“คิม ลูกจะเข้าไปเริ่มงานที่บริษัทเมื่อไหร่” คลอสที่นั่งดูงานในไอแพดเอ่ยถามคิมที่กำลังนอนหนุนตักอันปันเล่นโทรศัพท์อยู่
“คือคิม... ขอพักอีกเดือนสองเดือนได้ไหมคะ”
“หึ ยังอยากเที่ยวเล่นอยู่หรือไง” คลอสหัวเราะในลำคอเพราะเขารู้ทันความคิดลูกสาวตัวเอง เพราะตั้งใจเรียนมาหลายปีพอเรียนจบคงอยากจะเที่ยวเล่นตามประสา แต่เขารู้ว่าคิมมีความรับผิดชอบสูง
“ใช่ค่ะ เพิ่งกลับมายังไม่ได้ไปไหนเลย ขอไปเที่ยวก่อนได้ไหม”
“ตามใจ แต่หาวันเข้าบริษัทเพื่อไปเรียนรู้งานบ้างก็ดีนะลูก ช่วงนี้พี่เขายังไม่หายดีเลยไม่มีคนดูแล”
“ก็เพราะเฮียนั่นแหละที่ไม่เข้าไปดูแล ลูกก็บอกให้เฮียเข้าบริษัทเฮียก็ไม่ไป”
“ก็...” อันปันพูดแทรกขึ้นมาเพราะไม่อยากฟังคำแก้ตัวของสามีที่ฟังกี่ทีก็ดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย มีแต่ข้ออ้างทั้งนั้น ถ้าวันไหนคลอสเข้าบริษัทเป็นอันต้องพาเธอไปด้วยทุกครั้ง
“หนูไม่ได้หนีไปไหนสักหน่อยก็อยู่ที่บ้านรอเฮียนี่แหละค่ะ”
“ก็เฮียไม่อยากห่างหนูปันนี่ครับ”
“เฮียไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ ก็แค่ไปทำงานไปได้ไหนไกล ๆ หรือนาน ๆ สักหน่อย” อันปันอดจะบ่นคลอสสามีตัวเองไม่ได้ ขนาดลูกป่วยอยู่โรงพยาบาลฝากให้เข้าดูบริษัทแต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมเข้าไป จะเข้าเฉพาะมีประชุมหรือมีงานด่วนจริง ๆ ภาระและหน้าที่ทุกอย่างจึงตกไปอยู่กายผู้ช่วยคนสนิทของครูซ
“หนูครับ อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ลูกก็อยู่นะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณพ่อ คิมรู้อยู่แล้วว่าคุณพ่อเป็นคนยังไง นะคะคุณแม่”
“จริงลูก”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ/ฮ่า ๆ ๆ ๆ” สองแม่ลูกมองหน้าสบตาแล้วหัวเราะออกมาอย่างรู้กัน ทุกคนในครอบครัวต่างก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่าคลอสน่ะทั้งรักทั้งหลงและติดเมียยิ่งกว่าวัยรุ่นติดแฟนเสียอีก
คลอสได้แต่ทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นภรรยาและลูกหัวเราะเขาอย่างชอบอกชอบใจ เขาผิดตรงไหนเขาก็แค่รักและหลงภรรยาเท่านั้นเอง
“ว่าแต่แม่ว่าจะถามคิมอยู่วันนี้หนูไม่ไปเยี่ยมพี่เขาเหรอลูก”
“ไม่ค่ะ วันนี้คิมมีเรื่องอื่นต้องทำ”
“อืม ว่าแต่หนูไปซื้อโทรศัพท์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แม่ก็ว่าจะถามตั้งหลายครั้งแล้วก็ลืม”
“เมื่อวันก่อนค่ะ”
“ว่าแต่หนูไปกับใคร นี่อย่าบอกนะว่าไปคนเดียว”
“คิมไม่ได้ไปคนเดียวมีคนพาไป แล้วเฮียจะออกจากโรงพยาบาลวันไหนเหรอคะ” คิมเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามของอันปันเพราะเธอไม่อยากให้คุณพ่อจอมขี้หวงรู้ว่าเธอไปเจอกับคุณหมออาร์เจมาหรอก และที่วันนี้เธอไม่ไปโรงพยาบาลก็เพราะอยากเว้นระยะห่างอาร์เจบ้าง ก็เธอเล่นไปกวนเขาทุกวันจนเขาไม่มีเวลาทำงานเธอจะโดนเขาตำหนิเอา
อาร์เจนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พยายามจดจ่อกับเอกสารตรงหน้า แต่ความเงียบในวันนี้กลับทำให้เขารู้สึกแปลกไป เขาเผลอหันไปมองทางประตูบ่อยกว่าปกติ แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าไม่มีอะไร แต่ในใจลึก ๆ เขารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งขาดหายไป แต่เพียงแค่แป็บเดียวเท่านั้นเขาก็รีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านในหัวทิ้งแล้วหันมาสนใจงานในมือเหมือนเดิม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นดึงความสนใจอาร์เจ เขาเงยหน้ามองไปที่ประตูทันที แต่พอเห็นว่าเป็นควินตันที่เดินเข้ามาเขาก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะก้มหน้ากลับไปสนใจเอกสารในมืออีกครั้ง
ควินตันถือเอกสารเดินเข้ามาวางลงตรงหน้าอาร์เจ เขามองเจ้านายของตัวเองที่มีสีหน้าเรียบเฉยแต่ด้วยความคุ้นเคยเขาก็พอจะสังเกตเห็นได้ว่าวันนี้อาร์เจดูแปลกไปและแตกต่างไปจากทุกวัน
“นี่ครับเอกสาร” ควินตันพูดขึ้นพร้อมทั้งมองไปทางประตูเล็กน้อย เขาสังเกตได้ว่าวันนี้คิมไม่ได้แวะมาหาอาร์เจ ทั้งที่ปกติมักจะมาอยู่กับอาร์เจตลอด
“อืม” อาร์เจตอบรับในลำคอสั้น ๆ พลางอ่านเอกสารในมือก่อนจะเซ็นชื่อลงไป ควินตันที่แอบสังเกตอาการและท่าทางของอาร์เจด้วยความสงสัยก่อนจะพูดหยั่งเชิง
“วันนี้คุณคิมไม่มาเหรอครับ พอไม่มีคุณคิมห้องดูเงียบไปเลยนะครับเนี่ย”
มือที่กำลังเซ็นเอกสารของอาร์เจชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะกลับมาสนใจเอกสารต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นพร้อมย้อนถามควินตันด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แล้ว??”
“เปล่าครับ ก็แค่สงสัย เห็นปกติคุณคิมชอบมาคุยกันนายทุกวัน” ควินตันยิ้มมุมปากเล็ก ๆ ด้วยความชอบใจเมื่อได้ยินคำตอบของอาร์เจน้ำเสียงที่ดูราบเรียบเหมือนเดิมแต่เขากลับรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม
“ออกไปได้แล้ว” อาร์เจโยนเอกสารที่เซ็นเสร็จแล้วไปตรงหน้าพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองควินตันด้วยสายตาไม่พอใจที่โดนอีกฝ่ายกวนอารมณ์ให้หงุดหงิด
“ครับ ๆ” ควินตันรีบหยิบเอกสารแล้วเดินออกไปจากห้องไปทันที เพราะดูจากสายตาดุดันของอาร์เจแล้วถ้าเขายังขืนยังอยู่ในห้องอาจจะได้ไปนอนที่ห้องในเพนท์เฮ้าส์ก็เป็นได้ โทษฐานกวนประสาทเจ้านาย
หลังควินตันออกไปภายในห้องก็กลับมาเงียบอีกครั้ง อาร์เจเอนหลังพิงเก้าอี้พลางทอดสายตาออกไปมองวิวด้านนอกปล่อยความคิดไปไกล พลันในหัวก็นึกถึงภาพของคิมที่เคยอยู่ในห้องนี้ รอยยิ้มสดใสของเธอ และเสียงหัวเราะที่มักจะเติมเต็มบรรยากาศเงียบ ๆ รอบตัวเขาให้สดใสขึ้น
“ห้องมันเงียบ... เพราะเธอไม่มางั้นเหรอ??” อาร์เจพึมพำออกมาเบา ๆ อย่างไม่เข้าใจตัวเอง ว่าทำไมในหัวของเขาถึงได้คิดถึงเธออยู่บ่อย ๆ แม้จะพยายามบอกตัวเองให้หยุดคิดเรื่องไร้สาระ แต่ภาพของคิมยังคงแทรกเข้ามาในความคิดของเขาเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะพยายามปัดมันออกไปแค่ไหนก็ตาม
“นี่เราเป็นอะไร??”