3

1297 Words
“ไปนะพี่พิม ไปเที่ยวกัน เราสองคนจะได้ดำน้ำด้วยกันไง ไม่ได้ดำมาสองปีกว่าแล้ว” พิมรพีน้องสาวต่างมารดาชวนอีกคน “นะพี่พิม ไปด้วยกันนะ” “พิมอยากอยู่บ้านค่ะ” ไม่ใช่ครั้งแรกที่บรรพตกชวนพิมรดาไปเที่ยว เขาชวนทุกครั้งที่ไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ทว่าลูกสาวคนโตปฎิเสธทุกครั้ง “พิมกลัวว่า จะทำให้ทุกคนหมดสนุก พิมอยู่บ้านดีแล้วค่ะ” ทุกคนที่กล่าวชวนพิมรดารู้เหตุผล ทว่าทั้งสามอยากให้เธอปล่อยวาง เพราะเรื่องนั้นผ่านมานานสองปีแล้ว เรื่องคดีความก็จบลงด้วยดี มันเป็นอุบัติเหตุอย่างแท้จริง “ถ้าพิมอยากอยู่บ้านพ่อก็ไม่บังคับ พิมพร้อมเมื่อไหร่ค่อยไปกับพ่อนะลูก” บรรพตรักลูกเท่ากัน แม้ว่าเกิดกับภรรยาคนละคน “กินต้มยำกุ้งนะลูก น้าแก้วทำให้พิมกินโดยเฉพาะ” ก่อนตักกุ้งและน้ำต้มยำใส่ถ้วยแบ่ง วางลงใกล้จานข้าวลูกสาวคนโต “ผัดคะน้าหมูกรอบด้วยค่ะ อร่อยมากๆ เลย ตอนคุณแม่ทำ รพีชิมไปตั้งหลายช้อน” พิมรพีตักอาหารดังกล่าวใส่จานข้าวพิมรดาอย่างเอาใจ พิมรดายิ้มตักอาหารใส่ปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ในความทุกข์เกาะกินจิตใจ พิมรดามีครอบครัวที่รักและเอาใจใส่ บางครั้งบางเวลาความรู้สึกติดค้างในใจปัดเป่าออกไปชั่วขณะ “พรุ่งนี้บุญจะขับรถให้พ่อนะ เพราะบุญขับรถไปไกลๆ คล่องกว่าบัญชา” ปกติบัญชาขับรถให้บรรพตและพรแก้วที่เก่งขับรถในกรุงเทพ ปริมณฑลมากกว่า หากไปต่างจังหวัดจะเรียกใช้งานบุญ “ค่ะคุณพ่อ” พิมรดาไม่ขัดข้องเรื่องนี้ “ว่าแต่คุณพ่อจะไปกี่วันคะ” “สามคืนสี่วันน่ะลูก ถ้าอยากได้อะไรโทรบอกพ่อนะ หรือถ้าเปลี่ยนใจก็บอก” “ค่ะคุณพ่อ” การสนทนาเรื่องไปเที่ยวหยุดลงแค่นี้ เพราะพูดไปก็ไม่อาจเปลี่ยนใจพิมรดาได้ บรรพต พรแก้วและพิมรพีหวังว่า สักวันหนึ่งจะได้พิมรดาคนเดิมกลับมา น้ำเมาคือสิ่งเดียวที่เยียวยาจิตใจชอกช้ำของคนเสียลูกเสียเมีย ไม่มีวันไหนที่ณคุณไม่เสียใจ คล้ายกับว่ามันฝังลึกแน่นหนาอยู่ในใจ ยิ่งวันนี้เป็นวันครบรอบสองปีกับการจากไปของลูกเมีย ณคุณยิ่งเศร้าหนักมากขึ้น เพราะมันควรเป็นวันที่เขามีความสุข เนื่องจากตรงกับวันคล้ายวันเกิดของชนกนันท์ แก้วตาดวงใจของเขา แทนที่วันนี้จะได้เห็นลูกสาวเป่าเค้ก เห็นรอยยิ้ม และได้ยินเสียงหัวเราะของคนในครอบครัว เขากลับทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้าของวันเกิด เป็นความเศร้าที่ยากเกินบรรยาย เขาพูดไม่ออก เจ็บแล้วเจ็บอีก ร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด ความแค้นเคืองจึงปักหลักในหัวใจอยู่เช่นนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน ย้อนกลับไปคืนนั้น ณคุณจัดงานวันคล้ายวันเกิดให้ลูกสาวในบ้านพ่อตาแม่ยายย่านลาดพร้าว เดิมทีตั้งใจให้สองแม่ลูกนอนค้างที่นั่นเพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว และอีกเหตุผลหนึ่งคือ เขาต้องขับรถไปส่งบิดามารดาที่บ้านย่านประตูน้ำ เนื่องจากคนขับรถเกิดท้องเสีย อ่อนเพลียเกินกว่าจะขับรถได้ ทว่ารัตน์ชนกยืนกรานจะกลับบ้าน เหตุผลคือมีการเดินทางไปภูเก็ตในช่วงเช้า หากค้างบ้านหลังนี้จะต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อไปบ้านย่านประชาชื่น สู้กลับตอนนี้ดีกว่า ณคุณไม่ขัดใจเมียรัก จึงให้สมชายทำหน้าที่ขับรถพารัตน์ชนกกับชนกนันท์กลับบ้าน หากเขาไม่ตามใจ บังคับให้นอนบ้านพ่อตาแม่ยาย เรื่องร้ายคงไม่เกิดขึ้น “พี่คิดถึงเดือนเหลือเกิน คิดถึงลูกแก้วด้วย คิดถึงจนใจแทบขาด...ฮือ” ณคุณร้องไห้ น้ำตาไหลอาบแก้ม ขณะนั่งมองภาพถ่ายครอบครัว ตอนอยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก มือใหญ่สั่นเทาลูบไปบนภาพถ่ายใบนั้น ลูบทั้งน้ำตา น้ำตาแห่งความคิดถึงจับขั้วหัวใจ น้ำตาแห่งความเสียใจที่พลั่งพลูตามความรู้สึก ก่อนนำภาพนั้นมาแนบตรงหัวใจ แล้วร้องไห้เช่นเดิม “ทำไม...ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไม...ฮือ” ณคุณยังระบายความเสียใจไม่ผ่อนพัก เขาร้องไห้หนักมาก ร้องไห้อย่างไม่กลัวน้ำตาจะหมด หัวใจเขาสลายเป็นผุยผง จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ อยากตายตามลูกเมียสุดที่รัก ทว่าเขายั้งความคิดได้ทัน เพราะต้องการดูผลสรุปของคดี พิมรดารอดจากการติดคุก แม้ว่าพิมรดารับผิดทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากคำให้การกับหลักฐานในรถสอดคล้องกัน รองเท้าส้นสูงอยู่ใต้เบรก ทำให้เบรกไม่สามารถหยุดรถได้ตามตั้งใจ โทษที่ได้รับคือ ชดเชยค่าเสียหายให้กับญาติผู้เสียชีวิตรวมเป็นเงิน ห้าล้านสามแสนบาท และให้ผู้บาดเจ็บหนึ่งล้านบาท ความที่พิมรดาไม่เคยทำผิดมาก่อน ศาลเมตตาให้รอลงอาญาสองปี แน่นอนว่าณคุณไม่พอใจกับคำตัดสิน ทว่าเขาไม่อุทรณ์ปล่อยให้เรื่องนี้จบลงตามนั้น แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ทำอะไร เขาปล่อยให้เวลาผ่านไปจนคนคิดว่า ณคุณปล่อยวางเรื่องนี้จริง อดทนรอด้วยใจร้าวราน อดทนอย่างใจเย็น รอเวลาปิดบัญชีพิมรดา “เธอจะต้องได้รับโทษที่พรากเดือนกับลูกแก้วไปจากฉัน เธอจะต้องตายทั้งเป็น ต้องเจ็บปวดทรมานมากกว่าฉัน” ความเสียใจก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น มือข้างหนึ่งจับกรอบรูปไว้ มืออีกข้างกำแน่น นัยน์ตาเขาน่ากลัวมาก ราวกับมีกองไฟกองเล็กๆ สุมอยู่นับพัน วาวโรจน์อย่างน่ากลัว เป็นความแค้นที่ยากดับได้ มันจะสลายก็ต่อเมื่อ แผนเขาสำเร็จดั่งหวัง ........... สองวันต่อมา เสียงเครื่องยนต์เรือและจังหวะการกระแทกของเรือกับผืนน้ำ ส่งผลให้หญิงสาวที่นอนสลบอยู่บนเรือรู้สึกตัว เธอลืมตาขึ้นมาเชื่องช้า มึนหัวเบาๆ ร่างสาวยันตัวลุกขึ้นนั่งมองไปรอบๆ อย่างมึนงง แต่ยังไม่ทันที่เธอได้ทวนความจำดี หรือคิดอ่านสิ่งใด พิมรดารู้สึกราวกับว่าร่างตัวเองลอย ก่อนกระทบกับผืนน้ำในขณะที่เรือกำลังจอด ตูม... แคกๆ พิมรดาทะลึ่งตัวขึ้นมาเหนือน้ำ เธอสำลักหลายครั้ง ยังไม่ทันได้ลืมตา ศีรษะเธอเหมือนมีบางอย่างกดลงไปใต้น้ำ เธอดิ้นรนพยายามดันร่างให้พ้นน้ำเพื่อหายใจ เพราะเธอเป็นมนุษย์หายใจในน้ำไม่ได้ พิมรดาดึงตัวเองหลายครั้งหลายหน แต่ก็มีบางอย่างกดไว้เช่นเดิม หญิงสาวสำลักน้ำไปแล้วหลายอึก คิดในใจว่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไปมีหวังได้วายชีวาตรงนี้แน่ มือเล็กจับสิ่งที่กดอยู่หัว เพิ่งรู้ว่าคือมือใครบางคนที่หมายเอาชีวิต เรี่ยวแรงน้อยนิดออกแรงปัด แต่ไม่เลย มือยังยึดมั่นตามเดิม กดหัวไว้ไม่ปล่อย “ไอ้เพชรพอ ไอ้เพชร เดี๋ยวเธอก็ตายหรอก” ยศวินหรือวินที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องห้าม ไม่ห้ามแค่ปาก ยังจับมือคนกำลังโกรธให้พ้นศีรษะเชลยสาว “เออ กูอยากให้เธอตาย ตายตามเมียกับลูกกู” “ถ้าเธอตาย มึงก็ไม่ได้แก้แค้นน่ะสิ มึงอย่าลืมนะว่า มึงจับตัวเธอมาที่นี่ทำไม ให้ตายง่ายๆ อย่างนี้เหรอ สติ...มึงต้องมีสติ” ยศวินเตือนสติ ณคุณรู้ตัว ขยุ้มเส้นผมพิมรดา ก่อนดึงขึ้นมาให้พ้นน้ำทะเลอย่างไม่กลัวเธอเจ็บ แคกๆ แคก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD