เหยื่อมาถึงที่

1434 Words
แล้ววันจันทร์มาถึงพร้อมกับความกดดันที่เพิ่มขึ้น มาธวีมาถึงบริษัทตั้งแต่เช้าแต่หญิงยาวยังไม่ได้ขึ้นไปที่ห้องของท่านประธานเพราะอยากจะถามหัวหน้าแผนกที่เธอฝึกงานให้แน่ใจเสียก่อน เผื่อว่าเช้านี้ท่านประธานจะเปลี่ยนใจ แต่แล้วทุกอย่างมันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม “อย่ากังวลไปเลยไม่มีอะไรหรอกน่าน้ำผึ้ง” ศิริอรเห็นสีหน้าหนักใจของมาธวีก็พูดให้กำลังใจ “แต่ทำไมเขาถึงเรียกหนูขึ้นไปล่ะคะพี่อร” “ก็เพราะน้ำผึ้งทำงานดีไงล่ะ แล้วช่วงนี้พี่แก้วก็ท้องอยู่ด้วยเธอก็คงอยากมีใครไปช่วยงานเอกสารนั่นแหละน่า” “ค่ะพี่อร” เพราะคิดว่าเหตุผลที่หัวหน้าแผนกพูดนั้นมีทางเป็นไปได้หญิงสาวเลยคลายความกังวลงบ้าง มาธวีขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 25 ตามที่ถูกสั่ง ในมือถือกระเป๋าและสมุดบันทึกงานของตัวเอง เมื่อมาถึงโต๊ะของพี่ชไมพรเธอก็ทักทายอย่างมีมารยาท “สวัสดีค่ะพี่แก้ว” “มาแล้วเหรอผึ้ง พี่ได้รับการแจ้งมาแล้วท่านประธานรออยู่ในห้องแล้วนะ น้องผึ้งเข้าไปได้เลย” มาธวีรู้สึกเหมือนหัวใจตกไปอยู่ตาตุ่มเธอเดินไปที่ประตูห้องทำงานขนาดใหญ่ของท่านประธาน สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเคาะประตูอย่างเบาที่สุด ก๊อก... ก๊อก... “เข้ามา” เสียงทุ้มต่ำที่แสนจะคุ้นเคยตอบกลับมา หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปอย่างช้า ๆ ห้องทำงานนั้นกว้างใหญ่ หรูหรา โอ่อ่ากว่าที่เธอจินตนาการไว้หลายเท่าตัว ผนังกระจกบานใหญ่เผยให้เห็นทิวทัศน์ของกรุงเทพฯ ทั้งเมือง องศาไม่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่เขายืนอยู่ริมหน้าต่าง หันหลังให้เธอเล็กน้อย ในมือถือแก้วกาแฟไว้ เขาสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พับแขนขึ้นมาถึงข้อศอก ซึ่งเป็นภาพที่ทำให้เธอนึกถึงบาร์เทนเดอร์คนนั้นอีกครั้ง “สวัสดีค่ะท่านประธาน” “อือ นั่งลงสิ” เขาบอกโดยไม่ต้องหันมา “ขอบคุณค่ะ” มาธวีเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะทำงานด้วยความประหม่า หัวใจเต้นแรงทั้งกลัวละตื่นเต้น เธอวางกระเป๋าและสมุดบันทึกบนตักอย่างระมัดระวัง องศาค่อย ๆ หมุนตัวกลับมามองเธอ ดวงตาคมกริบคู่นั้นมองเธออย่างพิจารณาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า และเขาก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก “คุณเรียกหนูมาทำไมคะ” มาธวีถามแต่ไม่กล้าสบกับสายตาของเขา “ผมมีงานให้คุณทำ” เขาเดินเข้ามาใกล้โต๊ะทำงานแล้วเท้าแขนลงบนขอบโต๊ะ จ้องมองใบหน้าใสที่ดูตื่นตระหนก “งานอะไรคะท่านประธาน” “เรียกผมว่าองศาก็ได้นะ” “ค่ะคุณองศา คุณมีงานอะไรให้หนูทำคะ” เมื่อหญิงสาวแทนตัวเองว่าหนูเขาก็รู้สึกว่ามันต่างไปจากผู้หญิงขี้เมาที่เร่าร้อนในคืนนั้นมาก แต่กลับรู้สึกเอ็นดูเธอมากขึ้น เธอในวันนี้ดูสดใสมากกว่าคืนนั้น “ไม่มีอะไรมากหรอกก็แค่ช่วงนี้ ผมอยากให้คุณมาช่วยงานเลขาของผมก็เท่านั้นเอง พวกงานเอกสารต่าง ๆ เลขาของผมท้องอาจต้องการให้คนมาช่วยงานหรือไม่ก็เดินไปติดต่อประสานงานตามผนกต่าง ๆ คิดว่าทำได้ไหมล่ะ” “ได้ค่ะ แต่ทำไมคุณถึงให้หนูมาทำงานนี้คะ” หญิงสาวรู้สึกว่ามันแปลกที่เธอเรียกให้นักศึกษาฝึกงานอย่างเธอมาช่วยงานเพราะเธอไม่มีประสบการณ์อะไรเลย “อันที่จริงผมก็จะใหนักศึกษาทุกคนลองมาช่วยงาน ถ้าใครเข้าตาก็จะได้ทำงานต่อพอดีว่าชื่อคุณอยู่คนแรกก็เลยได้มาก่อนน่ะ ลองทำดูก่อนถ้าไม่ไหวผมจะเรียกคนอื่นมาแทน” “ค่ะ ขอบคุณที่ให้โอกาสหนูนะคะ” หญิงยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อมก่อนจะเดินออกไป องศามองตามหลังแล้วถอนหายใจเพราะการที่เธอยอกมือไว้เข้ามันเลยทำให้เขารู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างตนเองกับมาธวี ตอนนี้หญิงสาวเป็นเด็กที่มาฝึกงานในบริษัทของเขาและเขาคงจะทำอะไรรุ่มร่ามกับเธอไม่ได้ “ให้มันได้อย่างนี้สิ เหยื่อมาถึงที่แต่ทำอะไรไม่ได้” เขาบ่นกับตัวเองด้วยความหงุดหงิด มาธวีเดินออกจากห้องทำงานขององศาด้วยความรู้สึกโล่งอกเพราะที่เขาเรียกมาก็แค่ให้มาช่วยงานเลขาไม่ใช่เพราะเธอทำอะไรผิด เธอถอนหายใจยาว พลางยิ้มให้กับความกังวลเกินเหตุของตัวเอง “เรียบร้อยไหมจ๊ะผึ้ง” พี่แก้วถามด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นมาธวีเดินกลับมาที่โต๊ะ “เรียบร้อยแล้วค่ะพี่แก้ว ท่านประธานบอกให้หนูมาช่วยงานพี่แก้วค่ะ” “พี่กำลังต้องการตัวช่วยมาก ๆ เลยล่ะ ช่วงนี้เอกสารมันเยอะมากเลยจ้ะ แล้วพี่ก็เริ่มไม่ไหวกับการเดินไปเดินมาแล้ว” ชไมพรลูบท้องที่นูนขึ้นซึ่งมาธวีเพิ่งสังเกตเห็น “พี่แก้วจะให้หนูทำอะไรบอกมาได้เลยนะคะ หนูยินดีช่วยเต็มที่เลยค่ะ” มาธวีพูดอย่างเต็มใจ การได้ช่วยงานเลขาของผู้บริหารจะทำให้เธอได้ประสบการณ์ที่มากขึ้น “ได้จ้ะ” ชไมพรแนะนำงานให้มาธวีอย่างละเอียด โดยเน้นที่การจัดเก็บแฟ้มเอกสาร การรับ-ส่งจดหมายสำคัญ และการประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะฝ่ายกฎหมายและการเงิน ทุกอย่างที่รุ่นพี่สอนเด็กฝึกงานอย่างมาธวีก็ตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ งานที่ได้รับมอบหมายนั้นหนักและมีรายละเอียดมากมายตามสไตล์ของงานเลขาฯ ระดับผู้บริหาร แต่มาธวีก็ตั้งใจเรียนรู้และทำมันอย่างรวดเร็ว เธอไม่ต้องการทำให้ใครผิดหวังเพราะถ้าเธอทำงานนี้ได้ดีเธอก็อาจจะได้ทำงานนี้ไปตลอดจนกระทั่งฝึกงานเสร็จ การทำงานในตำแหน่งเลขาทำให้การเลิกงานต่างจากคนอื่นแต่มาธวีก็ยอมรับได้เพราะเธออยากเรียนรู้งานให้มากที่สุด “ขอบใจมากเลยนะผึ้ง ถ้าพี่ไม่ได้หนูพี่แย่แน่ ๆ เลย” ในที่สุดพี่แก้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อนาฬิกาบอกเวลาเกือบหกโมงครึ่ง “ไม่เป็นไรค่ะพี่แก้ว ถ้ามีอะไรให้ช่วยอีก บอกหนูได้เลยนะคะ วันนี้หนูได้เรียนรู้งานเอยะมาก ๆ เลยค่ะ” มาธวียิ้มอย่างยินดี “ไม่ใช่ว่าพี่ใช้งานหนักแล้วพรุ่งนี้จะขอกลับไปฝึกงานที่แผนกเดิมนะ” “ไม่หรอกค่ะพี่แก้ว หนูจะอยู่ช่วยงานพี่นอกเสียจากว่าพี่แก้วอยากลองหาคนใหม่มาช่วยงาน” “น้ำผึ้งขยันและยังช่วยงานได้คล่องแบบนี้พี่คงไม่ต้องเรียกคนอื่นมาแล้วล่ะ เดี๋ยวพี่จะคุยกับพี่อรนะว่าอยากดึงตัวมาช่วยพี่ที่นี่ แต่หนูเต็มใจใช่ไหม” “เต็มใจค่ะพี่แก้ว” “ขอบใจจ้ะ วันนี้หนูกลับก่อนเลยนะ เดี่ยวพี่ก็จะกลับเหมือนกัน ว่าแต่กลับยังไงให้พี่ไปส่งไหม นี่มันก็ค่ำแล้วนะ “ไม่เป็นไรค่ะพี่แก้วรถเมล์ยังวิ่งอยู่เลย หนูไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” มาธวีเก็บของใส่กระเป๋าแล้วรีบลงไปที่ชั้นล่าง เธอใช้เวลาทำงานล่วงเลยจากปกติไปเกือบหนึ่งชั่วโมง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยมากนัก กลับรู้สึกสนุกและดีใจที่ได้ทำงานในตำแหน่งนี้ มาธวีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา รถเมล์สายที่เธอจะนั่งน่าจะมาถึงในอีกประมาณ 10 นาที หญิงสาวจึงนั่งลงบนม้านั่งที่ป้ายรถเมล์ปล่อยตัวตามสบายหลังผ่านวันทำงานที่แสนจะยาวนานไป ขณะที่เธอกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ก็มีแสงไฟหน้ารถคันหรูสาดเข้ามาอย่างแรงจนเธอต้องหรี่ตาลง “ขึ้นรถ” เสียงเข้มออกคำสั่งเมื่อเขาลดกระจกลง “คะ?” “ผมบอกให้ขึ้นรถ เร็วสิเดี๋ยวรถเมล์ก็จะมาจอดแล้ว ผมไม่อยากจอดขวาง” “ค่ะ” เธอตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบาที่สุด ก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งในรถอย่างจำยอมเพราะถ้ายังช้าอยู่ก็กลัวว่ารถเมล์มาแล้วจะไม่มีที่จอด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD