บทที่ 1 ขืนใจตัวร้าย NC

3545 Words
ท้องฟ้าในยามราตรีมีเพียงแสงไฟดวงเล็กจากคบเพลิงสาดส่องนำทาง เสียงฝีเท้าเหยียบย่ำอย่างเงียบเฉียบ ชุดถูกเปลี่ยนจากเกราะเหล็กมีน้ำหนักสีเงินเป็นชุดรัดรูปสีดำพร้อมผ้าปิดบังใบหน้าเฉกเช่นเดียวกับชุด เบื้องหน้าเป็นทางลาดชันลงเขาที่หากย่างก้าวผิดพลาดแม้เพียงก้าวเดียวคงได้บอกลาชีวิตน้อย ๆ นี้ทิ้งอย่างแน่นอน “วิ่งตามมันไปตามพระบัญชาขององค์ชาย!” เสียงนั้นแผ่วเบาราวกับกระซิบให้ได้ยินแค่เพียงกลุ่มคนในความมืดเท่านั้น พวกมันกว่าหกคนกำลังวิ่งไล่ตามชายผู้หนึ่ง เขากัดฟันแน่นขณะที่เท้ายังไม่หยุดวิ่งพยายามอย่างยิ่งที่จะหลบหนีจากการถูกลอบสังหาร เขาได้ยินไม่ผิด ผู้ที่สั่งมาฆ่าเขานั้นคือเสด็จพี่ของเขาเอง และยังเป็นวันพิธีก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ของแคว้นฉี ‘กู่ฉางเฟิง’ หอบหายใจเหนื่อย เท้าเปลือยเปล่าขูดกับเศษหินระหว่างทางจนเกิดแผล ความเจ็บปวดหาใช่สิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้ไม่ ถ้าหากไม่มีชีวิตรอดแล้วอย่างไร ความเจ็บปวดเพียงเท่านี้หาได้เทียบเท่ากับสิ่งที่เขากำลังเผชิญไม่ “อย่าปล่อยให้มันหนีรอดไปได้” เสียงพวกมันอยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มข่มความเจ็บก่อนจะออกตัววิ่ง ดวงตาแดงก่ำพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาตลอดทาง ทั้งโกรธแค้นและเจ็บปวด เขายังจดจำภาพที่มารดาของเขาถูกสังหารลงอย่างโหดเหี้ยมกับพ่อผู้ที่ไม่เคยสนใจมารดาของเขาเลยแม้แต่น้อย นี่หรือของขวัญในวันเกิดที่เขาเฝ้ารอ เสด็จพ่อผู้ที่เป็นถึงองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นฉีผู้ครองแคว้นกว่าหนึ่งในสามของแผ่นดินและได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแคว้นจ้าวสงคราม  เขาที่เกิดจากสนมตำแหน่งเล็ก ๆ ในวังหลังเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากการเฝ้ามองเสด็จพี่กลับมีความสามารถมากตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้ตัวเขากลายเป็นที่ขวางหูขวางตา ยิ่งแคว้นฉีมีธรรมเนียมมาอย่างยาวนานว่าให้นับถือผู้ที่มีความสามารถ นั่นคงไปกระตุกความโกรธเกรี้ยวที่มีแต่เดิมอยู่แล้วของเสด็จพี่มากยิ่งขึ้นในการสืบราชบัลลังก์ สิ่งที่เรียกว่าอำนาจและคำเยินยอ เขาไม่เคยคิดว่าสิ่งนั้นเป็นของตนและไม่เคยคิดว่ามีสิทธิ์ที่จะได้รับมัน แต่เพียงเพราะความกลัวทำให้คน ๆ หนึ่งกลายเป็นคนที่เหี้ยมโหดได้ถึงเพียงนี้ ...หากข้ารอดไปได้พวกมันจะต้องชดใช้ สิ่งที่พวกมันมีต้องเป็นของข้าและสิ่งที่พวกมันหวังข้าจะเป็นคนทำลายมันให้ย่อยยับด้วยมือของข้าเอง ฟิ้ว! “อึก!” ปลายธนูเฉี่ยวโดนไหล่และข้างแก้มของกู่ฉางเฟิง เลือดค่อย ๆ ไหลซึมออกจากบาดแผลแต่เขาก็ไม่อาจจะหยุดลงตรงนี้ได้ เขายังคงใช้เรี่ยวแรงออกตัววิ่งอย่างไม่คิดชีวิต “มันอยู่นั่นจับตัวกบฏเอาไว้” ช่างน่าขันเขาอายุเพียงสิบแปดหนาวไม่มีแม้แต่คนสนับสนุนในวังจะคิดก่อกบฏได้อย่างไร หากใครมาได้ยินเข้าคงคิดว่านี่เป็นเรื่องล้อเล่นกระมัง แต่มันหาใช่กับ ‘กู่จ้าเถียน’ มันคงวางแผนมาแล้วและมันน่าตลกไปอีกที่เสด็จพ่อเชื่อในคำบอกกล่าวที่ไร้สาระของมัน สองเท้ายังวิ่งตรงไปด้านหน้า ร่างกายเริ่มไร้เรี่ยวแรง ภาพตรงหน้าเริ่มเกิดความพร่ามัว 'บัดซบ พวกมันถึงขนาดใช้ลูกศรอาบยาพิษเลยงั้นรึ!'  กู่ฉางเฟิงขบสันกรามจนปูดโปนพยายามเรียกสติที่ใกล้หมดของตน รอบด้านที่มืดสนิททำให้เขามองไม่เห็นเลยว่าเบื้องหน้าเป็นผาสูงชัน เนื้อตัวมีบาดแผลเป็นรอยเต็มตัวที่เกิดจากกิ่งไม้ปลายแหลม เด็กชายหันมองไปที่เบื้องหลังของเขา กลุ่มคนในชุดสีดำยังคงตามมาอย่างไม่ลดละ เพียงแค่ก้าวเดียวที่ก้าวออกไปเท้าเหยียบโดนแต่เพียงความว่างเปล่า ฟึบ! ร่างชายหนุ่มนั้นตกลงไปในเหวลึก ความสว่างจากแสงจันทร์ยังไม่อาจส่องให้เห็นถึงเบื้องล่าง กู่ฉางเฟิงไม่แม้แต่จะตะโกนร้องออกมาปล่อยให้ร่างหล่นหายไปในความมืด ...หากเขารอดมาได้มันคงเป็นพรจากสวรรค์ที่ให้โอกาสเขาได้แก้แค้น ภายในตลาดมืดของแคว้นหยูเจียง เขตแดนขนาดเล็กที่คั่นกลางระหว่างแคว้นฉีและแคว้นฉิน ทางเดินใหญ่ขนาบข้างไปด้วยสิ่งปลูกสร้างไม้สองชั้น หน้าร้านประดับด้วยโคมลอยสีแดงเป็นทางยาวสุดลูกหูลูกตา บริเวณหน้าร้านมีคนยืนอยู่หนึ่งถึงสองคนเพื่อคอยเรียกลูกค้า บ้างที่มีคนปูขายของอยู่ตามริมทางเดิน บางร้านมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยแต่งตัววาบหวิวเชิญชวนแขกเหรื่อเข้าไปใช้บริการ นับเป็นสถานที่ที่มีความคึกคักในยามค่ำคืน “ตรงนี้มีของหายากมากมายขอรับ เร่เข้ามา ของดีราคาถูก!” “เชิญเข้ามาก่อนได้ขอรับ” ผู้คนต่างมุ่งมั่นในการเชื้อเชิญผู้คนเข้าร้านของตน หลายคนเดินเข้าไปยังร้านนั้น หนึ่งบุรุษและหนึ่งเด็กน้อยในชุดคลุมสีดำเดินเรียบพวกเขามาอย่างไม่สนใจ ชายหนุ่มองครักษ์ข้างกายมองเด็กหญิงที่เดินนำหน้าด้วยความว้าวุ่นใจ เขากระชับเสื้อคลุมให้กับนางแต่กลับถูกนางปัดออกอย่างไม่ไยดี มือขาวซีดที่โผล่พ้นออกมาจากชายเสื้อทั้งเล็กและบอบบางจนเห็นเส้นเลือดชัดเจน “พระวรกายท่านไม่สู้ดี ท่านต้องการสิ่งใดตรัสแก่กระหม่อมให้กระหม่อมออกมาเองเสียดีกว่า” “ภายในวังช่างน่าเบื่อหน่าย ข้าต้องการออกมาเลือกด้วยตัวข้าเอง อย่างนั้นจงกลับไปเสียหากเจ้ายังพูดจามากความเช่นนี้ แค่ก แค่ก” ‘ต้าชุน’ รีบหยิบผ้าซับผืนเล็กยื่นให้กับนาง ปกติเขามิใช่คนที่จะพกสิ่งนี้ติดตัว แต่เป็นเพราะคนข้างกายเขายามนี้ที่มีร่างกายอ่อนแอได้อย่างน่าเหลือเชื่อ น้อยครั้งนักที่นางจะออกมาข้างนอกในยามวิกาลเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะนางต้องการสิ่งนั้น อาการไอมักจะเป็นอาการปกติของคนทั่วไป แต่กับนางที่ไอพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาด้วยนั้นมันไม่ใช่เรื่องปกติเอาเสียเลย “เลิกมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้นแล้วรีบไปยังจุดหมายของเราเสียที” ‘จ้าวลู่ชิง’ เอ่ยเสียงเรียบ ความสุขุมเกินวัยของนางฉายชัดบนดวงหน้างดงาม ดวงตากลมโตไร้ความรู้สึกราวกับเบื่อหน่ายกับทุกสิ่งบนโลกใบนี้ “ขอรับองค์หญิง” จ้าวลู่ชิงองค์หญิงแห่งแคว้นหยูเจียงในวัยเพียงสิบห้าหนาว แม้นางจะมีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงของแคว้น แต่นางกลับมีใบหน้าที่เศร้าหมองอยู่ตลอดเวลา พระธิดาแห่งอดีตฮ่องเต้แห่งแคว้นหยูที่บัดนี้ถูกปกครองด้วยจ้าวหนานเหอหรือเสด็จอาของนางเนื่องจากอดีตฮ่องเต้ได้สวรรคตลง เมื่อไร้ซึ่งบิดาจ้าวลู่ชิงกลายเป็นที่รังเกียจของคนภายในวังเนื่องด้วยนิสัยที่เย่อหยิ่งและโผงผางของนางทำให้ทุกคนต่างเอือมระอา แต่เพราะมีสายเลือดของราชวงศ์ที่เป็นถึงอดีตฮ่องเต้ เหล่าผู้คนจึงจำยอมปิดตาข้างหนึ่งถึงพฤติกรรมที่ไร้ศีลธรรมของนาง ดังเช่นการซื้อทาสนี้นับเป็นหนึ่งในความชื่นชอบของนางเช่นกัน ถ้าหากไม่นับเรื่องอื่น ๆ เช่นการทรมานสัตว์และการกักขังนางกำนัลในวังเพราะความสนุกของตนเอง “เชิญขอรับ” เบื้องหน้าเป็นร้านขนาดใหญ่อยู่เกือบสุดทางเดินที่ยืดยาว ภายในร้านขายอาวุธและเครื่องรางมีคุณภาพมากมาย แต่เบื้องหลังนั้นกลับเป็นแหล่งการค้าทาสหลายใหญ่ของแคว้น ซึ่งเสด็จอาเองล่วงรู้ถึงความไม่ถูกต้องนี้แต่เลือกที่จะเพิกเฉย เพราะมันเป็นแหล่งกอบโกยเงินเข้าพระคลังชั้นดี จ้าวลู่ชิงเดินเข้ามายังภายในร้านพร้อมกับต้าชุน นางสูงเพียงแค่เอวเขาเท่านั้น “ข้ามารับสินค้า” ต้าชุนกล่าวเสียงเรียบไปยังเจ้าของร้านที่เดินเข้ามาต้อนรับพวกเขา เขารู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้หมายถึงสินค้าอะไร ชายแก่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “เชิญทางนี้ขอรับ มีสินค้ามาใหม่เมื่อวันก่อนคุณภาพดีนักขอรับ” ชายแก่ได้ทีจึงรีบขายสินค้าในทันที เขาเปรยตามองคนตัวเล็กข้าง ๆ ชายหนุ่มผู้นั้นเล็กน้อย “นางเป็นผู้ซื้อ” ต้าชุนตอบแทนในสิ่งที่ชายแก่กำลังสงสัย เด็กหญิงในชุดคลุมสีดำปกปิดใบหน้า หลังเหยียดตรง ทุกย่างก้าวเดินล้วนสง่างามทำให้นึกถึงคุณหนูผู้สูงศักดิ์ในห้องหอก็ไม่ปาน ท่าทางเช่นนั้นของนางทำให้พวกเขาต่างยำเกรงและยิ่งให้ความนอบน้อมยิ่งขึ้นเมื่อเห็นบุรุษที่ปล่อยกลิ่นอายน่าเกรงขามข้าง ๆ นาง “ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ได้โปรดคุณหนูโปรดให้อภัยในความสงสัยของข้าน้อยผู้นี้” “ท่าน” “ขะ ขอรับ” “แทนตัวข้าว่าท่านสิเจ้าโง่” เสียงเล็กหวานใสกล่าวคำพูดที่น่าเหลือเชื่อออกมา ชายแก่เมื่อได้ยินเช่นนั้นพร้อมกับเห็นท่าทางแข็งขื่อจากบุรุษที่มาด้วยกันแล้วจึงรีบเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกนางในทันที “นะ นายท่าน” “ดี หากครั้งหน้าเจ้ายังเรียกตัวข้าผิดอีก คงรู้ใช่หรือไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น” ภายใต้ชุดคลุมนั้นริมฝีปากอวบอิ่มแสยะยิ้มเล็กน้อยเมื่อชายแก่ตรงหน้าตัวสั่นระริกพร้อมกับแววตาที่แสดงถึงความหวาดกลัวต่อหน้านางผู้นี้  ต้าชุนลอบถอนหายใจ เขาเห็นการกระทำเช่นนี้จากนางมานับไม่ถ้วน แต่เขากลับไม่มีสิทธิ์จะห้ามปรามนางนอกจากเฝ้ามองอยู่เยี่ยงนี้ “สินค้าชิ้นใหม่ที่เจ้าว่า จงพาข้าไปดู” “ขะ ขอรับ เชิญตามข้ามาขอรับ…นายท่าน” เถ้าแก่ของร้านเดินนำไปยังอีกฟากหนึ่งของผนัง เป็นห้องเก็บของขนาดเล็กที่จุคนได้เพียงสี่ถึงห้าคนเท่านั้น ภายในนั้นมีชั้นวางหนังสือวางอยู่ตรงริมฝั่งซ้ายของผนัง ชายแก่คนนั้นดึงหนังสือออกมาประมาณห้าเล่ม กลไกของประตูถูกปลดออกปรากฏเป็นเส้นทางยาวลงไปเบื้องล่าง “ระวังขอรับมันค่อนข้างมืด” ต้าชุนโน้มตัวกระซิบพร้อมกับยื่นมือให้กับเด็กหญิงตัวเล็กข้าง ๆ นางชายตามองเล็กน้อยแต่กลับไม่ยอมรับมือของเขา แล้วเดินตามชายแก่นั้นลงไป ต้าชุนเพียงยืดตัวกลับที่เดิมก่อนจะเดินตามหลังนางไปอย่างเงียบ ๆ เท้าเหยียบลงบนพื้นที่ชื้นแฉะ ข้างใต้นี้มีลักษณะคล้ายกับอุโมงค์ที่ถูกเจาะเป็นทางยาว ทั้งสองข้างเป็นลูกกรงที่บรรจุสินค้าอยู่ภายใน เคล้ง เคล้ง เสียงโซ่ขยับเหล่ามนุษย์ทั้งเด็กและผู้ใหญ่กรูเข้ามาตรงหน้ากรง หวังให้คนมาใหม่นำพาพวกเขาออกไปจากที่โหดร้ายแห่งนี้ เนื้อตัวของพวกเขามีรอยแผลที่ไม่ได้รับการรักษากำลังเน่าเปื่อย คนพวกนี้หากไม่ได้รับการซื้อออกไปก็จักต้องถูกขายไปใช้แรงงานที่ชายแดนจนกว่าจะตาย ต้าชุนมองพวกเขาเหล่านั้นด้วยความเวทนา ผิดกับจ้าวลู่ชิงที่เดินนำไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามองพวกเขาที่ร้องขอด้วยความน่าสงสาร “ข้าหวังว่าสินค้าของท่านจะไร้ตำหนิ หากไม่เป็นเช่นนั้นข้าคงไม่ประสงค์จะทำการค้ากับท่าน” “ได้โปรดวางใจขอรับนายท่าน สินค้าชิ้นนี้ข้าให้คนดูแลเป็นอย่างดี” จ้าวลู่ชิงไม่ได้ตอบสิ่งใดกลับมา นางเดินตามเถ้าแก่ไปอย่างเงียบ ๆ ทั้งสามคนเดินมาหยุดอยู่ตรงลูกกรงที่อยู่สุดทางเดิน ภายในกรงขังนั้นปรากฏเงาของชายผู้หนึ่งถูกล่ามโซ่ไว้ทุกส่วนของร่างกาย แสงจากคบไฟถูกส่องไปยังภายในลูกกรง ปรากฏให้เห็นร่างที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลมากมายบนร่างกายกำยำนั่น เลือดสดไหลซึมจนชุ่มผ้าสีขาว “เจ้าดูแลสินค้าอย่างดีแล้วแน่หรือ” นั่นคือสิ่งที่นางถามออกมาด้วยสายตาว่างเปล่า “ข้าได้รับเขามาจากคนเถื่อนอีกทอดหนึ่ง เป็นบุรุษที่ดื้อด้านและมีความสามารถในระดับหนึ่งจนข้าต้องมัดเขาเอาไว้เช่นนี้ ...แต่เพราะเขารูปงามนักข้าจึงรับไว้ขอรับ” “รูปงามและเก่งกาจงั้นรึ” จ้าวลู่ชิงกล่าวกระซิบกับตนเองพร้อมนัยน์ตาที่เปล่งประกาย ต้าชุนที่เห็นแววตาของนางนั้นจึงได้แต่ถอนหายใจอีกครั้ง แววตาเช่นนี้นางคงตัดสินใจที่จะนำตัวชายผู้นี้ไปเป็นแน่ “ขอรับนายท่าน” “หากข้าทำให้เขาจำนนต่อข้าได้ คงกลายเป็นหมาที่ซื่อสัตย์สินะ ...เปิดประตู” “ตะ แต่ว่านายท่าน” “ข้าสั่งให้เปิดประตูไม่ได้ยินรึ!!” เสียงเล็กตวาดใส่ พร้อมกับที่นางชักดาบออกจากฝักของต้าชุน ชายแก่มีท่าทีสั่นกลัวมองไปยังต้าชุนเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่กลับได้รับสายตาเรียบเฉยจากบุรุษผู้นั้นแทน ต้าชุนไม่สะทกสะท้านต่อการกระทำนี้ขององค์หญิงแต่อย่างใด แต่หากนางกระทำเกินกว่าเหตุเขาถึงจะค่อยเข้าไปขัดขวาง “ขอรับนายท่านข้าจะเปิดให้เดี๋ยวนี้” ชายแก่กุลีกุจอไปเปิดกรงเหล็กเพื่อให้นางเข้าไป นางเดินเข้าไปพร้อมกับดาบเล่มยาวในมือ เสียงดังปลุกให้ชายหนุ่มที่ถูกตรึงด้วยโซ่ค่อย ๆ ตื่นขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลคล้ายเปลือกไม้ปรากฏแก่สายตาของนาง เขาค่อย ๆ ปรับสายตาให้เข้ากับความสว่างที่ไม่ได้เห็นมานาน เบื้องหน้าเขาปรากฏร่างของคนผู้หนึ่ง ‘เด็กผู้หญิงงั้นหรือ’ รูปร่างบอบบางและสัดส่วนที่เล็กนั่นทำให้เขารู้ได้ทันทีว่านางเป็นผู้หญิง จ้าวลู่ชิงค่อย ๆ ถอดผ้าคลุมออก เบื้องหลังผ้าคลุมที่กู่ฉางเฟิงเห็นปรากฏเป็นใบหน้าของเด็กหญิงที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มกับพวงแก้มสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากหยักอวบอิ่ม ดวงตากลมโตสีดำสนิท ทุกสัดส่วนบนใบหน้าของนางรวมกันแล้วคงเรียกได้ว่างดงามและน่ารักในเวลาเดียวกัน นางดูยังไม่พ้นวัยปักปิ่นเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อมองไปทางด้านหลังที่เห็นคนที่จับเขามาใส่กรงจึงรับรู้ได้ทันทีว่านางมาเพื่อสิ่งใด สายตาแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวจ้องมองไปยังเด็กผู้หญิงตัวเล็กเบื้องหน้า “คิก ข้าชอบสายตาเจ้า แววตาและท่าทางขัดขืนเช่นนี้ทำให้ข้าอยากทำให้เจ้าเชื่องแล้วเป็นของข้าเสียจริง” คำพูดที่ทำกับเขาราวกับเป็นสัตว์ตัวหนึ่งทำให้เขารู้สึกรังเกียจนาง “น่ารังเกียจ!” ชึบ! “อึก!!” ดาบเล่มยาวถูกปักลงตรงขาของเขาด้วยฝีมือของจ้าวลู่ชิง กู่ฉางเฟิงกัดฟันแน่นข่มความเจ็บปวดเอาไว้จนริมฝีปากห้อเลือด จ้าวลู่ชิงฉีกยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ไม่ปกติมากที่สุดเท่าที่กู่ฉางเฟิงเคยเห็นมา แววตาของนางวาวโรจน์ นางชอบของเล่นชิ้นใหม่นี้ของนางเป็นอย่างมาก “มาดูกันว่าเจ้าจะอดทนบนศักดิ์ศรีของเจ้าได้มากเท่าใด ข้าซื้ออันนี้” “...” นางสวมผ้าคลุมกลับไปก่อนจะปาดเลือดที่กระเด็นใส่เสื้อคลุมของนางออกอย่างไม่ไยดี ต้าชุนรับดาบกลับมาด้วยความโล่งใจที่นางไม่ฆ่าเด็กคนนั้นไปเสียก่อน เพราะเขาไม่อยากตามจัดการเรื่องยุ่งยากที่นางก่อ “รับทราบขอรับนายท่าน ให้ข้าจัดส่งสินค้าไปที่ใดหรือ” “ที่ตำหนักกงหยวน วังหยูเจียง” “!” ชายแก่รีบคุกเข่าโค้งคำนับต่อนางที่เดินออกไปแล้ว สายตาเคียดแค้นหนึ่งยังคงจับจ้องไปยังร่างของชายหนุ่มผู้น้ัน ไม่ว่าใครหน้าไหนมันก็เป็นขยะไปเสียหมด ณ ตำหนักกงหยวน กู่ฉางเฟิงถูกโยนเข้ามาภายในห้อง บาดแผลถูกรักษาไว้ระหว่างทางอย่างลวก ๆ แต่เขาไม่ได้สนใจมันเท่าใดนัก เพราะสิ่งที่ทำให้เขาไม่อาจจะคิดอย่างอื่นไปได้คือสตรีสวมชุดบางเสียจนเผยเรือนร่างที่เย้ายวน กลิ่นกำยานหอมหวนไปทั่วทั้งห้อง  ชั่วครู่เดียวที่สูดดมเข้าไปร่างกายเริ่มรู้สึกร้อนรุ่ม กู่ฉางเฟิงรู้สึกตัวว่าสิ่งที่เขากำลังดมเข้าไปนั้นเป็นกลิ่นปลุกกำหนัด ร่างสูงขบสันกรามแน่น สายตาพร่ามัวมองสตรีตรงหน้าที่ยิ้มยั่วยวนอยู่บนเตียง  เท้าเปลือยเปล่าก้าวลงมาจากเตียง ร่างอรชรของอิสตรีดึงดูดจนเขาจวนจะทนไม่ไหว กลิ่นของนางยิ่งชัดเจนขึ้น กลิ่นหอมของดอกกุหลาบป่าปลุกเร้าอารมณ์ดิบเถื่อนภายในกาย  "เป็นของข้าสิ" เสียงของนางช่างไพเราะและยั่วยวนในเวลาเดียวกัน มือบางขยับลากผ่านขาของเขาช้า ๆ สัมผัสแท่งหยกที่กำลังแข็งขืนของเขา  "อ่า!"  แท่งหยกร้อนแข็งสู้มือ มันกระตุกตามแรงปรารถนาที่พยายามข่มเอาไว้  "จะ เจ้า!!"  ริมฝีปากของเขาถูกปากเล็ก ๆ ของนางประกบลง คำพูดนั้นกลืนลงคอนางจูบอย่างไม่เป็นประสา มือของนางลูบคลำท่อนลำของเขาอยู่เช่นนั้นจนเขาปวดหนึบ เขาต้องการมากกว่านี้ กู่ฉางเฟิงเริ่มไม่ได้สติมีแต่ความต้องการจากร่างกายเล็ก ๆ ตรงหน้า นางปลดเสื้อคลุมของตัวเองออก ใบหน้างดงามขึ้นสีแดงระเรื่อ ผิวขาวของนางเปลี่ยนเป็นแดงอ่อนทั่วทั้งตัว ทรวงอกอิ่มบดเบียดแนบชิดกายเขา  ชึบ  เขาไม่อาจจะทนอีกต่อไป ผลักร่างกายเล็กลงบนพื้นที่เย็นเฉียบแต่ภายในกายของคนทั้งคู่นั้นร้อนรุ่มดั่งไฟ  "อ๊า!" เต้ากลมตึงถูกดูดและเม้มขบอย่างรุนแรง สองมือหยาบลูบไล้ร่างกายนุ่มนิ่มตรงหน้าไปทั่ว ร่างกายบิดเร้าบดเบียดเข้าหากันด้วยไฟราคะ  "อ้ะ อื่อออ" เล็บจิกลงบนแผ่นหลังกว้างดั่งความต้องการที่พรั่งพรู ริมฝีปากหยักโลมเลียไปทั่วร่างกายนาง กลางกายสัมผัสได้ถึงท่อนลำที่ทั้งใหญ่และยาวกำลังถูอยู่ตรงร่องสวาทของนาง นางสั่นด้วยความเสียวซ่าน "กรี๊ดด!" กู่ฉางเฟิงทนไม่ไหวอีกต่อไป จับขานางแยกออกทั้งสองข้างก้มมองดูบุปผางามที่ยังปิดสนิท เขาชักท่อนลำของเขาสองสามทีก่อนจะทิ่มพรวดเดียวเข้าสู่กายนาง จ้าวลู่ชิงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ช่วงล่างของนางระบมจนแสบ เลือดพรหมจรรย์ไหลออกมาตามร่องขา ความเจ็บและความคับแน่นทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก 'นางยังบริสุทธิ์!' "เจ้าทำเช่นนี้ทำไม" นางไม่ได้ตอบสิ่งใดกลับขยับกายเร่งให้เขาสอดใส่เข้ามาลึกขึ้น กู่ฉางเฟิงขบสันกรามจนเส้นเลือดปูด มันทั้งแน่นและเสียวไปทั้งท่อนลำ ปัก ปัก ปัก ปัก เขาขยับกายกระแทกท่อนลำใส่นางอย่างดุเดือด เขาแบะขานางออกจนกว้าง เรือนร่างงดงามในชุดสีแดงแผ่หลาอยู่บนพื้น เรือนผมสีดำยาวแผ่สยายอยู่เบื้องหลังยิ่งทำให้นางดูงดงามราวกับเทพธิดา และเขาไม่เคยพบสตรีใดที่งดงามได้เท่านางมาก่อน ท่อนเอ็นกระแทกกระทั้นจากที่เจ็บปวดเริ่มเปลี่ยนเป็นความเสียว หน้าอกถูกเขาบีบเคล้นอย่างโหดร้ายร่างกายของนางเขยื้อนไปตามแรงกระแทกของเขา กู่ฉางเฟิงขยับกายเข้าสุดออกสุดพลางก้มลงดูดอกงามอย่างรุนแรง "อ๊ะ อ้า อื้อ อ๊ะ อ๊ะ" เสียงหวานร้องระงมอยู่ข้างหูยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ที่ดิบเถื่อน เขาจับนางหันหลังก่อนจะยัดเข้าไปสุดแรง "อ๊า!!" จ้าวลู่ชิงไม่อาจรับรู้สิ่งใดได้อีก นางอ้าข้ารับแรงกระแทกจากเขา เนื้อตัวแดงเป็นจ้ำจากความรุนแรงและป่าเถื่อนที่เขามอบให้  ปัก ปัก ปัก  "ซี้ด อ่า" กู่ฉางเฟิงขยับกายอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ภายในนางตอดรัดจนเขาปวด มือหยาบบีบบั้นท้ายของนางจับนางแหวกก่อนจะซอยเข้าสุดออกสุด มันทั้งลึกและเสียวสุด ๆ "อ๊ะ อื้อ!" "ตอดข้าแน่นเกินไปแล้ว ซี้ด" เมื่อใกล้ถึงฝั่ง ภายในนางตอดเขาถี่ยิบ เขาขยับอย่างรุนแรงจนบั้นท้ายนางขึ้นสีแดง เขากระตุกสองสามทีก่อนจะพ่นน้ำขาวขุ่นเข้าสู่ร่องนางจนเต็ม  ฟุบ ทั้งสองหายใจหอบถี่เขาหมดแรงล้มลงซบบนไหล่เล็ก แก่นกายกลับมาแข็งขืนอีกครั้ง แต่เมื่อมองคนใต้ร่างก็พบว่านางสลบไปเสียแล้ว ...แต่เขาไม่อาจจะหยุดอารมณ์ในตอนนี้ได้ เขาทำมันอีกครั้งและอีกครั้งจนเกือบรุ่งสาง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD