ตอนที่ 3 หัวใจไหวหวั่น

1080 Words
“อืม จะว่ายังไงดี ถ้ายุ่งก็จะยุ่งยาวเลยค่ะ แต่ถ้าไม่มีเคสด่วนก็ยังพอมีเวลาไปทำอย่างอื่นบ้างค่ะ” “ดูเหนื่อยจังนะคะ” ปิ่นอนงค์พูดออกมาเมื่อนึกตามที่คิด “เหนื่อยค่ะ แต่แลกกับชีวิตอีกหลายชีวิตที่เราช่วยได้ มันก็มีความสุขค่ะ” ใบหน้าของพยาบาลสาวอมยิ้มเมื่อนึกถึงแฟนของเธอ ปิ่นอนงค์คิดในใจหากเป็นเธอคงทำแบบนั้นไม่ได้แน่ๆ การที่ต้องเป็นหมออุทิศชีวิตให้ผู้ป่วย สำหรับเธอแล้วต้องเสียสละมากแค่ไหนกันถึงจะทำเพื่อผู้อื่นแบบนั้นได้ “พี่กลับก่อนนะคะ วันนี้มีเวรเช้าเวรเดียว เดี๋ยวสักพักจะมีพี่อีกคนมาดูแลแทน” “ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” “ค่ะ” เวลาล่วงเลยมาถึงสี่โมงเย็น ร่างบอบบางนั่งทานขนมเพลินๆ ขณะรอน้องชายมาเยี่ยม จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือที่เธอไม่ได้แตะมานานพลันดังขึ้น ก่อนที่มือเล็กจะวางถุงขนมขบเคี้ยวลงแล้วเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะข้างเตียงมากดรับ “ค่ะ” เมื่อปลายสายเป็นเสียงของเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกัน รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยของปิ่นอนงค์ เพราะหญิงสาวไม่ได้พูดคุยกับเพื่อนๆ มานานหลายเดือนหลังจากประสบอุบัติเหตุ แถมแม่เลี้ยงของปิ่นอนงค์ก็ไม่ยอมให้เธอจับโทรศัพท์หลังจากที่ท่านจับได้ว่าเธอชอบเล่นมันจนดึกดื่น “เด็กติดโทรศัพท์” ปิ่นอนงค์เงยหน้ามองคนที่มาใหม่ทันทีหลังจากที่เธอเพิ่งวางสายกับเพื่อนๆ ไป เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอเป็นคนติดโทรศัพท์มากแค่ไหน คิ้วเรียวพลันขมวดเข้าหากันอย่างงงงวย หมอกล้าเดาได้ไม่ยากว่าเธอกำลังสงสัยเขาอยู่ “ขนาดเปิดประตูเข้ามาเสียงดังยังไม่รู้สึกตัว สงสัยจะต้องริบคืน” “เฮ้! เรื่องอะไรล่ะ” ปิ่นอนงค์รีบเก็บโทรศัพท์หลบไว้ข้างหลังทันที คุณหมอหนุ่มมองท่าทางราวกับเด็กของปิ่นอนงค์ก็รู้สึกที่จะอมยิ้มนิดๆ ไม่ได้ “อาการของคุณเริ่มดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ ช่วงนี้คุณทานยาตรงเวลารึเปล่า” ปิ่นอนงค์พยักหน้า “อืมก็ทาน แล้วขาฉันเมื่อไหร่จะหายดีล่ะ” “มันต้องใช้เวลานะคุณ กระดูกหักไม่ใช่แผลถลอกจะแปปๆ ก็หายดี” “ฉันอยากเดินได้แล้วนี่” คนป่วยอดที่จะงอแงไม่ได้เพราะเธอต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้มาเป็นเดือนแล้ว “ไม่ต้องห่วงยังไงก็กลับมาเดินได้ปกติแน่นอน อ้อ! ถ้ากระดูกของคุณเริ่มเข้าที่แล้วคุณก็คงต้องทำกายภาพบำบัด อีกสักประมานเดือนนึงคุณคงจะหายดี” กรกล้าเอ่ยยิ้มๆ เพราะวันนี้เขาตั้งใจมาบอกข่าวดีกับเธอ “ค่ะ คุณหมอ” ทว่าคนป่วยกลับไม่ได้รู้สึกยินดี ตรงกันข้ามหญิงสาวกลับประชดประชันคุณหมอหนุ่มซะงั้น กรกล้าส่ายหน้าให้กับเสียงประชดประชันของปิ่นอนงค์ สายลมเย็นๆ พัดผ่านเข้ามาพร้อมกลิ่นไอของฝนที่เริ่มทยอยลงเม็ด ร่างสูงรีบเดินไปปิดหน้าต่างพลางรูดม่านปิดให้มิดชิด ทว่าคนป่วยกลับทำใบหน้าปั้นปึ่งไม่พอใจ “คุณปิดทำไม ฉันชอบบรรยากาศตอนฝนตกมากที่สุดเลยรู้ไหม?” “คุณไม่กลัวเวลาฟ้าแลบรึไง?” “ไม่นะ” ปิ่นอนงค์หรี่ตาจับผิด “หรือว่าคุณกลัว? เห…คุณหมอกลัวเหรอคะ?” แววตาล้อเลียนนั่นเหมือนกำลังได้เรื่องสนุกไว้แกล้งกรกล้า เห็นแก่ความสุขของคนป่วยคุณหมอหนุ่มเลยจำต้องโกหกอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ไม่เท่าไหร่” ปิ่นอนงค์ตกหลุมพรางเข้าอย่างจัง เธอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พลางพูดขึ้นว่า “พี่พยาบาลคนสวยฉันกลับไปแล้ว ถ้าคุณไม่ได้ไปไหนต่อก็มานั่งคุยกับฉันได้ไหมล่ะ ตรงนี้” กรกล้ามองตามตำแหน่งที่นิ้วเรียวสวยชี้ แล้วเขาก็คิดไม่ผิดจริงๆ ที่เธอจงใจให้เขานั่งข้างๆ เตียงของเธอ เพราะเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างเตียงของเจ้าหล่อนมันติดกับหน้าต่างพอดี “เสียใจ ผมมีคนไข้ที่ต้องดูแลอีก” หมอกล้ารีบปฏิเสธอย่างรู้ทัน “เอ๊ะ! คุณต้อง...” ยอมฉันสิ “ครับ?” ปิ่นอนงค์รู้สึกฮึดฮัดไม่ได้ดั่งใจ เพราะทุกทีเขาก็มักยอมเธอไปซะหมด หรือว่าวันนี้เธอจะเล่นแรงเกินไปหน่อยจนเขากลัวจริงๆ ความรู้สึกผิดพลันเกาะกินใจหญิงสาวช้าๆ ความเงียบงันทำให้บรรยากาศภายในห้องดูอึดอัด ร่างบอบบางรู้สึกกระสับกระส่ายเมื่อคนตรงหน้าเธอเอาแต่เงียบนิ่งไม่พูดอะไรออกมาเลย หรือว่าเขาจะโกรธเรารึเปล่านะ… “ทำไมคุณถึงอยากเป็นหมอล่ะ” เมื่อทนความอึดอัดไม่ไหว ปิ่นอนงค์จึงเลือกที่จะทำลายความเงียบด้วยการถามคำถามที่เธออยากรู้ กรกล้าถึงกับนิ่งงันไปชั่วครู่เพราะเขาไม่นึกว่าคำพูดแบบนี้จะหลุดออกมาจากปากสวยๆ ของปิ่นอนงค์ได้ “ก็…ส่วนหนึ่งพ่อผมเป็นหมอ อีกส่วนหนึ่งเพราะผมคลุกคลีที่โรงพยาบาลตั้งแต่เด็ก อาจจะเพราะคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมด้วยก็เลยทำให้ผมไม่อยากจะไปทำงานที่อื่น พอโตขึ้นผมก็ตั้งใจที่จะเป็นหมอจริงๆ เพราะการได้ช่วยเหลือคนอื่นมันทำให้ผมรู้สึกดี แต่ในสายตาคนอื่นอาจจะมองว่าอาชีพหมอมันโก้หรู แต่คุณรู้อะไรไหม…กว่าผมจะมายืนตรงนี้ได้ผมท้อไปหลายรอบเลยล่ะ การเป็นหมอมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ เพราะการที่เราจะต้องรักษาชีวิตคนทั้งชีวิต เราไม่สามารถที่จะเอาชีวิตของไข้มาล้อเล่นได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว…” “นี่คุณอัดอั้นอะไรมาหรือเปล่า?” ปิ่นอนงค์พูดยิ้มๆ เพราะปกติกรกล้าจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดซะส่วนใหญ่ “โถ่! ก็ผมอยากให้คุณเห็นภาพตามไงว่ากว่าที่ผมจะมายืนถึงจุดนี้ได้มันไม่ได้ง่ายๆ นะคุณ แต่อย่างน้อยในความเครียดก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง ผมยังมีพยาบาลสาวๆ สวยๆ คอยให้ผมมีกำลังใจในเวลาที่เครียด อย่างน้อยก็ไม่เหนื่อยจนเกินไป” กรกล้าแอบพูดติดตลก ใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนได้ด้วยรอยยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD