เช้าวันนี้ ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องลอดผ่านหน้าต่างหอพัก เข้ามาทักทายฉันด้วยความอ่อนโยน ฉันรู้ดีว่าวันนี้จะไม่ใช่วันธรรมดา ครูพีทจะมารับฉันตอน 10 โมงเช้าเพื่อไปดูงานนิทรรศการภาพถ่ายวรรณคดีในเมือง และมันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงทุกครั้งที่คิดถึงการได้ใช้เวลาทั้งวันกับเขา
ขณะที่ฉันกำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ และซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันก็เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนทุกครั้ง
“ลิลลี่ ตื่นแล้วเหรอ? วันนี้ต้องกลับบ้านนะ” ซาร่าพูดขึ้นพร้อมกับจัดกระเป๋าเดินทางของเธอ
“ที่บ้านมีธุระที่ต้องจัดการ ฉันคงจะกลับมาเรียนอีกทีวันจันทร์เลย”
“เอ๊ะ วันจันทร์เลยเหรอ?” ฉันเงยหน้ามองซาร่า ความรู้สึกหวาดหวั่นเกิดขึ้นเมื่อฉันต้องอยู่หอพักเพียงลำพังคนเดียว
“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเหงาแบบนั้นดิ วันจันทร์แค่แปปเดียวเอง” ซาร่ายื่นมือมาดึงแก้มฉัน
“อื้อๆ รู้แล้ว” ฉันส่งยิ้มให้เธอหายกังวลใจ
“ถ้ามีอะไรที่อยากคุย ก็โทรหาฉันนะ” ซาร่าย้ำ พร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กไปหน้าประตู
ฉันพยักหน้าและส่งยิ้มให้เธอ ก่อนที่ซาร่าจะออกจากห้องไป ฉันมองตามเธอที่เดินหายไปจนลับสายตา ความเงียบที่ตามมาหลังจากนั้นทำให้ความคิดเกี่ยวกับครูพีทและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้เริ่มวนเวียนอยู่ในหัวของฉันอย่างไม่หยุดยั้ง
ฉันเลือกชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนที่มีลายดอกไม้เล็กๆ ทั่วทั้งชุด กระโปรงยาวคลุมเข่าและมีแขนเสื้อพองนิดๆ ที่ทำให้ฉันดูสดใสและน่ารักขึ้น ฉันแต่งหน้าเบาๆ และรวบผมครึ่งศีรษะด้วยโบว์เล็กๆ ที่เข้ากับชุด หวังว่าเสื้อผ้าหน้าผมในวันนี้จะดูดีพอสำหรับวันพิเศษนี้
เมื่อถึงเวลาสิบโมงตามนัด ฉันเดินออกมาจากหอพัก ครูพีทก็มารออยู่ที่หน้าประตูแล้ว เขายืนพิงรถของเขาและหันมายิ้มให้ฉัน รอยยิ้มนั้นทำให้ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นและมั่นใจมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงยิ่งขึ้น
ครูพีทแต่งตัวเรียบง่ายแต่ดูดีมาก เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดที่เข้ารูปพอดีกับรูปร่างของเขา กางเกงสแล็คสีดำทำให้เขาดูสุภาพและมีเสน่ห์มากขึ้น เขาใส่นาฬิกาข้อมือเรือนหรูที่เข้ากับบุคลิกของเขาอย่างลงตัว สายตาของฉันไม่สามารถละไปจากเขาได้เลย
แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็สังเกตเห็นว่าเขากำลังมองมาที่ฉันอย่างตั้งใจ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมและความทึ่ง ราวกับว่าเขาไม่คาดคิดว่าฉันจะแต่งตัวน่ารักและสดใสแบบนี้ ฉันรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านขึ้นมาบนใบหน้าขณะที่เขามองฉัน
“ลิลลี่...วันนี้เธอสวยมากจริงๆ”
ครูพีทยกยิ้มมุมปาก แววตาที่อาบย้อมไปด้วยความปรารถนาใคร่อยากทำสิ่งที่มากกว่านี้ ทำให้ฉันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
“ขอบคุณค่ะครู คุณก็หล่อมากเหมือนกัน” ฉันตอบกลับด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย ความรู้สึกอายและตื่นเต้นปะปนกันอยู่ในใจ
ครูพีทยังคงมองฉันด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก สายตาของเขาที่มองฉันนั้นลึกซึ้งและอบอุ่น ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งอยู่ภายในใจ แต่เขาไม่ได้พูดออกมา
“อยู่ข้างนอกเรียกพี่พีทสิ” ครูพีทยิ้มกรุ้มกริ่ม
“จะดีเหรอคะ?” ฉันถามด้วยความไม่แน่ใจ
“ดีสิ” ครูพีทยิ้มกว้างให้ฉัน
“ค่ะ พี่พีท” ฉันตอบรับด้วยความเขินอาย
“ไปกันเถอะ” ครูพีทยิ้ม พร้อมกับเดินไปเปิดประตูรถให้ฉัน
ขณะที่ฉันนั่งลงในรถและครูพีทขับรถออกไป ฉันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความตื่นเต้นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจตอนที่เขามองฉัน แต่มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันเป็นคนสำคัญสำหรับเขา และนั่นก็ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงไม่หยุด
เมื่อรถของครูพีทแล่นเข้าสู่ถนนที่เรียงรายด้วยต้นไม้ใหญ่ ฉันรู้สึกถึงความตื่นเต้นที่เต้นแรงอยู่ในอก ภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่เบาๆ กับเสียงหัวใจของฉันที่เต้นรัวจนฉันได้ยินชัดเจน ครูพีทนั่งขับรถอยู่ข้างๆ ฉัน สายตาของเขาจับจ้องไปยังถนนข้างหน้า ฉันแอบมองการแต่งตัวของครูพีท ที่ช่างดูเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์สุดๆ ความคิดของฉันเตลิดไปเมื่อนึกถึงร่างกายภายใต้เสื้อผ้าของเขา
“ลิลลี่ มองฉันแบบนี้ เดี๋ยวฉันขับรถไม่ได้กันพอดี” เสียงของครูพีททำให้ฉันหยุดความคิดทั้งหมด เขาหันมามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปสนใจถนนข้างหน้า
“เอ่อ..หนูตื่นเต้นน่ะค่ะ” ฉันตอบเสียงเบา ความรู้สึกหลายอย่างปะปนกันอยู่ในใจ ทั้งความตื่นเต้น ความคาดหวัง และความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“นิทรรศการนี้พิเศษมากนะ เป็นการแสดงภาพถ่ายที่ถ่ายทอดเรื่องราวของวรรณคดีผ่านมุมมองของศิลปินหลายคน ฉันคิดว่าเธอต้องชอบแน่ๆ” ครูเจ้าเสน่ห์ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ฉันยิ้มบางๆ และพยักหน้า แม้ในใจจะรู้สึกประหม่า แต่ฉันก็รู้สึกว่าครูพีทเข้าใจในสิ่งที่ฉันรักและสนใจ นั่นทำให้ฉันรู้สึกดีและรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ฉันสามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงได้
เมื่อเราไปถึงหอศิลป์ ครูพีทจอดรถและเดินลงมาช่วยฉันเปิดประตูรถ ฉันรู้สึกถึงลมเย็นๆ ที่พัดผ่านผิวหน้า ทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นและตื่นตัวมากขึ้น
หอศิลป์แห่งนี้เป็นอาคารที่มีสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์น ดูเรียบง่ายแต่แฝงด้วยความหรูหรา ภายในอาคารเงียบสงบ มีเพียงเสียงก้าวเดินเบาๆ ของผู้เข้าชมนิทรรศการ ฉันรู้สึกเหมือนถูกพาเข้าสู่โลกใหม่ โลกที่เต็มไปด้วยศิลปะและความงดงามที่ล้ำลึก
เมื่อเราเดินเข้าไปในห้องแสดงนิทรรศการ ฉันตะลึงกับภาพถ่ายที่จัดแสดงอยู่ ภาพถ่ายเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ภาพสวยงาม แต่แต่ละภาพล้วนสะท้อนถึงเนื้อหาของวรรณคดีอย่างลึกซึ้ง ทุกภาพเต็มไปด้วยความหมายที่ซ่อนอยู่ในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ราวกับว่าแต่ละภาพกำลังเล่าเรื่องราวของมันเอง
“ฉันคิดว่าเธอคงชอบภาพนี้”
ครูพีทกล่าวขึ้นขณะที่เราหยุดยืนอยู่หน้าภาพถ่ายภาพหนึ่ง ภาพนั้นเป็นภาพของหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางป่า โดยมีแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านต้นไม้ลงมาส่องกระทบใบหน้าของเธอ แววตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความเศร้าและความฝัน ราวกับว่าเธอกำลังมองหาบางสิ่งที่หายไป
ฉันจ้องมองภาพนั้นอย่างไม่วางตา รู้สึกถึงความลึกซึ้งของภาพที่แฝงไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่หลากหลาย มันทำให้ฉันนึกถึงตัวเอง ความรู้สึกที่มักจะแฝงอยู่ในความเงียบ ความปรารถนาที่อยากจะค้นหาความหมายของชีวิต และการเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด
“มันสวยมากค่ะ” ฉันพูดออกมาเบาๆ รู้สึกเหมือนเสียงของตัวเองแทบจะหลอมละลายไปกับบรรยากาศในห้องนั้น
“ภาพนี้ทำให้ฉันคิดถึงหลายๆ อย่าง... มันเหมือนกำลังเล่าเรื่องราวของคนที่กำลังตามหาความสุขในชีวิต”
ครูพีทยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันพูด
“เธอเข้าใจมันได้ดีเลยลิลลี่ ศิลปินที่สร้างภาพนี้ต้องการสื่อถึงความปรารถนาที่ลึกซึ้งของมนุษย์ ความต้องการที่จะค้นพบตัวเอง และการเดินทางที่เราทุกคนต้องเผชิญในชีวิต”
ฉันหันมามองครูพีท เขามองฉันด้วยสายตาที่ลึกซึ้งและอบอุ่น ฉันรู้สึกถึงความเชื่อมโยงที่ไม่อาจอธิบายได้ระหว่างเรา มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกนี้