เมื่อห้องเรียนว่างเปล่า ฉันจึงลุกขึ้นและเดินไปยังห้องพักครู ความรู้สึกทั้งหลายปะปนกันจนทำให้ฉันรู้สึกหนักอึ้งในอก ทั้งตื่นเต้น กังวล และคาดหวัง ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมความมั่นใจขณะเดินไปถึงหน้าประตูห้องพักครู
ฉันเคาะประตูเบาๆ และทันทีที่ได้ยินเสียงจากภายใน ฉันเปิดประตูเข้าไปเห็นครูพีทนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา สายตาของเขามองขึ้นมาเจอฉัน และฉันรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่เหมือนมีบางสิ่งเชื่อมโยงเราไว้
“เข้ามาสิ ลิลลี่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ฉันปิดประตูและเดินเข้าไปหาเขา หัวใจของฉันเต้นแรงจนแทบจะได้ยิน
“หนูมาแล้วค่ะครู” ฉันพูดเสียงเบา ยิ้มบางๆ แม้จะรู้สึกว่าตัวเองกำลังสั่นน้อยๆ จากความตื่นเต้น
ครูพีทยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปที่กองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ
“นี่คือเอกสารเกี่ยวกับบทเรียนวรรณคดีที่ฉันอยากให้เธอช่วยจัดเรียงและจัดเตรียมให้พร้อมสำหรับชั่วโมงเรียนวันพรุ่งนี้”
ฉันพยักหน้าและนั่งลงที่เก้าอี้ข้างโต๊ะ ทำงานตามที่เขาบอก ขณะที่มือของฉันจัดเรียงเอกสาร ความคิดของฉันกลับล่องลอยไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ความใกล้ชิด ความลับที่เราต่างเก็บซ่อน และความรู้สึกที่ซับซ้อนในใจ
หลังจากทำงานไปได้สักพัก ฉันรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของครูพีท เขาลุกขึ้นและเดินเข้ามาใกล้ฉัน ฉันหยุดมือและเงยหน้าขึ้นมองเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้าฉัน สายตาของเขามองฉันด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งและยากจะตีความ
“ลิลลี่...” เสียงของเขาเบาและลึกซึ้ง ราวกับว่าเขากำลังจะบอกอะไรบางอย่างที่สำคัญ
“เธอรู้ไหมว่าการศึกษาบทกวีและวรรณคดีนั้น ไม่ใช่แค่การเข้าใจคำพูด แต่เป็นการเข้าใจความรู้สึกด้วย”
ฉันมองเขาอย่างสงสัย แต่ก็รับรู้ได้ถึงความตั้งใจในคำพูดของเขา “ค่ะ... หนูเข้าใจว่าบทกวีมันสะท้อนความรู้สึกที่ลึกซึ้ง”
ครูพีทยิ้มเล็กน้อยก่อนจะโน้มตัวลงใกล้ฉัน ความใกล้ชิดนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดนิ่ง ลมหายใจของฉันติดขัดและหัวใจเต้นรัว เขายื่นมือมาสัมผัสที่แก้มของฉันเบาๆ ทำให้ฉันรู้สึกถึงร้อนวูบวาบที่เกิดขึ้นในร่างกาย
“บางครั้ง ความรู้สึกที่ลึกซึ้งนั้นต้องการการสื่อสารด้วยวิธีอื่น” เขากระซิบเบาๆ ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะเข้ามาใกล้จนฉันสามารถรู้สึกถึงลมหายใจของเขาที่แตะผิวของฉัน
ฉันรู้สึกเหมือนถูกสะกดให้หยุดนิ่ง ริมฝีปากของครูพีทแตะที่ริมฝีปากของฉันอย่างนุ่มนวล ก่อนจะตวัดปลายลิ้นเข้ามาในโพรงปากของฉัน และลิ้มรสความหวานจนฉันเริ่มหายใจไม่ทัน
“ครูคะ...”
“บทเรียนวันนี้....อาจจะทรมานหน่อยนะ”
ครูพีทกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของฉัน
“อื๊อ..ครูคะ..”
เขาจูบฉันอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง พร้อมกับดึงเนคไทออกจากคอเสื้อของเขา และใช้มันผูกรวบข้อมือของฉันทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ และดันตัวของฉันให้พิงกับพนักเก้าอี้
เขาจรดริมฝีปากไล่ไปตามลำคอ พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อของฉันออกจนมองเห็นบราเซียร์ลูกไม้สีชมพู เนินอกขาวกำลังยั่วให้เขาสัมผัส ลมหายใจอุ่นของเขาที่รดตามผิวกายของฉันทำให้ฉันรู้สึกร้อนรน ความปรารถนาบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ถูกปลุกเร้าขึ้นภายในตัวของฉัน
“ฉันยังไม่...หรอกนะ”
ครูพีทกระซิบเสียงกระเส่า มือของเขาสอดนิ้วเข้ามาใต้บรา และคลำจุดอ่อนไหวของฉัน
“อ๊ะ...” ฉันกัดริมฝีปากแน่นพยายามไม่ให้เสียงครางหลุดรอดออกมา
ครูพีทไม่ได้ถอดบราเซียร์ของฉันออก เพียงแต่รั้งดึงลง เพื่อหลีกทางให้ยอดอกทั้งสองเผยสู่สายตา เขาใช้ริมฝีปากเจ้าเล่ห์พรมจูบเรื่อยไปจนถึงตำแหน่งที่ตั้งชันสะดุดสายตา เขาพ่นลมหายใจรินรดยอดรวมเส้นประสาทคล้ายกับต้องการกลั่นแกล้ง ก่อนจะตวัดเรียวลิ้นร้ายกาจปลุกเร้าทั้งสองข้างอย่างเท่าเทียม
“อี๊อ...” ฉันรู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูก ทั้งเสียวและทรมานในเวลาเดียวกัน ครูพีทช้อนสายตาขึ้นมองปฏิกิริยาบนใบหน้าของฉัน เขายกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ
“ไหวมั้ย...”
“ครูคะ...หนู..อ๊า..”
ครูพีทกระซิบพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งเลื่อนต่ำไต่ลงไปตามต้นขาและล้วงเข้าไประหว่างเรียวขาที่แยกออกจากกันอัตโนมัติ เขาจู่โจมจุดอ่อนไหวสุดที่เบื้องล่าง ฉันกัดริมฝีปากแน่นความปรารถนาล้นปรี่
“อ๊า..ครู..” ฉันสะดุ้งเมื่อเขาแตะโดนตำแหน่งสำคัญ พร้อมกับแอ่นร่างกายแนบชิดกับเขาโดยที่มือของฉันยังโดนพันธนาการอยู่
“ว่าไง..ลิลลี่” ครูพีทยิ้มเจ้าเล่ห์
“ทะ..ทรมานค่ะ...” ฉันอยากหนีจากตรงนี้ แต่ร่างกายของฉันกลับทำตรงกันข้าม ทั้งแอ่นอกให้เขาลิ้มรสอย่างเต็มที่ หรือจะเป็นปลายนิ้วของเขาขยี้จุดกระสันจนฉันแทบทนไม่ไหว ฉันไม่คิดเลยว่า แค่นิ้วของเขาก็สามารถทำให้ฉันเป็นได้ถึงขนาดนี้
“พร้อมรึยัง?” ครูเจ้าเสน่ห์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเพิ่มน้ำหนักมือขยี้จุดอ่อนไหวของฉันให้มากขึ้น
“อ๊า...”
ฉันครางออกมา ท้องน้อยของฉันรู้สึกเกร็งวูบ ยิ่งเขาเพิ่มน้ำหนักตามเสียงครางของฉัน ความเสียวซ่านก็เพิ่มขึ้นจนสมองขาวโพลนไปหมด มือทั้งสองข้างที่โดนพันธนาการกำแน่น แต่ฉันไม่ร้องขอให้เขาหยุด แถมยังเคลื่อนเอวเข้าหาเขาด้วยซ้ำ เสียงหอบหายใจปะปนเสียงครางของฉัน จนกระทั่งในที่สุดฉันเกร็งไปทั้งตัว กล้ามเนื้อขาด้านในกระตุกสั่นระริก ช่างเป็นความทรมานที่ยาวนานที่สุดที่ฉันเคยเจอ
“หึหึ เด็กดีของฉัน น่ารักเสียจริง” นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากปากของครูเจ้าเสน่ห์ ก่อนภาพจะตัดไป