Chapter 02: คนอกหักที่เมา…จะทำอะไรก็ได้

1053 Words
เลยเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว บรรยากาศในตอนนี้ให้ความรู้สึกราวกับเมืองร้าง เหล่าร้านรวงสองข้างทางปิดไปจนหมด เหลือไว้แต่เพียงสถานบันเทิงที่ให้บริการตอนกลางคืนเพียงไม่กี่แห่ง รถBMW 5 series แล่นไปตามเส้นทางที่โล่งจัดในเวลาตี 2 กว่าๆ อย่างรวดเร็ว ภายในตัวรถเสียงเครื่องยนต์นั้นเงียบสนิท ชายหนุ่มเจ้าของแววตาขี้เล่นผู้เป็นสารถีหาวออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่ทราบได้กับการต้องออกมาขับรถตอนดึกดื่นแบบนี้ “สิ...ไอ้สิอย่ามาหลับนะเว้ย!!!” เอ็มหันมาโวยวายให้กับคนที่โทรมาลากเขาออกมาตอนดึกอย่างอดไม่ได้ ในเมื่อเจ้าตัวเป็นคนมาเรียกให้เขาออกมารับรูมเมทของตนแท้ๆ แต่กลับมานั่งหลับซะงั้น “เจริญมากไอ้สิ เฮ้อ!” ชายหนุ่มกรอกตาอย่างเบื่อหน่าย “...” ความเงียบเป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้หลับไปแล้ว อยากจะบ้าตาย! “ไอ้สิตื่นก่อนเหอะมึง อย่าเพิ่งนอน!” เอ็มยื่นมือข้างหนึ่งไปเขย่าคนที่หลับอยู่เบาๆ แต่คนที่หลับไหลก็ยังคงไม่รู้สึกตัว จนเขาต้องเรียกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น “เฮ้ย! ตื่นสิวะมึง” และก็ได้ผลเมื่อสิขยับตัวช้าๆ ด้วยความงัวเงีย “อ...อืม” สิรภพปรือตามองเพื่อนหนุ่มอย่างสะลึมสะลือ “ไม่หลับหรอกน่า...” พูดจบคนขี้เซาก็นอนแน่นิ่งไปพร้อมกับลมหายใจเข้าออกยาวๆ แบบคนหลับลึก “ไม่หลับก็ลืมตาดิเว้ยเฮ้ย!!!” เอ็มอดไม่ได้ที่จะโวยวายออกมาอย่างหัวเสียมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายหลับลึกไปเสียแล้ว ในใจของเขาอดนึกโทษรูมเมทเจ้าปัญหาของสิอย่างเสียไม่ได้ นี่มันเวรกรรมอะไรของตูว่ะเนี่ย เซ็งอย่างแรง สุดหล่ออยากจะร้องไห้เป็นภาษาอาหรับแป๊ป ง่วงโว๊ย!!! นั่งหลับไปพักใหญ่สิรภพก็ได้ฤกษ์สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาอีกครั้ง “จะถึงยังวะ” “ใกล้ล่ะ” สารถีจำเป็นตอบด้วยน้ำเสียงงอนๆ ออกจะไม่พอใจเล็กน้อยที่เพื่อนตัวดีของเขาดันมาหลับใส่ทั้งๆ ที่ตนเองเป็นคนลากให้เขามาเป็นสารถีจำเป็นแท้ๆ “ทำไมต้องออกมารับรูมเมทของแกด้วยวะ ผู้หญิงก็ไม่ใช่ ทำไมกูต้องมาเสียเวลานอนทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ด้วย โว้ย! เซ็งอย่างแรง” สารถีจำเป็นยังไม่หยุดบ่นด้วยความเบื่อหน่าย “ก็หมอนั่นเมา แล้วก็มีแต่เพื่อนผู้หญิงก็เลยพากันกลับไม่ได้” สิพูดพลางขยี้ตาทั้งสองข้างของตัวเองเพื่อตั้งสติ ก่อนจะหาวออกมาคำโต “ง่วงชิบ...” “แล้วคุณมึงไม่คิดว่ากูง่วงบ้างเหรอ? คุณมึงไม่ถามกูสักคำเลยนะว่ากูอยากออกมาไหม? เซ็งจิตมากมาย” เอ็มได้ทีก็แขวะอย่างไม่ลดละ “น่านะ เดี๋ยววันหลังจะเลี้ยงข้าวล่ะกัน” สิรภพพูดเสียงหวานปลอบใจเพื่อนหนุ่ม แต่ยังพูดไม่ทันจบเอ็มก็สวนขึ้นมาซะก่อน “ร้านข้างทางตามเคย” เอ็มตอบกลับมาอย่างรู้ทัน “อืม...” สิยิ้มแหยๆ ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ “ก็มีปัญญาเลี้ยงแค่นี้อะ ไม่ได้รวยเหมือนแกซะหน่อย” ใครมันจะไปมีปัญญาเลี้ยงอาหารแพงๆ กันวะ “เออ เอาที่คุณมึงสบายใจก็แล้วกัน” เอ็มได้แต่ยอมรับอย่างปลงตก หวังว่ารอบหน้าจะไม่พาเขาไปกินลาบน้ำตกข้างปากซอยก็โอเคแล้ว อย่างน้อยหมูกระทะก็ยังดี “ขอบใจนะเพื่อนเลิฟ” สิหันมาหยักยิ้มให้เพื่อนหนุ่มอย่างรู้ใจ 3 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ณ ผับ xx “เอ้าๆ ดื่มให้เต็มที่เลยนะแก” ในที่นั่งมุมหนึ่งของร้านที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ยูกิมองเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่รอบโต๊ะแล้วยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นชูอย่างสนุกสนาน หญิงสาวยกแก้วไปชนกับแก้วของตินและยูริตามลำดับ “เอาให้เมาไปเลย” ยูกิพูดพลางกระดกเหล้าเข้าปากอย่างรวดเร็วจนเหลือแค่เพียงครึ่งแก้วเท่านั้น “อย่าบ้าน่ายูกิ” ตินภพอดไม่ได้ที่จะปรามเพื่อนสาวให้เพลาๆ ลง “ค่อยๆ ดื่มก็ได้ ถ้าเกิดเมาหัวทิ่มขึ้นมาใครจะพาแกกลับวะ” ตินพูดหน่ายๆ ก่อนจะละสายตาไปที่เพื่อนชายอีกคนที่ตอนนี้ตั้งแต่มาถึงก็เล่นกระดกเหล้าไม่หยุดราวกับตายอดตายอยากมาจากที่ไหน “รู้แล้วน่า บ่นเป็นตาแก่ไปได้นะติน” ยูกิไม่สนใจคำเตือนของอีกฝ่ายก่อนจะกระดกเหล้าที่เหลือจนหมดแก้ว “เออ ดี เจริญ” ตินภพส่ายหน้าเซ็งๆ ก่อนจะยกแก้วสีอำพันในมือมาจิบบ้างเพื่อระบายอารมณ์ แต่ละคน เฮ้อ! บรรยากาศภายในร้านที่กำลังเปิดเพลงจังหวะเบาๆ ชวนให้ทั้งกลุ่มเริ่มจะเคลิบเคลิ้มและมีอารมณ์ดื่มมากยิ่งขึ้น “นี่ยูกิเอากับแกล้มอันนี้ด้วยสิ” ยูริเริ่มเสนอแนะน้องสาวอย่างย่ามใจ เพราะวันนี้เธอไม่ได้จ่าย “จัดไป” ยูกิพยักหน้ารับอย่างใจป้ำ แก้มเนียนๆ เริ่มแดงปลั่ง “แต่ยูริอย่ากินแต่กับแกล้มสิยะ” ยูกิเหวใส่พี่สาวอย่างไม่พอใจ เพราะอีกฝ่ายเล่นกินแต่กับอย่างเดียว ส่วนน้ำสีอำพันในแก้วแทบไม่พร่อง “ก็ไม่ชอบเหล้าอ่ะ” ยูริหัวเราะในลำคออย่างไม่ใส่ใจพลางหยิบกับแกล้มมากินต่อหน้าตาเฉย “อะไรยะ นี่เราอุตส่าห์เลี้ยงนะ” ยูกิพ่นลมหายใจออกมาเซ็งๆ แล้วหันหน้าไปหาเพื่อนหนุ่มอีกคนนี่นั่งอยู่ใกล้ๆ แทน “อิท ไหนๆ เราก็พานายมาเลี้ยงแล้วนะ เรื่องมันเป็นไงมาไงเล่าให้เราฟังหน่อยดิ เราอยากรู้” ดวงตาคู่สวยของยูกิเป็นประกายระยิบระยับด้วยความอยากเผือกแบบสุดๆ “เรื่องอะไร?” “ก็เรื่องที่แกอกหักไง” ยูกิพูดพลางขยับเข้าไปใกล้ๆ อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว “แกยังไม่ได้เล่าเลยนะ เร็วๆ ฉันอยากรู้แทบใจจะขาดอยู่แล้ว” “ไม่มีอารมณ์จะพูด จบป่ะ” อิทรีบปฏิเสธอย่างเซ็งๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD