกชะตา ไม่ชอบ ถือเป็นปัญหาไหม"
ไวน์เดินหน้างอเข้าห้องของตัวเองไป สีหน้าแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
"โตๆ กันทั้งนั้น เห้อ!.."
เวย์พูดกับตัวเอง พลางถอนหายใจลึก ก่อนจะเดินตามสองคนนั้นไปอย่างหนักใจ
@ช่วงบ่ายแก่ของอีกวัน 15.00 น.
แสงแดดยามบ่ายส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้องนอนที่ดูรกและวุ่นวาย ข้าวของกระจัดกระจายอยู่ทั่ว ห้องเต็มไปด้วยกลิ่นฝุ่นผงและกลิ่นของความไม่ใส่ใจ
ไนท์ยืนหัวเราะอย่างมีความสุข ดวงตาเปล่งประกายความพึงพอใจในผลงานของตัวเอง มือขยับเกลี่ยสิ่งของที่กระจายอย่างไม่สนใจความเรียบร้อย
"ดูซิ....ห้องรกขนาดนี้ ยังจะอยู่ได้ไหม คงต้องเสียเหงื่อเยอะหน่อย กว่าจะได้นอน 555"
เสียงหัวเราะของไนท์ดังออกมาอย่างร่าเริง เสียงเขาเต็มไปด้วยความท้าทายและความสนุกสนานในใจลึกๆ ไวน์หัวเราะตอบกลับ มือยกขึ้นลูบหลังคอด้วยความขบขัน ก่อนจะเดินไปจัดการกับเครื่องปรับอากาศในห้องด้วยท่าทางที่ดูภูมิใจ
"แค่นี้ยังน้อยไป กูว่าถ้าแอร์เสีย คงจะได้นอนร้อนไปทั้งคืนแน่ๆ "
ทั้งสองเดินออกจากห้องด้วยท่าทางที่คล้ายจะก่อกวนแต่ก็แฝงไปด้วยความคาดหวังลึกๆ ว่าจะได้เห็นปฏิกิริยาและผลลัพธ์จากสิ่งที่ตนทำ
"ไปกันเถอะ เดี๋ยวพี่เวย์รู้เข้าจะว่าพวกเราได้ "
ไวน์กอดคอไนท์เดินออกจากห้องก่อนจะลงมาที่ห้องรับแขกของบ้าน เพื่อรอต้อนรับน้องสาวบุญธรรม อยากจะรู้เหมือนกัน เพราะอะไรทำไมมารดาของพวกเขาถึงได้เอ็นดูเด็กคนนั้น จนถึงกับยอมจดทะเบียนรับมาเป็นบุตรบุญธรรม แถมยังยอมแบ่งมรดกส่วนหนึ่งให้กับเด็กคนนั้นอีกด้วย ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันทางสายเลือด