Chapter 2 จำเลยซาตาน (1)

1083 Words
Chapter 2 จำเลยซาตาน (1) บนทางเดินหินเรียงที่ทอดยาวจากโรงรถไปจนจรดหน้าบ้าน ริมทางเทียนหยดออกดอกสะพรั่งสีม่วงเต็มต้น…แก้วกาญจน์ที่กำลังยืนตัดดอกชบาเพื่อปักในแจกันบนโต๊ะอาหารถึงกับชะงักมือ เมื่อเห็นนคินทร์เดินมาพร้อมกับหญิงสาวในชุดนักศึกษา...สายตาโฟกัสไปยังสองมือที่คล้องอยู่กับท่อนแขนแกร่งบ่งบอกระดับความสนิทสนม มองชุดที่อีกฝ่ายสวมใส่ สาวน้อยที่ยังอยู่ในวัยเรียนแต่มีผู้ชายควงแขนกับสัมพันธ์ลึกซึ้ง เด็กสมัยนี้คงไม่แคร์อะไรมากมายในสิ่งที่เสียไปหากวันข้างหน้าต้องเลิกรา นั่นคือความคิดของคนที่มองกลับไปในช่วงวัยที่ต่างกัน "นั่น...คุณกิ่ง แม่ใหม่อาภูนี่คะ" มาลีรินทร์ก้าวเดินให้ช้าลงพร้อมสองมือที่รั้งคนเดินข้างๆ ให้เดินช้าตาม เมื่อสัมผัสได้ว่าแววตาคู่นั้นกำลังมองมาทางตน เป็นแววตาที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ คล้ายกับว่าการที่หล่อนมาบ้านหลังนี้ช่างมองดูแปลกประหลาดสิ้นดี ทั้งที่หล่อนมองว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรหากเจ้าของบ้านเต็มใจพามานอนค้าง คนที่พาหล่อนมาก็คือลูกชายเจ้าของบ้าน มีสิทธิ์มากกว่าคนที่เพิ่งเสนอหน้ามาชุบมือเปิบกินอยู่สบายในบ้านหลังนี้ "ก็แค่ผู้หญิงหิวเงินยอมลดศักดิ์ศรีตัวเอง คุณแม่ของอามีแค่คนเดียว ใครก็ไม่มีสิทธิ์เจ๋อมานั่งแท่นตำแหน่งนั้น" "มิ้นต์ขอโทษน๊า ไม่ได้ตั้งใจทำให้อาภูอารมณ์เสีย" น้ำเสียงออดอ้อนลอดผ่านเรียวปากสีชมพู เมื่อเห็นสีหน้าและ แววตาของคนข้างๆ ฉายแววไม่สบอารมณ์อีกครั้ง "วันนี้กลับเร็วกว่าทุกวันนะจ๊ะภู" เสียงทักมาพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร ซึ่งก็เป็นอย่างที่แก้วกาญจน์พูด เพราะตั้งแต่หล่อนกับลูกมาอาศัยในบ้านหลังนี้ ในเวลาอาหารมื้อเย็น หล่อนไม่เคยเห็นหน้าทั้งสองพี่น้องเช่นนคินทร์และพราวนภามาร่วมโต๊ะด้วยเลยสักวัน หล่อนรู้...รู้ว่าทุกคนพยายามหลบเลี่ยงไม่อยากเจอหน้า เอาเรื่องงานมาบังหน้าด้วยการหาเรื่องกลับบ้านดึกทุกวัน เงียบ...เสียงของหล่อนเหมือนสายลมพัดผ่าน รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ จางหาย เมื่อไม่มีแม้ถ้อยคำใดๆ ทักกลับ ได้รับเพียงแววตาที่ส่งผ่านความเกลียดชังมาให้อย่างเปิดเผย มองตามสองคนที่เดินผ่านหน้าไปคล้ายกับหล่อนคืออากาศธาตุที่ไร้ซึ่งตัวตน 'แก้ว!' แก้วกาญจน์สลัดเรื่องตรงหน้าทิ้งไป เมื่อเห็นแก้วกัลยาเดินมาทางเดียวกับที่ทั้งสองคนก่อนหน้าเพิ่งผ่านไป...ความผิดปกติบนใบหน้าและท่าที ทำให้แววตาของคนเป็นแม่ไล่มองไปทั่วร่างลูกสาวเพียงคนเดียวด้วยความอาทรที่ล้นปรี่ขึ้นมาในอก "เป็นอะไรเหรอแก้ว ทำไมเดินแบบนั้น เท้าเจ็บหรือว่าอะไร" แก้วกัลยาทำตาหลุกหลิก ลืมคิดคำตอบเอาไว้...ก้มลงคลำที่ข้อเท้า ไม่กล้าสบตามารดา "แก้ว...เอ่อ...แก้วเดินเท้าพลิกตอนเข้าบ้านค่ะคุณแม่ สงสัย...ต้องเปลี่ยนรองเท้าคู่ใหม่แล้ว เดินไม่ดีเลยคู่นี้" "แล้วเป็นอะไรมากมั้ยลูก ต้องไปหาหมอหรือเปล่า" "ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวลองทายาดูก่อนก็ได้ค่ะคุณแม่ คงไม่เป็นอะไรมาก" "ไม่ได้เป็นอะไรมากแน่นะ แม่กลัวจะกลายเป็นกล้ามเนื้อ อักเสบน่ะสิ ยาวเลยนะถ้าหากเป็นหนักแล้วเดินไม่ได้ขึ้นมาน่ะ เชื่อ แม่เถอะนะ ไปเอ็กซเรย์เพื่อความสบายใจดีกว่ามั้ย" คนเป็นแม่อดเป็นห่วงไม่ได้ คนเจ็บรีบปราดเข้าไปสอดแขนคล้องเกี่ยวเอวมารดา คลี่ยิ้มเพื่อให้ท่านสบายใจ แสงแดดอ่อนๆ ที่กำลังจะถูกความมืดกลืนหาย ทำให้หญิงสาวรีบเบี่ยงเบนประเด็น "เข้าบ้านกันเถอะค่ะ วันนี้คุณแม่เตรียมอาหารเย็นเองไม่ใช่เหรอคะ เสร็จหรือยังเอ่ย แก้วจะได้ช่วยคุณแม่" แก้วกัลยาหมายถึงแม่ครัวขอลากลับบ้านไปทำธุระ มารดาจึงรับหน้าที่แทนเพื่อที่ทางบ้านจะได้ไม่ต้องจ้างแม่ครัวรายวัน และคนที่ทานอาหารฝีมือมารดาของตนนั้นก็มีเพียงนคเรศ คนที่มีบุญคุณและวันนี้เขากลายมาเป็นพ่อเลี้ยง นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หล่อนกับนคินทร์พบหน้ากันด้วยความไม่ประทับใจ ความร้าย...เขาแสดงมันออกมาอย่างชัดเจนถึงความเกลียดชัง แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ต้อนรับน้องสาวนอกไส้เช่นหล่อนที่มีอายุห่างกันเกือบยี่สิบปี +++++ "ปังๆๆ" เสียงเคาะประตูห้องดังถี่ระรัวราวกับมีใครในบ้านนี้ประสบเหตุร้าย แก้วกัลยารีบปราดไปยังหน้าห้อง และเพียงเปิดประตูแววตาคู่สวยต้องฉายแววตื่นตระหนก ก้มหน้าหนีหลบสายตาของคนที่ยืนยันมือข้างหนึ่งไว้กับผนัง คนที่ทำให้หล่อนกลัวการใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้เหลือเกิน...นคินทร์ "หูแตกรึไง! ฉันเรียกตั้งนานถึงไม่ได้ยินน่ะฮึ เคาะจนมือจะแตก ทำบ้าอะไรอยู่ถึงไม่ขานรับ เป็นใบ้หรือไง น่าหงุดหงิดชะมัด" มาถึงก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่ หล่อนสูดลมหายใจเข้าออกให้ลึก ต้องทนเพราะไม่อยากให้มารดาและนคเรศไม่สบายใจไปมากกว่านี้ "สงสัยแก้วอยู่ในห้องน้ำค่ะ เลยไม่ได้ยินที่คุณภูเรียก" เหลือบมองหน้าคนที่ยืนเขม่นตามองราวจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วต้องรีบหลุบตาหนีอีกครั้งเพราะสายตาคู่นั้นไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย...เอ่ยถามทั้งที่ไม่มองหน้า "คุณภูมีอะไรจะให้แก้วทำหรือเปล่าคะ" "มี! ถ้าไม่มีก็อย่าหวังว่าฉันจะเคาะเรียก คิดว่าฉันเคาะเรียกเพราะพิศวาสจนต้องเข้าหารึไง" แก้วกัลยาเลือกที่จะเงียบ เพราะรู้ว่าถ้ายิ่งต่อปากต่อคำ นั่นจะยิ่งเปิดช่องให้เขาหาเรื่องเอาคืน "ฉันกับมิ้นต์จะว่ายน้ำเล่น ช่วยเตรียมไวน์แล้วก็ผลไม้ไปให้ที่สระน้ำด้วย อ้อ แล้วก็...ช่วยไปบอกแม่ของเธอให้จัดโต๊ะดินเนอร์ที่นั่น เพราะฉัน...จะทานมื้อค่ำกับมิ้นต์สองคน ไม่อยากร่วมโต๊ะกับคนที่เกลียดยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ!"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD