1 กลับบ้าน

1188 Words
1 กลับบ้าน สนามบินสุวรรณภูมิ… เกษรารีบโบกมือไหวๆ เมื่อสายตามองเห็นใครบางคนที่เธอมาเฝ้ารอรับเดินออกมาจากช่องผู้โดยสาร รอยยิ้มเปิดกว้างกระทั่งเจ้าของร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้ “คิงส์! คิดถึงจัง” ร่างบางระหงโถมตัวเข้าไปกอดแบบไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว “เฮ้ย ไอ้เกรซ” “อิอิ ฉันดีใจนี่นาที่นายกลับมาซะที ดูสิไปเรียนเมืองนอกเกือบสามปี ตัวสูงเป็นกองเลยอะ” หลังกอดเสร็จเรียบร้อยแบบไม่แคร์สายตาประชาชีในที่นั้น เกษราก็จีบปากจีบคอพูดพลางกวาดตามองตลอดเรือนร่างสูงเพรียวสมาร์ตสมชาย ชะโงกชะแง้ไปมองด้านหลังร่างสูงเพื่อมองหาใครคนอื่นอีก คีต์กวีส่ายหน้า โอบมือกอดบ่าเล็กเดินออกจากจุดนั้นเพื่อตรงไปยังลานจอดรถ “พ่อกับแม่ไม่กลับมาด้วยเหรอ” “ยัง ติดใจต่างประเทศเลยพากันอยู่เที่ยวต่อ” “แอบสวีตกันสองคนอีกแล้วพ่อกับแม่ แล้วนี่บอกไหมกลับเมื่อไหร่ ฉันก็คิดว่าจะกลับมาพร้อมนายซะอีก” “เธอนี่ขี้บ่นไม่เปลี่ยน เกิดก่อนแค่สองนาที ทำตัวอย่างกับเป็นแม่” “ไอ้บ้า สองนาทีฉันก็เป็นพี่สาวของนายนะ” “ใครว่า คนโบราณบอกว่าคนเกิดทีหลังเป็นพี่ต่างหาก” ชายหนุ่มตอบกลับนิ่งๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พวกเขาถกเถียงกันมาตั้งแต่เด็ก คู่แฝดจากไข่คนละใบ คนหนึ่งเป็นชาย อีกคนเป็นหญิง เกษราทำหน้าดุพร้อมค้อน “โบราณก็ช่างโบราณสิ คนเกิดก่อนแก่กว่าก็ต้องเป็นพี่” “ครับๆ คนแก่ รถจอดที่ไหน อยากกลับไปนอนที่บ้านจะแย่แล้ว อากาศเมืองไทยร้อนขึ้นหรือเปล่า” คีต์กวียอมยกธง เลิกเถียงเรื่องที่เขาไม่เคยเถียงชนะสักที เมื่อออกจากอาคารผู้โดยสารไปยังลานจอดรถ อากาศที่วูบเข้ามาสร้างความอบอ้าว เขาเดินทางไปอยู่ต่างประเทศมาสองปีเศษ เลยรู้สึกว่าเมืองไทยเปลี่ยนไปหรือจะเพราะตัวเองต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศ นิวซีแลนด์ อากาศที่นั่นมี 4 ฤดูกาล ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ โดยทั่วไปอากาศของนิวซีแลนด์จะสบายๆ ค่อนข้างเย็น แต่ไม่ถึงกับเย็นจัดจนหิมะตก เกาะเหนือจะมีอากาศอบอุ่นกว่าเกาะใต้ “ทางนี้” เกษราเดินนำไป ปล่อยให้แฝดน้องเดินลากกระเป๋าใบโตตาม พอมาถึงรถก็สังเกตพบว่า คีต์กวีมองเหมือนจะหาใคร “ฉันมารับนายคนเดียว ยัยน้ำติดเรียนน่ะบ่ายนี้” “ไม่ได้ถาม” คนตัวสูงพูดเรียบๆ ยกกระเป๋าใส่ท้ายรถในลักษณะว่าไม่ได้สนใจอะไรมากมาย หญิงสาวยื่นหน้าเข้ามายิ้ม เมื่อชายหนุ่มปิดกระโปรงรถ “รู้หรอกน่ะ นายน่ะมันคู่กัดของยัยน้ำนี่เมื่อก่อน จะบอกให้ตอนนี้เขาโตเป็นสาวสวยด้วยนะ หนุ่มๆ นี่แวะเวียนกันมาส่งถึงบ้านแทบทุกวัน” คีต์กวีหันมามองสบตาแพรวพราวของแฝดสาวด้วยสีหน้าเรียบนิ่งดุจเดิม แบมือออกมาตรงหน้า ขอกุญแจรถ “แล้วไง กุญแจรถมา” “แล้วไง... เฮอะ แค่จะบอกว่า นายจะไปแกล้งยัยน้ำเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วย่ะ แล้วจะขับเองนี่ รู้ทางเหรอไงยะ” “เธอก็บอกสิ เร็วๆ กุญแจ โยกโย้ ไม่ไปพักด้วยนะ” “ได้ไง สัญญากันแล้ว กลับมาจากเมืองนอกเมื่อไหร่ นายต้องมาพักที่บ้าน อยู่ในสายตาฉันซึ่งเป็นพี่สาว ยิ่งหน้าตาหล่อๆ เข้มๆ แบบนี้ พนันเลยต้องมีสาวติดตรึม เพราะฉะนั้นฉันต้องคอยสแกนผู้หญิงทุกคนที่จะมาเป็นน้องสะใภ้” เกษราที่ตั้งตนยึดตำแหน่งพี่พูดสีหน้าจริงจังคล้ายแม่แก่ที่คอยตีกรอบลูกชายวัยเฮี้ยว ก่อนจะหย่อนกุญแจรถใส่มือน้องชาย ซึ่งในวันนี้เปลี่ยนไปมาก หล่อเข้มขึ้น รูปร่างสูงผึ่งผายชวนใจละลาย ดูง่ายๆ สาวจริง สาวไม่จริงในอาคารผู้โดยสารต่างพากันมองตามตาปรอย “ไร้สาระ ขึ้นรถได้แล้ว” คีต์กวีไม่คิดอะไรมาก ออกจะขำกับความคิดของคู่แฝด จริงอยู่ว่า ด้วยหน้าตาที่คมเข้มตามฉบับฝั่งเอเชียของตนเรียกความสนใจจากสาวๆ ต่างชาติได้ แต่เขาไม่เคยมีความคิดจะหยุดที่ใคร เพราะคนเหล่านั้นยังไม่ใช่คนที่ใช่ของเขา รถยนต์สปอร์ตแล่นออกจากที่จอดรถท่าอากาศยานดิ่งตรงกลับบ้านซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวในย่านดอนเมือง สองครั้งในสองปีที่เขาไปอยู่ต่างประเทศในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน ชายหนุ่มพอจดจำถนนหนทางได้บ้าง ดูจากป้ายตามทางช่วย สุดท้ายตั้งระบบนำทางในโทรศัพท์มือถือ เพราะคนที่พูดเจื้อยแจ้วหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ชายหนุ่มมองคู่แฝดแล้วส่ายหน้าช้าๆ กี่ปีๆ เกษราก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เสียงแจ๋นๆ แปดหลอดไม่มีใครเกิน ขนาดว่าจะเรียนจบปริญญาตรีอยู่แล้ว ที่เพิ่มมากขึ้น คือไอ้อาการห่วงหวงเขาจนมากเกินนี่แหละ คีต์กวีนึกเลยไปถึงใครอีกคนที่พักอาศัยอยู่กับเกษรา พวกเขารู้จักกันมาแต่เด็ก นิวาริน คนที่ถูกเขาแกล้งประจำเมื่อตอนเป็นเด็กๆ เพราะบ้านที่อยู่ใกล้กัน นิวารินจึงเป็นเพื่อนเล่นของเด็กแฝดอย่างพวกเขา ก่อนที่ครอบครัวเขาจะย้ายไปซื้อบ้านในตัวเมืองตอนเรียนมัธยม เกษรากับนิวารินก็ยังติดต่อหากันเสมอ และเรียนระดับมัธยมโรงเรียนเดียวกัน ตอนนั้นมีบ้างที่เขาแกล้งเธอ แต่นิวารินไม่ค่อยตอบโต้ อย่างมากเธอก็ค้อน หรือเดินหนี บางครั้งก็หนีไปแอบร้องไห้ เกษรารู้เข้ามาบ่นเขาประจำ กระทั่งเรียนจบ เกษราเข้าเรียนในระดับปริญญาตรีอีกแห่งตามความฝันของเธอ ส่วนเขากับนิวารินเรียนที่เดียวกัน และเป็นโชคดี มหาวิทยาลัยมีโครงการทุนนักเรียนแลกเปลี่ยนซึ่งเป็นทุนแบบไม่มีภาระผูกพัน นั่นคือเรียนจบแล้วไม่จำเป็นต้องทำงานกับทางสถาบันก็ได้ คีต์กวีลองลงสอบและได้ในสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และไอที เมื่อขึ้นปีสองเขาเดินทางไปเรียนที่นิวซีแลนด์ ก่อนจะกลับมาเรียนต่อในชั้นปี 4 ซึ่งกำลังเปิดเทอมแรกอยู่ตอนนี้ ขับรถเกือบสองชั่วโมง คีต์กวีพารถมาจอดหน้าบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ ซึ่งเป็นบ้านที่พ่อแม่ของเขาซื้อไว้สำหรับให้พวกเขามาพักระหว่างเรียนนั่นเอง เสียงรถที่จอดหน้าบ้านในเวลาหกโมงเย็น ทำให้ร่างบางของนิวาริน รีบล้างมือขณะกำลังเข้าครัวทำกับข้าวง่ายๆ เช็ดมือลวกๆ กับผ้ากันเปื้อนเพื่อมาเปิดประตู “เก่งนี่ ขับมาถึงบ้านด้วย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD